ก่อนอื่นขอบอกว่า คำว่า หัวหน้าครอบครัวที่เรากำลังพูดถึงนี้ ไม่ได้หมายความว่า แค่ คุณพ่อ หรือ คุณแม่ เท่านั้น แต่หมายถึง กำลังสำคัญของครอบครัว ในการหารายได้เข้ามาใช้จ่าย ...
บางทีอาจจะเป็น ลูกที่เพิ่งเรียนจบ หารายได้เข้าบ้าน แม่หยุดงาน น้องชายกำลังเรียนหนังสือ หรือ อาจจะเป็น แม่หม้ายที่เพิ่งหย่ากับแฟน มีภาระดูแล คุณพ่อที่ หารายได้ไม่เพียงพอ กับครอบครัว หรืออาจจะเป็น เด็กที่กำลังโด่งดัง เล่นละคร หารายได้เข้าบ้านก็เป็นได้ !! เห็นไหมว่า คำว่าหัวหน้าครอบครัว ไม่ได้หมายถึง พ่อหรือแม่ เท่านั้น ... เพราะว่า กำลังสำคัญของครอบครัว คือ แหล่งรายได้ ฉะนั้น ต้องอย่าลืมว่า หา " หัวหน้าครอบครัว" เกิดอะไรฉุกเฉินกับเค้า จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก สำหรับครอบครัว หากมีเงินสดสำรองไว้แล้ว ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่หากไม่มีละ ?? จะทำอย่างไร หารายได้ขาดไปในส่วนนี้ เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือตลอดไป คนข้างหลัง จะทำอย่างไร ?? นี้เลยเป็นที่มาของ การดูแลคุ้มครอง สำหรับหัวหน้าครอบครัวครับ ..........
แบบแรกที่อยากให้นึกถึง เลยก็คือ แบบ ประกันชีวิตตลอดชีพ ( whole Life ) เป็นแบบนิยมคลาสสิกเลยที่หลายครอบครัวต้องมีกัน คือ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เป็นการจ่ายเบี้ยรายปีแบบไม่แพง เพื่อดูแลคุ้มครองคน ๆนั้น ไประยะยาว เน้นการคุ้มครองตัวบุคคลนั้น หาก วันใดวันหนึ่ง ไม่ยอมหายใจ ขึ้นมาดื้อ ๆ ( ก็คือตายนั่นแหละ ) เค้าจะจ่ายให้เราเต็มวงเงินเพื่อชดเชย ค่าเสียชีวิต หากไม่ตายละ บริษัทจะดูแลไปจนอายุ 80 - 90 ปี แล้วแต่แบบของบริษัท หากอายุยืนถึงตอนนั้นเค้าจ่ายเงินคุณให้เลย ( แต่ไม่แน่ใจว่า อายุ 80 ปี จะเอาเงินทำอะไรได้ น่าจะไม่ค่อยอยากเงิน แล้วละมั้ง ) ข้อดีอีกอย่างนอกจากถูก ก็คือ มันเป็นการสะสมเงินไปด้วยในตัว หากคุณอายุ 50 แล้วขี้เกียจส่งเบี้ยละ ก็ขอเวนคืนได้ มีมูลค่าในตัวของมันเองด้วย แต่คงน้อยกว่าเบี้ยที่ส่งไปทั้งหมดนะ เพราะเค้าถือว่า เป็นค่าคุ้มครองชีวิตแล้วไง หากคุณ dead ขึ้นมา เค้าก็จ่ายก้อนใหญ่ให้เลยนะ ......
สำหรับบางคนที่บอกว่า ไม่ไหว ขี้เกียจส่งเยอะ ขอแบบ คุ้มครองดูแลแต่ส่งเบี้ยถูกและ เน้นคุ้มครองดูแล ตามช่วงระยะเวลา เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี ตามระยะเวลาที่อยากได้ ก็อาจจะเลือกทำแบบ ชั่วระยะเวลา ( Term ) แบบนี้จะเหมาะกับคนที่แบบ มีภาระหนี้สินเยอะหน่อย เดินทางบ่อย มีความเสี่ยงมากหน่อย คุ้มครองดูแล ทั้งระบบ
เช่น สมมติ คุณฉาบฉวย หัวหน้าครอบครัวตัวแสบ ทำงานเป็นพนักงานขับรถโดยสาร บขส. วัน ๆ ทำงานขับรถ อาจจะไม่มีเวลามากนัก มีภาระต้องดูแลลูกชาย วัย 4 ขวบที่กำลังเรียน ส่วนภรรยา คุณ ไฉไล เป็นแม่บ้าน แถมยังมีหนี้สิน ผ่อนสินเชื่อ Eazy Buy อีก 8 หมื่นกว่าบาท เลือกทำแบบนี้เป็นการคุ้มครอง หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะมีเงินก้อนใหญ่ ( ใหญ่แค่ไหน ก็อยู่ที่เราเลือก มันจะสัมพันธ์ไปกับ เบี้ยที่เรา จะจ่ายอะ ) เข้ามารองรับการจากไปของหัวหน้าครอบครัว เอาไปจ่ายหนี้สิน และเป็นเงินเลี้ยงดู ลูกชายวัยเรียน ให้ผ่านวิกฤตินั้นไปได้ระยะเวลาหนึ่งก่อน ( ชั่วระยะเวลาที่เลือก มักจะเป็น 5 , 10 , 15 , 20 ปี ) แบบนี้ จะเป็นการจ่ายเบี้ยทิ้ง ไม่มีมูลค่ากรรมธรรม์ เน้นคุ้มครอง เบี้ยจะถูกกว่า แบบแรกอีกอะ ไม่เน้นการออม เน้นคุ้มครองอย่างเดียว มีลักษณะคล้าย ๆ ประกันวินาศภัย กลาย ๆ แต่ดูแล คนแทน
จริง ๆ แบบประกันสองแบบที่แนะนำไป เป็นเพียงหลัก ๆ ก่อนนะครับ หากมีกำลังที่จะส่งเบี้ยตัวอื่น ค่อยว่ากัน เช่น แบบที่เน้นให้การดูแลการศึกษาลูก หรือ แบบที่ดูแลสุขภาพตัวเอง หรืออาจจะเป็นการ ออมเงินในอนาคต เพื่อตัวเอง
อย่าลืม ทำประกันชีวิตให้กับ หัวหน้าครอบครัวตั้งแต่วันนี้ครับ เพื่อดูแล คุ้มครอง กำลังสำคัญของครอบครัวของคุณนะครับ
คุณคือ หัวหน้าครอบครัวใช่ไหม ประกันชีวิตแบบไหน ที่คุณต้องทำ ?
บางทีอาจจะเป็น ลูกที่เพิ่งเรียนจบ หารายได้เข้าบ้าน แม่หยุดงาน น้องชายกำลังเรียนหนังสือ หรือ อาจจะเป็น แม่หม้ายที่เพิ่งหย่ากับแฟน มีภาระดูแล คุณพ่อที่ หารายได้ไม่เพียงพอ กับครอบครัว หรืออาจจะเป็น เด็กที่กำลังโด่งดัง เล่นละคร หารายได้เข้าบ้านก็เป็นได้ !! เห็นไหมว่า คำว่าหัวหน้าครอบครัว ไม่ได้หมายถึง พ่อหรือแม่ เท่านั้น ... เพราะว่า กำลังสำคัญของครอบครัว คือ แหล่งรายได้ ฉะนั้น ต้องอย่าลืมว่า หา " หัวหน้าครอบครัว" เกิดอะไรฉุกเฉินกับเค้า จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก สำหรับครอบครัว หากมีเงินสดสำรองไว้แล้ว ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่หากไม่มีละ ?? จะทำอย่างไร หารายได้ขาดไปในส่วนนี้ เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือตลอดไป คนข้างหลัง จะทำอย่างไร ?? นี้เลยเป็นที่มาของ การดูแลคุ้มครอง สำหรับหัวหน้าครอบครัวครับ ..........
แบบแรกที่อยากให้นึกถึง เลยก็คือ แบบ ประกันชีวิตตลอดชีพ ( whole Life ) เป็นแบบนิยมคลาสสิกเลยที่หลายครอบครัวต้องมีกัน คือ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เป็นการจ่ายเบี้ยรายปีแบบไม่แพง เพื่อดูแลคุ้มครองคน ๆนั้น ไประยะยาว เน้นการคุ้มครองตัวบุคคลนั้น หาก วันใดวันหนึ่ง ไม่ยอมหายใจ ขึ้นมาดื้อ ๆ ( ก็คือตายนั่นแหละ ) เค้าจะจ่ายให้เราเต็มวงเงินเพื่อชดเชย ค่าเสียชีวิต หากไม่ตายละ บริษัทจะดูแลไปจนอายุ 80 - 90 ปี แล้วแต่แบบของบริษัท หากอายุยืนถึงตอนนั้นเค้าจ่ายเงินคุณให้เลย ( แต่ไม่แน่ใจว่า อายุ 80 ปี จะเอาเงินทำอะไรได้ น่าจะไม่ค่อยอยากเงิน แล้วละมั้ง ) ข้อดีอีกอย่างนอกจากถูก ก็คือ มันเป็นการสะสมเงินไปด้วยในตัว หากคุณอายุ 50 แล้วขี้เกียจส่งเบี้ยละ ก็ขอเวนคืนได้ มีมูลค่าในตัวของมันเองด้วย แต่คงน้อยกว่าเบี้ยที่ส่งไปทั้งหมดนะ เพราะเค้าถือว่า เป็นค่าคุ้มครองชีวิตแล้วไง หากคุณ dead ขึ้นมา เค้าก็จ่ายก้อนใหญ่ให้เลยนะ ......
สำหรับบางคนที่บอกว่า ไม่ไหว ขี้เกียจส่งเยอะ ขอแบบ คุ้มครองดูแลแต่ส่งเบี้ยถูกและ เน้นคุ้มครองดูแล ตามช่วงระยะเวลา เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี ตามระยะเวลาที่อยากได้ ก็อาจจะเลือกทำแบบ ชั่วระยะเวลา ( Term ) แบบนี้จะเหมาะกับคนที่แบบ มีภาระหนี้สินเยอะหน่อย เดินทางบ่อย มีความเสี่ยงมากหน่อย คุ้มครองดูแล ทั้งระบบ
เช่น สมมติ คุณฉาบฉวย หัวหน้าครอบครัวตัวแสบ ทำงานเป็นพนักงานขับรถโดยสาร บขส. วัน ๆ ทำงานขับรถ อาจจะไม่มีเวลามากนัก มีภาระต้องดูแลลูกชาย วัย 4 ขวบที่กำลังเรียน ส่วนภรรยา คุณ ไฉไล เป็นแม่บ้าน แถมยังมีหนี้สิน ผ่อนสินเชื่อ Eazy Buy อีก 8 หมื่นกว่าบาท เลือกทำแบบนี้เป็นการคุ้มครอง หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะมีเงินก้อนใหญ่ ( ใหญ่แค่ไหน ก็อยู่ที่เราเลือก มันจะสัมพันธ์ไปกับ เบี้ยที่เรา จะจ่ายอะ ) เข้ามารองรับการจากไปของหัวหน้าครอบครัว เอาไปจ่ายหนี้สิน และเป็นเงินเลี้ยงดู ลูกชายวัยเรียน ให้ผ่านวิกฤตินั้นไปได้ระยะเวลาหนึ่งก่อน ( ชั่วระยะเวลาที่เลือก มักจะเป็น 5 , 10 , 15 , 20 ปี ) แบบนี้ จะเป็นการจ่ายเบี้ยทิ้ง ไม่มีมูลค่ากรรมธรรม์ เน้นคุ้มครอง เบี้ยจะถูกกว่า แบบแรกอีกอะ ไม่เน้นการออม เน้นคุ้มครองอย่างเดียว มีลักษณะคล้าย ๆ ประกันวินาศภัย กลาย ๆ แต่ดูแล คนแทน
จริง ๆ แบบประกันสองแบบที่แนะนำไป เป็นเพียงหลัก ๆ ก่อนนะครับ หากมีกำลังที่จะส่งเบี้ยตัวอื่น ค่อยว่ากัน เช่น แบบที่เน้นให้การดูแลการศึกษาลูก หรือ แบบที่ดูแลสุขภาพตัวเอง หรืออาจจะเป็นการ ออมเงินในอนาคต เพื่อตัวเอง
อย่าลืม ทำประกันชีวิตให้กับ หัวหน้าครอบครัวตั้งแต่วันนี้ครับ เพื่อดูแล คุ้มครอง กำลังสำคัญของครอบครัวของคุณนะครับ