+++ ผู้เริ่มต้นให้ใช้คำบริกรรม ให้เป็นจริงเป็นจัง +++
เราชอบคำบริกรรมใดที่ถูกจริตนิสัยของเรา ให้ยึดคำบริกรรมนั้นไว้กับใจ ผูกมัดไว้ที่ใจ เพราะใจนี้กิเลสออกมาช่องเดียวกันจากใจ ผลักดันใจให้อยากคิดอยากปรุง อยากรู้อยากเห็น อยากสัมผัสสัมพันธ์ในสิ่งต่างๆ ไม่หยุดไม่ถอย ไม่ปล่อยไม่วางใจเลย มีความหนุนอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ถ้าจะปล่อยให้กิเลสหนุนอย่างนี้ ก็เป็นกี่กัปกี่กัลป์ ไม่มีต้นมีปลาย ไม่มีที่ยุติได้เลย จึงต้องอาศัยธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง เป็นเครื่องกำกับรักษา กำจัดสิ่งเหล่านี้
ในเบื้องต้นให้ใช้คำบริกรรม เช่นคำว่าพุทโธ (พุทโธๆๆๆๆๆๆๆ) บริกรรมในใจวนไปเรื่อยๆ หรือจะใช้คำใดบริกรรมก็ได้ กิเลสอยากจะคิดเรื่องอะไร ไม่ยอมให้คิดในเวลานั้น ให้คิดอยู่กับคำบริกรรมอย่างเดียว ไม่นานนักสำหรับผู้ที่ปฏิบัติด้วยความจริงจังแล้ว จะเห็นความสงบของใจปรากฏขึ้นด้วยการภาวนา มีคำบริกรรมและสติเป็นรากฐานสำคัญนี้โดยถ่ายเดียว ที่อื่นเราอย่าไปหวัง
เรื่องจริงคือ ให้ปักลงที่ตรงนี้แหละ ตั้งคำบริกรรมลงไป ตั้งสติให้ดี ใจของเรามันจะฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปไหน ไม่พ้นคำบริกรรมที่ผูกมัดนี้ไว้ได้ คือช่องทางที่กิเลสจะออก ออกไปทางสังขาร สัญญาอารมณ์ต่างๆ ออกมาที่ใจ ทีนี้เราไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ให้เข้ามาพลุกพล่านรบกวนใจ เราต้องการบำรุงใจของเรา รักษาใจของเราให้ปลอดภัยจากกิเลสทั้งหลายเหล่านี้ด้วยคำบริกรรม ตามที่จริตนิสัยชอบ และให้ติดแนบอยู่กับคำบริกรรม เคลื่อนไหวไปมาที่ใดก็ตาม ไม่เพียงแต่ว่าเรานั่งภาวนาหรือเดินจงกรม ที่เรียกว่า ความเพียร จึงมีสติ
"นักปฏิบัติให้ยึดการพิจารณาร่างกายเป็นหลัก"
บริกรรมภาวนา
เราชอบคำบริกรรมใดที่ถูกจริตนิสัยของเรา ให้ยึดคำบริกรรมนั้นไว้กับใจ ผูกมัดไว้ที่ใจ เพราะใจนี้กิเลสออกมาช่องเดียวกันจากใจ ผลักดันใจให้อยากคิดอยากปรุง อยากรู้อยากเห็น อยากสัมผัสสัมพันธ์ในสิ่งต่างๆ ไม่หยุดไม่ถอย ไม่ปล่อยไม่วางใจเลย มีความหนุนอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ถ้าจะปล่อยให้กิเลสหนุนอย่างนี้ ก็เป็นกี่กัปกี่กัลป์ ไม่มีต้นมีปลาย ไม่มีที่ยุติได้เลย จึงต้องอาศัยธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง เป็นเครื่องกำกับรักษา กำจัดสิ่งเหล่านี้
ในเบื้องต้นให้ใช้คำบริกรรม เช่นคำว่าพุทโธ (พุทโธๆๆๆๆๆๆๆ) บริกรรมในใจวนไปเรื่อยๆ หรือจะใช้คำใดบริกรรมก็ได้ กิเลสอยากจะคิดเรื่องอะไร ไม่ยอมให้คิดในเวลานั้น ให้คิดอยู่กับคำบริกรรมอย่างเดียว ไม่นานนักสำหรับผู้ที่ปฏิบัติด้วยความจริงจังแล้ว จะเห็นความสงบของใจปรากฏขึ้นด้วยการภาวนา มีคำบริกรรมและสติเป็นรากฐานสำคัญนี้โดยถ่ายเดียว ที่อื่นเราอย่าไปหวัง
เรื่องจริงคือ ให้ปักลงที่ตรงนี้แหละ ตั้งคำบริกรรมลงไป ตั้งสติให้ดี ใจของเรามันจะฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปไหน ไม่พ้นคำบริกรรมที่ผูกมัดนี้ไว้ได้ คือช่องทางที่กิเลสจะออก ออกไปทางสังขาร สัญญาอารมณ์ต่างๆ ออกมาที่ใจ ทีนี้เราไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ให้เข้ามาพลุกพล่านรบกวนใจ เราต้องการบำรุงใจของเรา รักษาใจของเราให้ปลอดภัยจากกิเลสทั้งหลายเหล่านี้ด้วยคำบริกรรม ตามที่จริตนิสัยชอบ และให้ติดแนบอยู่กับคำบริกรรม เคลื่อนไหวไปมาที่ใดก็ตาม ไม่เพียงแต่ว่าเรานั่งภาวนาหรือเดินจงกรม ที่เรียกว่า ความเพียร จึงมีสติ
"นักปฏิบัติให้ยึดการพิจารณาร่างกายเป็นหลัก"