แชร์ประสบการณ์มนุษย์เงินเดือน แค่สองวัน

แชร์ประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสไปร่วมงานในบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ทำงานวันแรกต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ไม่รู้จักใครเลย แล้วมีกลุ่มพี่กลุ่มหนึ่งที่ทำแผนกบัญชีเค้าชวนมานั่งกินข้าวด้วยกัน ในกลุ่มมีพวกพี่อายุตั้งแต่ 27 - 40 หญิงล้วน พี่เค้าถามว่ามาจากไหน อายุเท่าไหร่ก็ตอบพี่เค้าไป โหน้อง น้องยังเด็กอยู่ hr เค้าให้ผ่านมาได้ไง จริงๆเค้าไม่ค่อยรับเด็กเข้าทำงานสักเท่าไหร่ เนื่องจากประสบการณ์ยังน้อยอยู่ เค้าสอบสัมภาษณ์น้องยังไงบ้าง อธิบายให้พวกพี่ฟังหน่อย เค้าก็สอบสัมภาษณ์งานเหมือนกันทั่วไป หลังจากนั้นเขาถามว่าถ้าพี่จะให้น้องทำงานฝ่ายธุรการเอาไหม ใช้ excel เป็นเปล่า ก็ตอบว่าพอได้อยู่ hr เค้าก็พาผมเข้าไปในห้องฝ่ายบุคคล เค้าให้โจทย์มาแล้วให้ทำตามโจทย์ มีเวลาให้ 40นาที โจทย์ข้อแรกคือให้พิมพ์เรียนเชิญหัวหน้าแผนกมาประชุมรวมกันโดยใช้ word office ข้อสองให้ทำสไลด์ประวัติตัวเองใช้ power point ข้อสามให้สร้างตารางและคำนวนโดยใช้ excel (บอกตรง excel แทบไม่เคยใช้ เลยไม่เป็น) พอมาฝึกที่บ้านโค้ดง่ายเลยว่ะ ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะหัดเผื่อไว้ พอหมดเวลาพี่เค้าก็ให้กลับบ้านได้ แล้วเค้าบอกว่าเดี่ยวพี่โทรแจ้งผลสัมภาษณ์ พอสายๆวันจันทร์เค้าก็โทรมาถามว่าน้องพร้อมจะเริ่มกันวันไหน ก็ตอบไปว่าวันพรุ่งนี้ แล้วถามพี่เค้าให้ทำงานตำแหน่งอะไร เค้าบอกว่าให้ทำตำแหน่งสโตร์ หลังจากที่เค้าพิจารณาตามความเหมาะสม ก็โอเค

พอ hr โทรมาแจ้งว่าผ่านการสัมภาษณ์ เช้าวันอังคารเดินทางไปที่บริษัทแห่งนั้น ไปถึงก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ฟันฝ่ารถติดนานอยู่เหมือนกัน ไปถึง hr ก็ให้นั่งรอที่โรงอาหาร รอตั้งแต่บ่ายโมงจนเลิกงาน 5โมงเย็น hr ก็พาพี่ที่ทำงานฝ่ายบัญชีมาพบผม เพื่อที่ให้ผมไปพักกับเค้าด้วยที่หอพักของบริษัทเอง ตกลงอะไรเสร็จ ก็กลับหอพักพี่เค้า พอถึงหอพักพี่เค้าก็บอกให้เข้ามาในห้อง ผมก็เดินเข้าไป พร้อมเป้สะพายหลัง สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ามีแค่สื่อผืนเดียว หมอนผ้าห่มก็ไม่มี คืนนี้จะนอนยังไง พี่เค้าก็พาไปซื้อผ้าห่มหมอนที่ตลาด สิ่งของเครื่องใช้ที่เตรียมมามีแต่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด อันเนื่องจากเป้ข้าพเจ้าใบเล็กเกินไป เลยขนมาได้แค่นี้ ส่วนห้องน้ำจะแยกเป็นสองห้อง ห้องอาบน้ำและห้องส้วม ห้องอาบน้ำก็เล็กมาก เรียกได้ว่าจะออกจากห้องน้ำต้องถอยหลังออก เวลาอาบน้ำหลังแทบชนประตู ส่วนห้องนอนก็ใหญ่พอสมควร รองรับคนได้มากกว่า 10 คนขึ้นไป ผมก็ถามพี่เค้าว่าค่าห้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ พี่ก็บอกว่าถ้าอยู่สองคนจ่ายคนละร้อยต่อเดือน ถ้าอยู่คนเดียวจ่าย700ต่อเดือน ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ ห้องหนึ่งจะอนุญาตให้อยู่ได้ไม่เกินสองคน เป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัท วันแรกที่ไปก็ยังไม่ได้เริ่มงานเพราะมาสาย วันที่สองก็ไปนั่งรอ hr พาไปทำความรู้จักคนที่ทำแผนกสโตร์ ล้วนมีแต่ผู้ใหญ่ เด็กไม่มีเลย มีแต่ผมคนเดียว ก็นั่งรอพวกคุณลุง เพื่อจะเริ่มผึกงาน เค้าก็ให้ช่วยเช็คนั่นเช็คนี่ เดินเอกสารอะไรไป พองานหมดก็นั่งรองานนานอยู่เหมือนกัน ตอนนี้แหละที่ทำให้ผมอึดอัดมาก เพราะว่าเค้าไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ไม่ให้หลับ แล้วกล้องวงจรปิดก็ดันติดตรงข้างบนหัวผม มันทำให้หลับไม่ลง ถ้าจะหลับหรือกดโทรศัพท์ต้องไปแอบกดในห้องน้ำ เขาจะได้ไม่รู้ มันทำให้ผมเครียดมากเลย ไม่เครียดเรื่องงานหนักหรอกนะ เครียดตรงที่นั่งรองานแล้วทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนั่งเฉยๆ ผมก็ถามคุณลุงๆทีนั่งคีย์ข้อมูลอยู่ข้างๆ ถามว่ามีอะไรให้ผมช่วยไหม เค้าก็ตอบว่าไม่เป็นไร นั่งรอก่อน เออผมก็นั่งรอจนพักเที่ยง ก็ไปหาอะไรทาน ก็มาเจอกลุ่มพี่ๆนี่แหละที่ชวนผมมานั่งทานข้าวด้วยกัน

พอทานข้าวกลางวันเสร็จ บ่ายโมงก็เข้างานก็ทำเหมือนเมื่อวานทุกอย่าง เสียงกริ่งดังได้เวลากลับหอพัก ถึงหอพักก็นอนหลับตั้งแต่ 6โมง-2ทุ่ม รู้สึกเพลียมาก ตื่นมาก็ตรงไปที่ห้องอาบน้ำ อาบเสร็จนอนดูทีวีได้สักพัก ก็มีสายจากทางบ้านโทรมาก็เดินไปรับสายบนดาดฟ้า คุยอะไรเสร็จก็ลงมานอน ก็นอนไม่ค่อยหลับก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดว่าที่เรามาทำงานที่นี่เพื่ออะไร หาเงินหรือหาประสบการณ์ ได้คำตอบว่ามาหาประสบการณ์มากกว่ามาหาเงิน มาดูว่าในบริษัทเค้าทำงานกันยังไง ทำงานเกี่ยวกับอะไร มีพนักงานตำแหน่งอะไรบ้าง ใช้ระบบจัดการพนักงานยังไงบริษัทถึงอยู่รอดได้มาทุกวันนี้ แล้วความก้าวหน้าอาชีพอีกกี่ปีจะได้เลื่อนตำแหน่ง แล้วถ้าได้เลื่อนตำแหน่งเงินเดือนเท่าไหร่ ต้องเดินทางไปทำงานจันทร์-เสาร์ รู้สึกยังไง (มีเวลาพักผ่อนน้อย) อีกอย่างไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน

สรุป มันไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป การเป็นมนุษย์เงินเดือนมันไม่ได้ทำให้เรารวยหรอก (ถ้าไม่หางานอื่นทำควบคู่กันไป) ยิ่งเงินเดือนสูงภาษีก็ยิ่งสูงตามไปด้วย เราทำงานให้เค้า มันไม่ใช่ของเรา เราก็เหมือนลูกจ้างคนหนึ่ง ที่ต้องทำงานให้เค้าเพื่อได้เงินเลี้ยงปากท้อง อย่างน้อยก็มีกินมีใช้ไปวันๆ ต้องเก็บออมไว้ใช้ในยามเกษียณ ต้องทนฟังเสียงบ่นจากเจ้านาย ดีไม่ดีอาจโดนไล่ออกกลางคัน ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่เดินทางฟันฝ่ารถติดอีก ทำให้เสียสุขภาพจิต ต้องเตรียมรับมือกับเพื่อนร่วมงานบางคนจ้องคอยแทงข้างหลัง ต้องอยู่ในสังคมดัดจริต แล้วมันจะสนุกกับการทำงานได้ยังไง มันไม่อิสระ มันไม่ใช่ทางเดินตามความฝันของเรา ตื่นเช้าตัดสินใจโทรบอก HR บอกว่าไม่ทำแล้วนะ HR ก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะมันอยู่ในช่วงทดลองงาน แอบกลัวๆจะเสียประวัติอยู่เหมือนกัน 555 หลังจากนั้นก็เดินทางกลับจากสมุทรสาคร – สุพรรณด้วยดี ได้รับประสบการณ์จากที่นั่นกลับมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่นั่นมีน้ำใจคอยช่วยเหลือ อีกอย่างค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา ฯลฯ

เพื่อนๆคิดว่าผมตัดสินใจถูกไหม ถ้าเป็นเพื่อนๆคิดว่าเสียโอกาสที่ได้งานทำหรือเปล่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่