เปลี่ยนงานมาแล้ว 9 ที่ กับชีวิตการทำงาน 8 ปี

เราเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยมาตลอดค่ะ แต่เราเปลี่ยนงานบ่อยมากค่ะ เราทำงานตั้งแต่อายุ 18 ค่ะ เนื่องจากที่บ้านมีแม่ทำงานคนเดียว แถมยังต้องส่งน้องเรียนอีก 2 คน เรียกได้ว่าเป็นพี่คนโตต้องเสียสละให้น้อง ถ้าอยากเรียนก็ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง เรามาเริ่มไล่เรียงลำดับการทำงานกันเลยดีกว่า
         1. งานแรกเป็นเด็กเสิร์ฟ ร้านอาหารญาติห่างๆที่ กทม. ทำไปได้ 6 เดือน ก็ลาออก เนื่องจากร้านเขาพึ่งเปิด ไม่มีวันหยุด เงินหมุนไม่ทัน เงินเดือนไม่จ่าย(ได้วันละ 100) ค้างมาหลายเดือน เนื่องจากเขาบอกว่าเป็นญาติกันก็ช่วยๆกันไปก่อน แหม ตื่นตี 5 นอนเที่ยงคืน เงินไม่จ่าย ได้แค่กินฟรี อยู่ฟรี ไปดีกว่า ตอนแม่รู้แม่ไม่ปลื้ม เพราะแม่เป็นคนมาฝากไว้ ไม่คิดว่าญาติจะมาโกงหลานตัวเอง จึงขึ้นมา กทม. มาเจรจาแล้วก็แตกหักกันเลย (ตอนนี้ร้านนี้เจ๊งมาหลายปีแล้ว)
         2. ในวันเดียวกัน คุณแม่ก็ถามว่าจะเอาไง ก็เลยบอกแม่ว่าจะหางานทำที่ กทม.นี่แหละ น่าจะเงินดี แม่ก็เลยช่วยคิด แต่ก่อนอื่นต้องหาที่พักก่อนก็มาจบที่หอแถววงศ์สว่าง มัดจำล่วงหน้า 1 เดือน(ค่าห้อง 1,800)+ประกัน 4,000 บาท แม่ยิ่งไม่ค่อยมีตังค์อยู่ด้วย (แม่เป็นพนักงานนวดแผนโบราณที่ร้านสปาแห่งหนึง ได้เป็นรายวันและต้องหักเปอร์เซ็นต์ให้ร้านด้วย) แต่ก็ยอมลงทุน แล้วก็เริ่มคิดว่าจะทำงานอะไร แล้วก็นึกถึงป้ายรับสมัครงาน 7-11 แม่ก็พาเข้าไปถามพนักงานว่าสมัครงานยังไง พนักงานบอกให้ไปสมัครงานที่สะพานควาย เราเลยยกโขยงไปสะพานควายกัน (แม่พาน้องชายอีก 2 คน มาด้วย) แหม ยังกับบ้านนอกเข้ากรุงเลยนะ แต่7-11 นี่ดีอยู่อย่าง คือ สมัครแล้วสัมภาษณ์เลย แล้วลงสาขาใกล้บ้าน เราทำ 7-11 ได้ 1 ปี เงินเดือน 6-7,000 บาท คุณแม่มีคำสั่งให้ย้ายกลับบ้านด่วน เนื่องจากเราต้องยืมตังค์แม่บ่อยๆ เพราะเรากิน เที่ยวกับเพื่อน ตามประสาวัยรุ่น แต่สาเหตุหลักๆก็คือแม่เริ่มผ่อนบ้านเอื้ออาทรเลยอยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน (ตั้งแต่เด็กอยู่แต่บ้านเช่า แล้วย้ายที่อยู่บ่อยด้วย ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง)
         3. กลับมาบ้านแล้ว ทำอะไรดี ลองไปสมัครงานห้างดีกว่า จึงได้ทำงาน เป็น PC ขายรองเท้านักเรียนตอนแรกดีใจว่ามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว หารู้ไม่ว่า มันคือช่วงปิดเทอม ที่เป็นสัญญาจ้างแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น เงินเดือนจำไม่ค่อยได้ ประมาณ 4-5,000 บาท ถึงเวลาก็ต้องออก
         4. จากนั้นก็หว่านใบสมัครไปหลายที่ เพราะตอนนี้มีภาระต้องช่วยแม่ผ่อนบ้านแล้ว แล้วก็ได้ทำงานเป็นสาวโรงงาน ตำแหน่ง QC แต่ดันอยู่แผนกหฤโหดนี่สิ เคยมั๊ย เข้างาน 8.00 น. แต่เลิกงานอีกที ตอน 8.00 น. เช้าอีกวัน แถมหัวหน้าก็ใจดีให้กลับไปอาบน้ำอาบท่า(อันนี้ประชดค่ะ) แล้วก็มาเข้างานต่อตอน 10.00 น.ของวันนั้นเลย ลากยาวถึง 17.00 น.ค่ะ แต่ไม่บ่อยนะ เงินเดือนรวมโอที เดือนหนึ่งไม่เคยเกิน 6,000 บาท ออกเป็นวีค ปรับเงินประจำปี วันละ 3 บาท นี่คือสูงสุดแล้วนะ น้ำตาจะไหล เงินให้แม่หมด แม่ให้รายวันไปใช้วันละ 60-100 บาท
         ทำไปได้เกือบปี ก็เริ่มอยากเรียน เพราะเริ่มอยู่ตัวแล้ว ไปสมัครเรียน มสธ. คุณต้องเรียนด้วยตัวเอง จึงเริ่มอ่านหนังสือ แต่ปัญหาคืองาน ทำให้ไม่มีเวลา จึงไปขอลาออก หัวหน้ารั้งไว้ จึงได้ย้ายไปอยู่แผนกที่โอทีมีน้อย แต่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะต้องชั่งสีและสาร มันฟุ้งมาก โรงงานมีแค่ผ้าปิดปากบางๆให้ และสงสารแม่ด้วยที่ต้องมารับ มาส่ง เพราะบางทีเลิกงานมืดทางมันเปลี่ยว พม่าก็เยอะ ขี้เมาก็แยะ สรุปว่าทำโรงงาน 1 ปีครึ่ง ด้วยร่างกายที่ทรุดโทรมมาก
         5. งานต่อมา KFC อันนี้ทำได้ 2 ปี งานก็อย่างที่เห็นๆกัน เงินเดือน ไม่เคยเกิน 6,000 บาท มีเวลาอ่านหนังสือเรียน ถึงจะเข้ากะ เเต่ก็ทำงานแค่ 8 ช.ม. ทุกวัน ตอนนี้เริ่มแบ่งเงินคนละครึ่งกับแม่ ก็อยากมีตังค์เป็นของตัวเองบ้างนี่คะ อิอิ
         6. งานต่อมา เกิดจากพบรักกับแฟนที่เรียนหนังสือด้วยกัน เขาจึงชวนมาทำงานที่ กทม. (แหม ชวนมาได้ตอนน้ำท่วม ปี 2554) กับบริษัทที่เขาทำงานอยู่(ขอไม่เอ่ยชื่อนะคะ เพราะบริษัทมีชื่อเสียง เป็นเครื่องดื่มค่ะ และแฟนก็ยังทำอยู่ที่นี่) แต่ของเราไม่ได้ขึ้นกับบริษัทเขาโดยตรงเหมือนของแฟน ของเราเป็น PC ตามห้างผ่าน Sub contract อีกที เงินเดือนหลังจากรัฐบาลปรับ 300 บาท และรวมอย่างอื่นด้วย ได้ 12,000 บาท
          และก็ทำไปได้ 1 ปีครึ่ง ก็มาถึงวันแห่งความสำเร็จ เรียนจบเสียที กับระยะเวลา 3 ปีครึ่ง เนื่องจากเราอยากเรียนจบไวๆ จึงลงทะเบียนเรียนเต็มทุกเทอม ลง summer ด้วย เราอ่านหนังสือทุกวัน คงไม่มีใครแบกหนังสือเล่มหนาๆ ไปอ่านในห้างตอนพักหรือม้านั่งตามห้างก่อนเข้างาน เหมือนเราหรอกนะ 555 (ขำตัวเอง) ยิ่งคำนวณ ไม่มีครูสอน ก็ต้องมานั่งคิดวิธีคำนวณ วิเคราะห์สูตรเอง เราเรียนการจัดการทั่วไป ต้องเรียนทั้งบัญชี คณิตศาสตร์สถิติ วิเคราะห์เชิงปริมาณ  (ไม่เคยสอบตกเลย) เหนื่อยสุดๆ แต่ไม่ท้อค่ะ
          7. เรียนจบแล้ว ลองมาทำงานออฟฟิศบ้างซิ จึงได้งาน Telesale ที่บริษัท(มหาชน) แถวบ้าน(บางเขน)แห่งหนึ่ง สัมภาษณ์ปุ๊บ รับปั๊บ ต้องอบรมประมาณ 1 เดือน (อบรมเหมือนเขาจ้างมานั่งเล่น นั่งเม้าท์ กับเพื่อนๆที่อบรมรุ่นเดียวกัน) งานนี้ก็เหมือนค้นฟ้าคว้าดาว น้อยคนนักที่จะรุ่ง เราจึงทำได้แค่ 2 เดือน ด้วยเงินเดือนวันละ 350
          8. ว่างงานอยู่เกือบ 2 เดือน ด้วยแรงกดดันจากทางครอบครัว รวมถึงแฟนด้วย เพราะต้องช่วยแฟนผ่อนรถยนต์ และช่วยแม่ผ่อนบ้านแถมน้องยังเรียนอยู่ แต่ก็โชคช่วย ได้ทำงานเป็น sale admin กับบริษัท(มหาชนเล็กๆเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า) แห่งหนึ่งแถวงามวงศ์วาน (เงินเดือน 14,000  ผ่านโปรได้ 15,000) ทำไป ทำมา ก็ย้ายแผนกไปเป็น project admin (เงินเดือน 15,000 + Com 2,000) คุณคงเข้าใจว่าการต้อง support sale หลายๆคน ที่ชอบสั่งๆๆๆๆ มันน่าเบื่อแค่ไหน ก็เลยทำได้แค่ 1 ปี
          แต่ก่อนออก เราต้องมีงานรองรับ จึงเริ่มมองหางาน sale เราให้แฟนสอนขับรถ และไปสอบใบขับขี่ เราใช้รถกระบะ 4 ประตู ของแฟน ทั้งหัดและไปสอบใบขับขี่ เราจองคิวขนส่งนนทบุรีไว้แต่มันตั้ง 2 เดือน นานเกิน เลยไปจองขนส่งนครปฐมถึงไกลหน่อยแต่ได้เร็ว ได้คิวอาทิตย์หน้า เร็วเกินไป ยังไม่คล่องเลย แล้วก็ตามนั้น ไปสอบข้อเขียน 1 ครั้ง สอบปฏิบัติ 2 ครั้ง (เราขอชมเจ้าหน้าที่ขนส่งที่คุมสนามสอบเป็นผู้หญิง นิสัยดีมาก) ลำบากมากกว่าจะได้ใบขับขี่ แฟนกับเราต้องลางานรวมแล้วประมาณ 3 วัน (แฟนขับรถพาไปสอบ ^^)
          9. งานล่าสุด ที่ปัจจุบันยังทำอยู่ ได้เดือนกว่าๆ เป็นบริษัทนำเข้าสินค้าพวกของกิน ตำแหน่ง Key Accout Executive ได้เงินเดือน 15,000 สัมภาษณ์กับเจ้าของบริษัท ขอ 18,000 แต่โดนลดเหลือ 15,000 เพราะไม่เคยเป็น sale แล้วก็เชื่อเค้าด้วยนะ ร้องไห้  มีค่าโทรศัพท์ 1,000 + ค่าน้ำมันรวมสึกหรอ 6,000 (แต่จริงๆมันคือค่าน้ำมันอย่างเดียว ถ้าเกิน 6,000 จ่ายเองนะจ๊ะ) เราวิ่งพวกโรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร แต่ละที่รถติดทั้งนั้น (เราขับรถไปเจิมเสามาด้วย รถบุบเลย เศร้าจัง) สวัสดิการไม่ค่อยมีอะไร แค่เดือนแรกค่าน้ำมันก็เกินแล้ว ยอดขายลูกค้าแต่ละรายก็ประมาณ 1-5,000 บาท ต้องหาลูกค้าให้มาก ถึงจะได้ค่าคอมที่เราพออยู่ได้ และต้องส่งของให้ลูกค้าด้วย เหนื่อยอะ เราเปิดลูกค้าใหม่ได้หลายราย เราเป็นงานเร็ว เราชอบงาน sale แต่ค่าน้ำมันคือปัญหา บริษัทไม่ support เลย

          เราเป็นคนเปลี่ยนงานบ่อย ตอนนี้เราอายุ 26 ปี แล้ว เมื่อเปลี่ยนงานบ่อย คุณก็ต้องเปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน เปลี่ยนหัวหน้างาน เริ่มต้นใหม่กับทุกสิ่ง ทุกอย่าง สัมภาษณ์งาน จนรู้มุกหมดแล้ว คนรอบตัวเราเจอกันที่ก็จะพูดว่า (ห๊ะ เปลี่ยนงานอีกแล้วเหรอเนี่ย) --' แต่ทุกอย่างคือประสบการณ์ เราไม่ค่อยมีปัญหากับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานสักเท่าไร ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้ดี ใครไม่ดี ก็ห่างๆไว้แต่อย่าให้เขารู้ตัว (วิธีเอาตัวรอดเราอะ แหะๆ)
แต่ลึกๆในใจก็อยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่ตอนนี้ยังไม่มีทุน ตอนนี้ขอเก็บประสบการณ์อีกหน่อยละกัน

          แล้วมีใครเปลี่ยนงานบ่อยๆบ้างไหมคะ เปลี่ยนแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและความคิดเห็นค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่