สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
11. เทศกาลหิมะที่ซัปโปะโระ, ประเทศญี่ปุ่น (The Sapporo Snow Festival – Japan)


เทศกาลหิมะเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950
โดยเด็กมัธยมชาวญี่ปุ่นได้ช่วยกันปั้นหิมะจนกลายเป็นประติมากรรมสุดยิ่งใหญ่ที่สวนโอโดะริ
จนผู้คนให้ความสนใจอย่างมากและมันก็กลายเป็นเทศกาลอันน่าสนใจ
ในเวลาต่อมา แต่ทว่าเทศกาลดังกล่าว
ก็ได้ถูกระงับไปพักหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
แต่หลังจากสงครามสิ้นสุด ก็พบว่าเหล่าทหารและประชาชน
ได้ร่วมกันปั้นและแกะ สลักหิมะให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน
และเพิ่มความอลังการมากขึ้นด้วยขนาดและรูปร่างที่สวยงาม
และมันก็กลับมาเป็นเทศกาลสุดรื่นเริงอีกครั้งกระทั่งทุกวันนี้
12. เทศกาลช้าง, เมืองชัยปุระ, ประเทศอินเดีย (Elephant Festival, Jaipur, India)


ช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นสัตว์สำคัญของประเทศอินเดีย
ซึ่งในทุก ๆ ปีก็จะมีการจัดเทศกาลช้างขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม
โดยมีการแต่งองค์ทรงเครื่องช้างด้วยผ้าและเครื่องประดับ
จากนั้นก็เป็นการเดินขบวนของช้างไปตามจุดต่าง ๆ
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะคุณจะได้หัวเราะไปกับ
การแข่งขันโปโลน้ำของช้าง การชักกะเย่อ และการแข่งขันอื่น ๆ ด้วย
13. วันแห่งความตาย, ประเทศเม็กซิโก (Day of the Dead – Mexico)


Dia De Los Muerto หรือวันแห่งความตาย ถือเป็นวันหยุดของชาวเม็กซิกัน
ที่ทุกคนจะรวมใจกันอธิษฐานและสวดมนต์ถึงบรรดาครอบครัวหรือเพื่อนที่ล่วงลับให้ไปสู่สุคติ
นอกจากนี้ยังมีการเดินขบวนของประชาชนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและขนนก
คล้ายกับ อินเดียแดง และมีการเขียนหน้าหรือใส่หน้ากากรูปแบบต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย
14. ไวท์ ไนท์ เฟสติวัล, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย (White Nights Festival – Saint Petersburg, Russia)


ไวท์ ไนท์ เฟสติวัล เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง
และระบบคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง โดยจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
ที่มีปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในบางประเทศของทวีปยุโรป
นอกจากนี้คุณยังจะได้เห็นเรือใบสีแดงที่ล่องในแม่น้ำซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาล
อีกทั้งยังมีการจุดพลุดอกไม้ไฟ และแสงไฟเลเลอร์ที่สาดส่องท่ามกลางแม่น้ำด้วย
15. เทศกาลอิเล็คทริค ฟอเรสต์ มิวสิค เฟสติวัล, มิชิแกน (Electric Forest Music Festival, Rothbury, Michigan)


Electric Forest Music Festival เป็นเทศกาลที่จะทำให้คุณตื่นตาไปกับแสงไฟหลากสีท่ามกลางป่าไม้
ถือเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังมีดนตรีสดให้คุณได้สัมผัสถึงความชิลสุด ๆ
แต่จะว่าไปมันก็โรแมนติกไม่เบาเลย
ที่สำคัญผู้ที่แวะเวียนมาเที่ยวชมยังได้ทำบุญไปในตัวด้วย
เพราะรายได้บางส่วนนั้นเขาจะนำไปบริจาคให้กับหมู่บ้านยากไร้ด้วยค่ะ
16. เทศกาลแกะสลักทรายนานาชาติ, ประเทศโปรตุเกส (International Sand Sculpture Festival, Portugal)


ถือเป็นการแสดงผลงานการแกะสลักทรายกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลย
ซึ่งในแต่ละปีจะมีศิลปินกว่า 60 คน ที่ใช้ทรายมากกว่า 35,000 ตัน
ในการสร้างสรรค์ประติมากรรมชิ้นเอกให้เป็นรูปร่างรูปทรงต่าง ๆ อย่างงดงาม
ไม่ว่าจะเป็น รูปคนดัง, ภาพการ์ตูน, ภาพล้อเลียน, สัตว์ ที่สำคัญยังงดงามและสมจริงสุด ๆ ด้วยนะ
17. เทศกาลป่าฝน เวิลด์ มิวสิค เฟสติวัล, กูชิง, บอร์เนียว (Rainforest World Music Festival, Kuching, Borneo)


เป็นอีกเทศกาลที่คอดนตรีห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับดนตรีสดหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นร็อค, ป๊อบ, แจ๊ส หรืออะคูสติก
เรียกว่าเอาใจทุกคอเพลงทุกแนวดนตรีเลย และศิลปินที่มาเล่นก็เป็นศิลปินชื่อดังจากทั่วโลกด้วย
ไฮไลท์เด็ดก็คงจะอยู่ที่การได้ผ่อนคลายด้วยเสียงดนตรีท่ามกลางขุนเขาและป่า ฝน
ได้นั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมฮัมเพลงไป อะไรจะมีความสุขไปกว่านี้อีก
โดยในแต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 30,000 คนทีเดียว
18. เทศกาล Cascamorras, ประเทศสเปน (Cascamorras, Spain)




Guadix และ Baza เป็นสองเมืองที่ตั้งอยู่ในกรานาดา
กล่าวกันว่าเมื่อ 500 กว่าปีก่อนสองเมืองนี้เคยเป็นทั้งมิตรและศัตรู
โดย Cascamorras คนงานชาว Guadix ได้เข้าไปขุดพบของล้ำค่าในเมือง Baza
และเขาพยายามที่จะนำมันกลับมายังเมืองของตน
กระทั่งถูกจับได้และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตระหว่างสองเมืองในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นานผู้คนส่วนใหญ่อยากให้ทั้งสองเมืองกลับมาเป็นมิตรกันดัง
เดิม จึงได้อธิษฐานอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และก็ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นทั้งสองเมืองก็กลับมารักกันเช่นเดิม

19. เทศกาลแกลสตันบูรี, ประเทศอังกฤษ (Glastonbury, England)

แกลสตันบูรี เป็นเทศกาลดนตรีและการแสดงบนผืนหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังพบว่าในปี ค.ศ. 2003
มีการบันทึกจำนวนผู้ร่วมงานได้ถึง 135,500 คนเลยทีเดียว
นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาต้องการชมศิลปินชื่อก้องโลกเล่นสดบนเวทีอย่าง
วง Arctic Monkeys และวง Rolling Stones นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีโชว์ต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์, คณะตลก และการแสดงละครสัตว์ด้วย


เทศกาลหิมะเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950
โดยเด็กมัธยมชาวญี่ปุ่นได้ช่วยกันปั้นหิมะจนกลายเป็นประติมากรรมสุดยิ่งใหญ่ที่สวนโอโดะริ
จนผู้คนให้ความสนใจอย่างมากและมันก็กลายเป็นเทศกาลอันน่าสนใจ
ในเวลาต่อมา แต่ทว่าเทศกาลดังกล่าว
ก็ได้ถูกระงับไปพักหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
แต่หลังจากสงครามสิ้นสุด ก็พบว่าเหล่าทหารและประชาชน
ได้ร่วมกันปั้นและแกะ สลักหิมะให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน
และเพิ่มความอลังการมากขึ้นด้วยขนาดและรูปร่างที่สวยงาม
และมันก็กลับมาเป็นเทศกาลสุดรื่นเริงอีกครั้งกระทั่งทุกวันนี้
12. เทศกาลช้าง, เมืองชัยปุระ, ประเทศอินเดีย (Elephant Festival, Jaipur, India)


ช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นสัตว์สำคัญของประเทศอินเดีย
ซึ่งในทุก ๆ ปีก็จะมีการจัดเทศกาลช้างขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม
โดยมีการแต่งองค์ทรงเครื่องช้างด้วยผ้าและเครื่องประดับ
จากนั้นก็เป็นการเดินขบวนของช้างไปตามจุดต่าง ๆ
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะคุณจะได้หัวเราะไปกับ
การแข่งขันโปโลน้ำของช้าง การชักกะเย่อ และการแข่งขันอื่น ๆ ด้วย
13. วันแห่งความตาย, ประเทศเม็กซิโก (Day of the Dead – Mexico)


Dia De Los Muerto หรือวันแห่งความตาย ถือเป็นวันหยุดของชาวเม็กซิกัน
ที่ทุกคนจะรวมใจกันอธิษฐานและสวดมนต์ถึงบรรดาครอบครัวหรือเพื่อนที่ล่วงลับให้ไปสู่สุคติ
นอกจากนี้ยังมีการเดินขบวนของประชาชนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและขนนก
คล้ายกับ อินเดียแดง และมีการเขียนหน้าหรือใส่หน้ากากรูปแบบต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย
14. ไวท์ ไนท์ เฟสติวัล, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย (White Nights Festival – Saint Petersburg, Russia)


ไวท์ ไนท์ เฟสติวัล เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง
และระบบคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง โดยจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
ที่มีปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในบางประเทศของทวีปยุโรป
นอกจากนี้คุณยังจะได้เห็นเรือใบสีแดงที่ล่องในแม่น้ำซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาล
อีกทั้งยังมีการจุดพลุดอกไม้ไฟ และแสงไฟเลเลอร์ที่สาดส่องท่ามกลางแม่น้ำด้วย
15. เทศกาลอิเล็คทริค ฟอเรสต์ มิวสิค เฟสติวัล, มิชิแกน (Electric Forest Music Festival, Rothbury, Michigan)


Electric Forest Music Festival เป็นเทศกาลที่จะทำให้คุณตื่นตาไปกับแสงไฟหลากสีท่ามกลางป่าไม้
ถือเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังมีดนตรีสดให้คุณได้สัมผัสถึงความชิลสุด ๆ
แต่จะว่าไปมันก็โรแมนติกไม่เบาเลย
ที่สำคัญผู้ที่แวะเวียนมาเที่ยวชมยังได้ทำบุญไปในตัวด้วย
เพราะรายได้บางส่วนนั้นเขาจะนำไปบริจาคให้กับหมู่บ้านยากไร้ด้วยค่ะ
16. เทศกาลแกะสลักทรายนานาชาติ, ประเทศโปรตุเกส (International Sand Sculpture Festival, Portugal)


ถือเป็นการแสดงผลงานการแกะสลักทรายกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลย
ซึ่งในแต่ละปีจะมีศิลปินกว่า 60 คน ที่ใช้ทรายมากกว่า 35,000 ตัน
ในการสร้างสรรค์ประติมากรรมชิ้นเอกให้เป็นรูปร่างรูปทรงต่าง ๆ อย่างงดงาม
ไม่ว่าจะเป็น รูปคนดัง, ภาพการ์ตูน, ภาพล้อเลียน, สัตว์ ที่สำคัญยังงดงามและสมจริงสุด ๆ ด้วยนะ
17. เทศกาลป่าฝน เวิลด์ มิวสิค เฟสติวัล, กูชิง, บอร์เนียว (Rainforest World Music Festival, Kuching, Borneo)


เป็นอีกเทศกาลที่คอดนตรีห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับดนตรีสดหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นร็อค, ป๊อบ, แจ๊ส หรืออะคูสติก
เรียกว่าเอาใจทุกคอเพลงทุกแนวดนตรีเลย และศิลปินที่มาเล่นก็เป็นศิลปินชื่อดังจากทั่วโลกด้วย
ไฮไลท์เด็ดก็คงจะอยู่ที่การได้ผ่อนคลายด้วยเสียงดนตรีท่ามกลางขุนเขาและป่า ฝน
ได้นั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมฮัมเพลงไป อะไรจะมีความสุขไปกว่านี้อีก
โดยในแต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 30,000 คนทีเดียว
18. เทศกาล Cascamorras, ประเทศสเปน (Cascamorras, Spain)




Guadix และ Baza เป็นสองเมืองที่ตั้งอยู่ในกรานาดา
กล่าวกันว่าเมื่อ 500 กว่าปีก่อนสองเมืองนี้เคยเป็นทั้งมิตรและศัตรู
โดย Cascamorras คนงานชาว Guadix ได้เข้าไปขุดพบของล้ำค่าในเมือง Baza
และเขาพยายามที่จะนำมันกลับมายังเมืองของตน
กระทั่งถูกจับได้และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตระหว่างสองเมืองในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นานผู้คนส่วนใหญ่อยากให้ทั้งสองเมืองกลับมาเป็นมิตรกันดัง
เดิม จึงได้อธิษฐานอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และก็ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นทั้งสองเมืองก็กลับมารักกันเช่นเดิม

19. เทศกาลแกลสตันบูรี, ประเทศอังกฤษ (Glastonbury, England)

แกลสตันบูรี เป็นเทศกาลดนตรีและการแสดงบนผืนหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังพบว่าในปี ค.ศ. 2003
มีการบันทึกจำนวนผู้ร่วมงานได้ถึง 135,500 คนเลยทีเดียว
นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาต้องการชมศิลปินชื่อก้องโลกเล่นสดบนเวทีอย่าง
วง Arctic Monkeys และวง Rolling Stones นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีโชว์ต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์, คณะตลก และการแสดงละครสัตว์ด้วย
แสดงความคิดเห็น
۩●۩●۩ 19 เทศกาลน่าเที่ยวจากทั่วโลก ที่ต้องเห็นกับตาสักครั้ง ۩●۩●۩
มีที่มาที่ไปอย่างไร
และก็มีอะไรที่น่าสนใจ
เทศกาล Holi หรือ Festival of Colours จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในอินเดีย
และประเทศทั่วโลกที่มีชาวฮินดูอาศัยอยู่
เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูใบไม้ผลิและเป็นการเฉลิมฉลองชีวิตใหม่
แม้ว่าจะไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องมากนัก
แต่ดูเหมือนว่าชาวฮินดูและนักท่องเที่ยวทุกคน
จะพร้อมใจกันมาสาดผงสีใส่กันอย่างสนุกสนาน
ที่สำคัญมันยังเป็นเทศกาลที่ไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณะกันด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งสีสันของประเทศอินเดีย
ที่นอกจากจะสร้างความครื้นเครงให้ผู้คนในประเทศแล้ว
ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว
2.วินเทอร์ ไลท์ เฟสติวัล, คุนาวะ, ประเทศญี่ปุ่น (Winter Light Festival, Kuwana City, Japan)
เทศกาล Winter Light Festival
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองคุนาวะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น
จุดเด่นอยู่ที่แสงไฟจากหลอดไฟ LED กว่า 7 ล้านดวง
ที่ส่องประกายหลากสีสันในสวนพฤกษาศาสตร์ Nabana no Sato
ที่สำคัญยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้พลังการแสงอาทิตย์
สมกับเป็นประเทศแห่งเทคโนโลยีจริง ๆ
ซึ่งเทศกาล Winter Light Festival จะจัดขึ้นเป็นเวลากว่า 4 เดือน
โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนมีนาคม
ใครที่มาญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะเวียนมาเที่ยวกันบ้างนะคะ
รับรองว่ามันจะเป็นอีกเทศกาลที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจแน่นอน
3. เวนิสคาร์นิวัล (Carnevale, Venice, Italy)
ในปี ค.ศ. 1162 เวนิสได้รับชัยชนะจากการสู้รบประชาชน
จึงได้รวมตัวกันเฉลิมฉลองบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (San Marco Square)
และมีจุดเด่นที่ขบวนพาเหรดที่ทุกคนในขบวนจะต้องสวมหน้ากาก
และการแต่งกายที่เต็มไปด้วยสีสัน
นับเป็นเทศกาลรื่นเริงในอิตาลีที่จะทำให้คุณเพลิดเพลิน
ไปกับขบวนพาเหรดสุด ตระการตา ดนตรีสด และกิจกรรมต่าง ๆ
4. เทศกาล Up Helly Aa Fire, เชตแลนด์, ประเทศสกอตแลนด์ (Up Helly Aa Fire Festival, Shetland, Scotland)
เทศกาล Up Helly Aa Fire เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเทศกาลคริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ยังแฝงไปด้วยการเฉลิมฉลองทางด้านประวัติศาสตร์ด้วย
โดยการเฉลิมฉลองจะเริ่มจากการเดินขบวนในช่วงระหว่างวัน
ส่วนในช่วงกลางคืนจะมีการจุดคบเพลิงแล้วโยนใส่เรือไวกิ้งจำลอง
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมาของชาติในสมัยก่อนด้วย
5. เทศกาลปามะเขือเทศ, ประเทศสเปน (La Tomatina, Bunol, Spain)
ตามตำนานเล่าว่าในปี ค.ศ. 1945 มีชาวบ้านได้ขว้างปาผักเข้าไปในป่า
แต่เกิดพลาดโดนกันเอง จึงกลายเป็นความสนุกสนาน
กระทั่งเกิดเป็นเทศกาลสำคัญอย่างทุกวันนี้
โดยเทศกาลปามะเขือเทศจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ที่ Bunol ในเมืองบาเลนเซีย
6. เทศกาลบอลลูนนานาชาติ, เมืองแอลบูเคอร์คี, สหรัฐอเมริกา (Albuquerque International Balloon Festival, USA)
งานรื่นเริงนี้เริ่มครั้งแรกในปี ค.ศ. 1972
ซึ่งเป็นการปล่อยบอลลูน 13 ลูกขึ้น
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบสถานีวิทยุ 770 AM KOB Radio
ซึ่งเป็นที่น่าตื่นใจไปทั่วทั้งเมือง
จนกระทั่งมันได้กลายเป็นเทศกาลที่สร้างความบันเทิง
ให้กับผู้มาเยือนไม่น้อย
การได้แชะภาพบอลลูนขนาดใหญ่หลากสีสันจำนวน 750 ลูก
ค่อย ๆ ขึ้นสู่ท้องฟ้า ความงดงามตระการตาแบบนี้
จะทำให้คุณลืมไปเลยว่า
หลังจบงานคุณจะมีอาการปวดเมื่อยต้นคอแน่นอน !!
7. เทศกาลเบิร์นนิ่งแมน, รัฐเนวาดา, สหรัฐอเมริกา (Burning Man, Nevada, USA)
เทศกาลเบิร์นนิ่งแมนจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีบริเวณที่โล่งกว้างในรัฐเนวาดา
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองด้านความเจริญของศิลปะและวัฒนธรรม
โดยจะมีศิลปินได้สร้างรูปปั้นขนาดยักษ์กว่า 12 รูป
แต่ละรูปมีความสูงกว่า 100 ฟุตทีเดียว
และเมื่อถึงเวลาค่ำคืนขณะที่ดนตรีบรรเลง
ก็ได้มีการเริ่มจุดไฟเผารูปปั้น เหล่านั้น
ซึ่งแต่ละปีจะมีผู้เข้าชมเทศกาลดังกล่าวถึง 50,000 คน
8. เทศกาลลอยโคม, ประเทศจีน (Lantern Festivals, China)
เทศกาล Lantern มีมาตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ในวันที่ 15 ของเดือนแรกในปฏิทินตามฉบับของจีน
ซึ่งแต่เดิมนั้นทั้งชาวจีนและเวียดนามได้ร่วมกันสืบทอดเทศกาลนี้
โดยการปล่อยโคมลอยนับพันบริเวณวัด
กระทั่งปัจจุบันมันจะกลายเป็นประเพณียอดฮิต
ที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาเห็นกับ ตาสักครั้ง
ความงดงามของโคมลอยที่ส่องสว่างแข่งกันแสงดาวบนท้องฟ้านับพัน
ช่างเป็นภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย
อีกทั้งมันยังแฝงไปด้วยความหมาย
ที่สื่อถึงการปล่อยเรื่องไม่ดีในอดีตให้ลอยไปกับโคม
แล้วพร้อมที่จะเริ่มชีวิตใหม่ที่สุกสกาวอีกครั้ง
9. เทศกาลการ์มา, ประเทศออสเตรเลีย (Garma Festival – Australia)
เทศกาลการ์มา จัดโดยชนเผ่า Yolngu
โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทางการ
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
โดยเทศกาลการ์มาจะเป็นการแสดงการเต้น ขับร้อง ศิลปะ
และท่วงท่าการรำธงบนพื้นทราย
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งปันความรู้และวัฒนธรรมของชนเผ่าด้วย
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเข้าชมกันได้ทุกคนนะคะ
เพราะผู้ที่จะเข้าร่วมงานได้จะต้องเป็นผู้ที่ถูกเชิญเท่านั้น
10. เทศกาลพระอาทิตย์, ประเทศเปรู (Inti Raymi (Festival of the Sun) – Peru)
ชนเผ่าอินคาได้มีการเดินขบวนพาเหรดเพื่อบูชาเทพแห่งดวงอาทิตย์
ซึ่งถือเป็นอีกเทศกาลสำคัญของชนเผ่า
นอกจากนี้ยังถือเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษที่ร่วมก่อตั้งชนเผ่าอินคาด้วย
ซึ่งคุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับการแต่งการตามแบบฉบับของชนเผ่า
ที่จัดมาแบบเต็ม ๆ และยังมีการแต่งเป็นเทพเจ้าแบบจำลองด้วย
CREDIT