เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-กปปส. รุมยำบิ๊กตู่ เอ้ะ มันอัลไลลกัน ??

ไทยรัฐ โดย ทีมข่าวหน้า 1  14 กันยายน 2557

พท.-ปชป.-กปปส.รุมยำ “บิ๊กตู่” กันอร่อย “ปึ้ง” เย้ยนโยบาย รบ.ที่พูดไว้ทำได้จริงหรือ เหน็บลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านจัดฉากเก่ง-ดราม่ามือทองบี้ให้บอกชัดๆจะคืนอำนาจเมื่อไหร่ “นิพิฏฐ์” ซัดนโยบายมโน 1 ปี สำเร็จ นายกฯเริ่มคิดแบบนักการเมือง “อิสสระ” ซ้ำแถลงไม่ชัดและยังกว้างมาก

“ปึ้ง” เย้ย “บิ๊กตู่” ทำไม่ได้จริง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ได้ฟังแล้วเห็นว่าเขียนครอบคลุมดี แต่ปัญหาคือจะทำได้จริงหรือไม่ นโยบายการต่างประเทศอาจทำได้แค่เฉพาะในอาเซียน ทวีปอื่นยุโรป อเมริกา เขาคงไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ยึดอำนาจ ไม่ได้มาจากประชาชน จึงสร้างความเข้าใจกับเขาลำบาก ทางที่ดีที่สุดคือต้องยืนยันอย่างเข้มแข็งชัดเจนว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน กลับสู่การเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ ถ้ายังกำกวมก็ลำบาก สำหรับกฎอัยการศึกคงไม่ต้องยกเลิก เพราะจะเลิกหรือไม่เลิกก็ไม่ทำให้การท่องเที่ยวของไทยดีขึ้น วันนี้ชาวโลกเขารู้ว่ายังมี คสช.อยู่

เหน็บทหารยุค คสช.พีอาร์เก่ง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอให้กำลังใจนายกฯในการบริหารประเทศนับจากนี้ไป การเดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนประชาชน ถือว่าดีแล้ว ขอให้ไปเยอะๆ บ่อยๆ จะได้รู้ว่าชาวบ้านต้องการอะไร แต่ขอร้องว่าให้ไปแบบธรรมชาติ อย่าไปเกณฑ์คนจัดฉาก เพราะจะไม่ได้ข้อมูลที่แท้จริง เรื่องของการสร้างภาพประชาสัมพันธ์ต้องยกนิ้วให้ทหารยุคนี้ทำดีมากตั้งแต่หลังยึดอำนาจมา ถ้าเป็นผู้กำกับต้องได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง นอกจากนี้อยากฝากให้ดูแลบริหารข้าราชการให้ดี โดยเฉพาะเรื่องการทำงานซ้ำซ้อน แย่งกันใช้งบประมาณ หลายเรื่องรัฐบาลต้องสั่งการเองให้ชัด ถ้าปล่อยให้ข้าราชการทำก็จะเป็นมิติเดิมๆ เช่น เรื่องสินค้าการเกษตร ที่เราต้องเอาไปขายชาวโลก อันไหนดีคนก็แห่ปลูกสุดท้ายก็ล้นตลาด ถ้าใช้ข้าราชการแก้ปัญหาก็เหมือนเดิม แถมจะตกเป็นเหยื่อพ่อค้าอีก

ปชป.ซัดนโยบายแบบมโนสำเร็จยาก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า อยากเห็นการดำเนินการตามโรดแม็ปที่ใช้เวลา 1 ปี อะไรที่ต้องทำก็ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ และอะไรที่คิดว่าวางรากฐานไว้ให้รัฐบาลชุดต่อไปทำต่อ แต่เมื่อดูนโยบายแล้ว ตนคิดว่ายังกว้างไปเพราะเวลา 1 ปียากที่จะประสบความสำเร็จ บางเรื่องเป็นนามธรรม เช่น การจะปลูกฝังให้เยาวชนภูมิใจในชาติ เกิดความรักษาชาติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น ซึ่งประเทศในโลกที่ทำแล้วคืออังกฤษ หรือรัสเซีย ก็เริ่มให้เด็กและเยาวชนมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น และลดการเรียนภาษาต่างประเทศลง แต่ของเราเวลานายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ไม่รู้ว่าคนทำจะเอาไปแปลงออกมาปฏิบัติอย่างไร เพราะไม่รู้ว่านายกฯต้องการอะไร คิดว่าคนทำอาจคิดเพียงว่าประวัติศาสตร์ชาติที่มีการรบกันในการกอบกู้เอกราช โดยทำออกมาเป็นแบบท่องจำถือว่าเป็นการแปลงเจตนาที่ผิด ดังนั้นจึงเห็นว่าต้องมีคนอีกชุดไปคิดว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดจะแปลงเป็นภาคปฏิบัติได้อย่างใด โดยควรมีหน่วยงานกลางมาแปลงนโยบาย ไม่เช่นนั้นนโยบายจะออกทะเลแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

บอกเลยหลายเรื่อง 1 ปีไม่เสร็จ
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ดูแล้ว ครม.เริ่มมองว่าท่านทั้งหลายเป็นนักการเมืองตัวจริง เริ่มคิดแบบนักการเมือง ซึ่งถือว่าผิดแล้ว มีการมองยุทธศาสตร์เรื่องวงแหวน การคมนาคม นิคมอุตสาหกรรม 10 ปี ก็ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ และถ้าคิดอยากอยู่ยาวหรือสืบทอดอำนาจ ถือว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้ไม่สำเร็จจะเป็นเหมือนปี 49 ดังนั้นอะไรที่ต้องทำให้จบภายใน 1 ปี จะวัดตรงไหน ไม่ได้หมายความว่าต้องทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จ จึงควรให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินว่า อะไรคือสิ่งที่ประสบความสำเร็จได้

"อิสสระ” บอกพูดไม่ชัด–กว้างมาก
นายอิสสระ สมชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มแกนนำ กปปส.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน แต่ภาพรวมคงจะมาจากรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ซึ่งกว้างมากและไม่กล้าฟันธง แม้นโยบายจะดีอย่างไร แต่หากไม่เร่งรัดบริหารราชการแผ่นดินอย่างจริงจัง งานอาจจะไม่สัมฤทธิผลอย่างที่ตั้งใจไว้ การที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ต้องการดำเนินนโยบายเป็นประชานิยม เพราะไม่ต้องหาเสียงกับประชาชน ถ้าประชานิยมทำแล้วประชาชนได้ประโยชน์ก็ไม่น่าจะมีปัญหา อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องเลวร้ายหรือน่ารังเกียจ การเมืองไม่ได้เลวร้ายอย่างที่บางฝ่ายพยายามสร้างภาพให้สังคมมองว่าการเมืองไม่ดีเพราะการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง หรือการรัฐประหารต้องยึดถือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากงบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก

ส่วนเรื่องไมค์  
ออกตัวไมค์ ครม.แพงแค่ทดลองใช้
อีกเรื่องหนึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีไมโครโฟนห้องประชุม ครม.แพงว่า นายกฯให้ความสนใจและสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว เนื่องจากเป็นกระแสและอยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญ โดยการตรวจสอบแบ่งเป็นสองส่วนคือ
1.ตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ไม่ว่าจะซื้อในราคาถูกหรือแพง แต่หากพบว่าเป็นการทุจริตต้องถูกลงโทษ

2.ราคาแพงเกินไปหรือไม่ โดยเรื่องนี้ไม่ได้แก้ตัวแทนแต่เบื้องต้นเป็นการทดลองใช้ และต่อรองราคาอยู่ นายกฯให้ดำเนินการเร่งด่วนอยู่แล้ว เพราะให้ความสำคัญกับเรื่องความโปร่งใส

อ่านเต็มๆ ที่ลิ้ง http://www.thairath.co.th/content/450055
ปูลู . ดูแต่ละคนพูด อิอิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่