“เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วทามิ ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม”ครุกรรมที่ใช้อำนาจ เพียรพยายามข่มเหง หวังจะทำลายทำร้ายผู้อื่นให้ย่อยยับ จนลืมไปว่า สักวันหนึ่ง“กรรมชั่ว”ที่ตัวก่อไว้นั่นเอง จะพลันหันกลับมาสนองตัว ทำสิ่งใดย่อมได้รับผลอย่างนั้น ท่านผู้เจริญ ..ปปช.
3 กันยา 57 ในนาม
องค์กรต่อต้านคอรัปชั่นในเอเชีย บริษัทที่ปรึกษา Political and Economic Risk Consultancy, Ltd. หรือ PERC ได้ประณามการกระทำของ ปปช.ไทย อย่างรุ่นแรงว่า
“ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีบทบาทสำคัญในการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ป.ป.ช.ถูกกล่าวหาว่าทำรูปคดีเพื่อที่จะช่วยล้มรัฐบาลโดยการชี้มูล กล่าวหาว่ามีการทุจริตอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ดูเหมือนว่าในหลายปีที่ผ่านมา ป.ป.ช.จะละเลยคดีคอรัปชั่นร้ายแรงอื่น ๆ ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงของไทยนั้นตกเป็นจำเลย ภาพความมีอคตินี้ลดทอนความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. และทำให้ ป.ป.ช.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิมากเท่าที่ควร”..งามหน้าทั้งโลก !
4 กันยา 57 อัยการสูงสุด ไม่รับฟ้องคดีที่ ปปช.ส่งสำนวนคดีทุจริตจำนำข้าว โดยบอกว่าชัดเจน..3 ประเด็นว่า
1.ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจ ในการยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล และได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้วหรือไม่
2.ส่วนการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ว่าโครงการรับจำนำข้าว หลังถูกท้วงติงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ดำเนินการตรวจสอบ ป้องกันการทุจริตหรือไม่ อย่างไร และผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร
3.เห็นว่าควรไต่สวนพยานเพิ่มเติมว่า โครงการรับจำนำข้าว พบการทุจริต ในขั้นตอนใด และอย่างไร รวมถึงให้รวบรวมรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI เพิ่มเติม เนื่องจากในสำนวนมีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น
อสส.สรุปว่าทั้งหมด ไม่มีหลักฐานใดเลย ที่น่าตลกที่สุดใน 3 โลก คือเอาหน้าปกรายงานวิจัยแนบมาเท่านั้น ..หน้าปก !
8 กันยา 57 นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาฉะหน้าแง ปปช.จนหงายเงิบว่า
“ผมจึงคิดว่า ปปช. ไม่ควรอ้างถึงงานวิชาการของทีดีอาร์ไอในฐานะที่เป็น “หลักฐาน” ในการตัดสินกล่าวโทษผู้ใด เพราะพยานหลักฐานทางวิชาการย่อมมีลักษณะแตกต่างจากพยานหลักฐานในคดีอาญาหรือคดีการเมืองในความรับผิดชอบของ ปปช.” ขำหรือเปล่า ?
10 กันยา 57 นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาตอกตะปูปิดฝาโลง ปปช. รอคนหามไปเผาอีกคน ..อย่างเจ็บแสบ
“งานวิจัยคือให้ความรู้ ไม่ใช่นำไปอ้างเอาผิดใคร รายงานวิจัยฉบับที่ อสส. อ้างถึง ไม่ใช่ รายงานวิจัยที่บ่งชี้ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะ ไม่ใช่ การศึกษาวิจัยโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย แต่เป็นการวิจัยนโยบายรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิตปี 2548/49 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ เจ้าของผลงานวิจัย (ผู้ว่าจ้าง) คือ สำนักงาน ป.ป.ช. ชื่อรายงานวิจัยคือ “โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต : แสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือก” ตีพิมพ์เมื่อตุลาคม ปี 2553”
แถมตบหน้าส่งท้ายอีกฉาดว่า “งานวิจัยของนักวิชาการ ไม่ใช่งานสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง นักวิชาการมีเพียงหน้าที่ศึกษาหาต้นตอของการทุจริตเพื่อหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเท่านั้น โปรดกรุณาอ้างอิงและใช้ประโยชน์งานวิชาการให้ถูกที่ถูกทางด้วย”..เน่าสนิท !
บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า องค์กรปปช. ก็แค่เครื่องมือที่คอยทำลายล้างนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับ เพื่อหวังให้ฝ่ายตนเองสืบทอดอำนาจ ควบคุมประเทศนี้ไว้ เพียงเอาหนังราชสีห์มาคลุมร่าง ให้ดูสง่างามสมเป็นพญาสัตว์ แต่สุดท้ายเขาจับได้ เพราะหางก็โผล่..แค่หมาจิ้งจอก !
ไม่เหลืออีกแล้ว สำหรับความเชื่อถือศรัทธาและเชื่อมันในความเป็นกลาง ปปช.จึงเหลือเพียงซากที่ยังคงหายใจได้ รอเวลาแห่งมรณกรรมเพราะความเฉโก ความอสัตย์ ไร้คุณธรรมสำนึก แต่พยายามยื้อชีวิต ต่อลมหายใจตัวเองให้นานที่สุด เพียงแค่ขอลืมตามองโลกไปอีกสักระยะ ไม่อยากตายเพราะกลัวตกนรก..โอ้ น่าสมเพช !!!
...ชีวิตนี้ ยังเหลืออะไรบ้างครับ ปปช. ที่รัก !...
3 กันยา 57 ในนามองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นในเอเชีย บริษัทที่ปรึกษา Political and Economic Risk Consultancy, Ltd. หรือ PERC ได้ประณามการกระทำของ ปปช.ไทย อย่างรุ่นแรงว่า “ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีบทบาทสำคัญในการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ป.ป.ช.ถูกกล่าวหาว่าทำรูปคดีเพื่อที่จะช่วยล้มรัฐบาลโดยการชี้มูล กล่าวหาว่ามีการทุจริตอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ดูเหมือนว่าในหลายปีที่ผ่านมา ป.ป.ช.จะละเลยคดีคอรัปชั่นร้ายแรงอื่น ๆ ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงของไทยนั้นตกเป็นจำเลย ภาพความมีอคตินี้ลดทอนความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. และทำให้ ป.ป.ช.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิมากเท่าที่ควร”..งามหน้าทั้งโลก !
4 กันยา 57 อัยการสูงสุด ไม่รับฟ้องคดีที่ ปปช.ส่งสำนวนคดีทุจริตจำนำข้าว โดยบอกว่าชัดเจน..3 ประเด็นว่า
1.ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจ ในการยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล และได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้วหรือไม่
2.ส่วนการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ว่าโครงการรับจำนำข้าว หลังถูกท้วงติงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ดำเนินการตรวจสอบ ป้องกันการทุจริตหรือไม่ อย่างไร และผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร
3.เห็นว่าควรไต่สวนพยานเพิ่มเติมว่า โครงการรับจำนำข้าว พบการทุจริต ในขั้นตอนใด และอย่างไร รวมถึงให้รวบรวมรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI เพิ่มเติม เนื่องจากในสำนวนมีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น
อสส.สรุปว่าทั้งหมด ไม่มีหลักฐานใดเลย ที่น่าตลกที่สุดใน 3 โลก คือเอาหน้าปกรายงานวิจัยแนบมาเท่านั้น ..หน้าปก !
8 กันยา 57 นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาฉะหน้าแง ปปช.จนหงายเงิบว่า “ผมจึงคิดว่า ปปช. ไม่ควรอ้างถึงงานวิชาการของทีดีอาร์ไอในฐานะที่เป็น “หลักฐาน” ในการตัดสินกล่าวโทษผู้ใด เพราะพยานหลักฐานทางวิชาการย่อมมีลักษณะแตกต่างจากพยานหลักฐานในคดีอาญาหรือคดีการเมืองในความรับผิดชอบของ ปปช.” ขำหรือเปล่า ?
10 กันยา 57 นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาตอกตะปูปิดฝาโลง ปปช. รอคนหามไปเผาอีกคน ..อย่างเจ็บแสบ
“งานวิจัยคือให้ความรู้ ไม่ใช่นำไปอ้างเอาผิดใคร รายงานวิจัยฉบับที่ อสส. อ้างถึง ไม่ใช่ รายงานวิจัยที่บ่งชี้ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะ ไม่ใช่ การศึกษาวิจัยโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย แต่เป็นการวิจัยนโยบายรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิตปี 2548/49 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ เจ้าของผลงานวิจัย (ผู้ว่าจ้าง) คือ สำนักงาน ป.ป.ช. ชื่อรายงานวิจัยคือ “โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต : แสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือก” ตีพิมพ์เมื่อตุลาคม ปี 2553”
แถมตบหน้าส่งท้ายอีกฉาดว่า “งานวิจัยของนักวิชาการ ไม่ใช่งานสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง นักวิชาการมีเพียงหน้าที่ศึกษาหาต้นตอของการทุจริตเพื่อหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเท่านั้น โปรดกรุณาอ้างอิงและใช้ประโยชน์งานวิชาการให้ถูกที่ถูกทางด้วย”..เน่าสนิท !
บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า องค์กรปปช. ก็แค่เครื่องมือที่คอยทำลายล้างนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับ เพื่อหวังให้ฝ่ายตนเองสืบทอดอำนาจ ควบคุมประเทศนี้ไว้ เพียงเอาหนังราชสีห์มาคลุมร่าง ให้ดูสง่างามสมเป็นพญาสัตว์ แต่สุดท้ายเขาจับได้ เพราะหางก็โผล่..แค่หมาจิ้งจอก !
ไม่เหลืออีกแล้ว สำหรับความเชื่อถือศรัทธาและเชื่อมันในความเป็นกลาง ปปช.จึงเหลือเพียงซากที่ยังคงหายใจได้ รอเวลาแห่งมรณกรรมเพราะความเฉโก ความอสัตย์ ไร้คุณธรรมสำนึก แต่พยายามยื้อชีวิต ต่อลมหายใจตัวเองให้นานที่สุด เพียงแค่ขอลืมตามองโลกไปอีกสักระยะ ไม่อยากตายเพราะกลัวตกนรก..โอ้ น่าสมเพช !!!