เมื่อพูดถึงประกันชีวิตคนไทยส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดกันเลย คนมักจะรอให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ หลายคนคงคิดว่าอนาคตยังอีกไกลใครจะรู้เราอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ แต่เมื่อปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้วนี่สิ มักมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมา บางทีก็เกิดกับตนเอง หรือหนักกว่านั้นก็กระทบคนในครอบครัว ลองคิดนะครับ รถยนต์ เราซื้อประกันชั้น 1 เพื่อคุ้มครองรถแต่ตัวเราเองกลับไม่เคยซื้อประกันเพื่อคุ้มครองตนเอง อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงมีคนเริ่มแย้งว่า ฉันอยู่มาได้ตั้งนานไม่เห็นเป็นอะไรเลย รถยนต์ใช้ทุกวันมีโอกาสเกิดมากกว่า ก็คงจริงสำหรับบางคนแต่คงไม่ใช่กับทุกคนใครจะรู้อนาคตใช่ไหมครับ
แต่ก็ใช่ว่าเราต้องซื้อประกันทุกตัวนะครับลองมาทำความเข้าใจกับประกันชีวิตกันก่อน พื้นฐานจริงๆ มี 4 แบบโดยแบ่งเป็น
แบบชั่วระยะเวลา เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น หากมีชีวิตอยู่เลยจากระยะเวลาที่กำหนดไว้จะไม่ได้รับเงินคืน อะอ่านแล้วใครยัง งง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรากู้ซื้อบ้าน แต่กังวลว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเรา แล้วใครจะผ่อนต่อ ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) ช่วยลดความเสี่ยงลงได้ โดยจะคุ้มครองการเสียชีวิตและทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรตลอดระยะเวลาสัญญาในการกู้ ช่วยให้หมดกังวลเรื่องภาระหนี้สินหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเรา บ้านก็จะเป็นของคนข้างหลังโดยที่ไม่ต้องผ่อนชำระต่อ
แบบตลอดชีพ เป็นประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองเป็นหลัก ค่าเบี้ยไม่สูง โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเมื่ออยู่ครบกำหนดสัญญาส่วนใหญ่ครบสัญญาก็อายุ 80-99 ปี ข้อนี้ง่ายๆ เลยคือ ทำให้คนข้างหลังได้ใช้ หรือถ้าคิดว่าอายุยืนก็คงมีโอกาสสำหรับบางคน อนาคตใครจะไปรู้เนอะ ยกตัวอย่างเช่นอายุ 40 ค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปีอยู่ที่ 51,000 บาท หากอายุ 41 เกิดเหตุไม่คาดฝัน (ตาย หรือ ทุพพลภาพ) อันนี้ไม่ได้แช่งนะแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ คนข้างหลังจะได้เงินชดเชย 1 ล้านบาท
แบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตที่เน้นการได้รับเงินคืนมากกว่าความคุ้มครองที่ได้รับเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บเงินพร้อมได้รับความคุ้มครองแต่ค่าเบี้ยค่อนข้างสูง เช่น จ่ายเบี้ย 6 ปีได้เงินคืนในปีที่ 10 นอกจากนั้นยังมีผลประโยชน์ระหว่างทางอีกด้วยสำหรับบางกรมธรรม์
แบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตที่เหมาะกับผู้ต้องการเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ โดยจะเริ่มจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเมื่อผู้ทำประกันมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนจะจ่ายเงินนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนงวดหรืออายุของผู้ทำประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เหมาะกับคนที่อยากได้รายได้ประจำ เช่น จ่ายเบี้ยจนถึงอายุ 50 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ต้องจ่าย รอรับเงินบำนาญทุกปีจนกว่าจะครบสัญญาเป็นการการันตีว่าเราจะมีรายได้ที่แน่นอนตอนเกษียณอายุ
ข้อนี้สำคัญสำหรับค่าเบี้ยประกันที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปมาลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี หวังว่าเนื้อหานี้จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้ในการซื้อประกันชีวิตได้นะครับ
ใครๆก็ไม่รัก ประกันชีวิต!
เมื่อพูดถึงประกันชีวิตคนไทยส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดกันเลย คนมักจะรอให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ หลายคนคงคิดว่าอนาคตยังอีกไกลใครจะรู้เราอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ แต่เมื่อปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้วนี่สิ มักมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมา บางทีก็เกิดกับตนเอง หรือหนักกว่านั้นก็กระทบคนในครอบครัว ลองคิดนะครับ รถยนต์ เราซื้อประกันชั้น 1 เพื่อคุ้มครองรถแต่ตัวเราเองกลับไม่เคยซื้อประกันเพื่อคุ้มครองตนเอง อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงมีคนเริ่มแย้งว่า ฉันอยู่มาได้ตั้งนานไม่เห็นเป็นอะไรเลย รถยนต์ใช้ทุกวันมีโอกาสเกิดมากกว่า ก็คงจริงสำหรับบางคนแต่คงไม่ใช่กับทุกคนใครจะรู้อนาคตใช่ไหมครับ
แต่ก็ใช่ว่าเราต้องซื้อประกันทุกตัวนะครับลองมาทำความเข้าใจกับประกันชีวิตกันก่อน พื้นฐานจริงๆ มี 4 แบบโดยแบ่งเป็น
แบบชั่วระยะเวลา เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น หากมีชีวิตอยู่เลยจากระยะเวลาที่กำหนดไว้จะไม่ได้รับเงินคืน อะอ่านแล้วใครยัง งง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรากู้ซื้อบ้าน แต่กังวลว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเรา แล้วใครจะผ่อนต่อ ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) ช่วยลดความเสี่ยงลงได้ โดยจะคุ้มครองการเสียชีวิตและทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรตลอดระยะเวลาสัญญาในการกู้ ช่วยให้หมดกังวลเรื่องภาระหนี้สินหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเรา บ้านก็จะเป็นของคนข้างหลังโดยที่ไม่ต้องผ่อนชำระต่อ
แบบตลอดชีพ เป็นประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองเป็นหลัก ค่าเบี้ยไม่สูง โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเมื่ออยู่ครบกำหนดสัญญาส่วนใหญ่ครบสัญญาก็อายุ 80-99 ปี ข้อนี้ง่ายๆ เลยคือ ทำให้คนข้างหลังได้ใช้ หรือถ้าคิดว่าอายุยืนก็คงมีโอกาสสำหรับบางคน อนาคตใครจะไปรู้เนอะ ยกตัวอย่างเช่นอายุ 40 ค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปีอยู่ที่ 51,000 บาท หากอายุ 41 เกิดเหตุไม่คาดฝัน (ตาย หรือ ทุพพลภาพ) อันนี้ไม่ได้แช่งนะแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ คนข้างหลังจะได้เงินชดเชย 1 ล้านบาท
แบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตที่เน้นการได้รับเงินคืนมากกว่าความคุ้มครองที่ได้รับเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บเงินพร้อมได้รับความคุ้มครองแต่ค่าเบี้ยค่อนข้างสูง เช่น จ่ายเบี้ย 6 ปีได้เงินคืนในปีที่ 10 นอกจากนั้นยังมีผลประโยชน์ระหว่างทางอีกด้วยสำหรับบางกรมธรรม์
แบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตที่เหมาะกับผู้ต้องการเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ โดยจะเริ่มจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเมื่อผู้ทำประกันมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนจะจ่ายเงินนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนงวดหรืออายุของผู้ทำประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เหมาะกับคนที่อยากได้รายได้ประจำ เช่น จ่ายเบี้ยจนถึงอายุ 50 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ต้องจ่าย รอรับเงินบำนาญทุกปีจนกว่าจะครบสัญญาเป็นการการันตีว่าเราจะมีรายได้ที่แน่นอนตอนเกษียณอายุ
ข้อนี้สำคัญสำหรับค่าเบี้ยประกันที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปมาลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี หวังว่าเนื้อหานี้จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้ในการซื้อประกันชีวิตได้นะครับ