☻ รักสับสน .... ในห้องถนนนักเขียน (2)☻

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่น
คงต้องขอชี้แจงกับแฟนคลับสักเล็กน้อยก่อนนะครับว่า
* รักสับสน .... ในห้องถนนนักเขียน *  ที่เขียนมาก่อนหน้านั้น
ผมเข้าใจว่าเรื่องมันจะแฮ็ปปี้เอนดิ้งด้วยดี ตามแบบฉบับหนังไทย
แต่ไม่ใช่แล้วล่ะขอรับ
มันจึงเป็นที่มาของภาค 2 นี้จนได้

เรื่องราวมันจะเป็นยังไง
ติดตามที่ข้างล่างนี้ได้เลยขอรับ



                  ที่ม้านั่งหินอ่อนหน้าร้านเซเว่นโอเพ่นแอร์แสนคุ้นเคย

                  ผมนั่งเหม่อมองถุงถั่วอบ'หมั่นหลีหม่ง'ในมือเงียบๆคนเดียว  เออ  คนเรานี่ก็แปลกนะ ถั่วอบมันไปเกี่ยวข้องกับเจดีย์คู่ได้ยังไงก็ไม่รู้  น่าจะเป็นเรื่องราวในตำนานของสองแม่ลูกจากเมืองจีนนะผมว่า  หมั่นหลีหม่งหากวิเคราะห์แคะรหัสลับให้ดี มันก็คือหมั่นหลงมี๊นั่นเอง หมั่นหลงคือลูกชาย มี๊คือแม่ นั่นแหละคือสองแม่ลูกผู้เป็นต้นตำนานถั่วลิสงอบ  ความบากบั่นและทุ่มเทให้กับการปลูกถั่วของทั้งคู่ ซาบซึ้งตรึงใจคนรุ่นหลังเป็นยิ่งนัก  จนทำให้ลูกหลานรุ่นหลังสร้างเจดีย์คู่ไว้ให้เป็นที่ระลึกถึง ผมว่าที่มาของเรื่องราว มันน่าจะมาแบบนั้นแน่

                  กำลังจะยกเบียร์เล็กขวดที่สามขึ้นซด สายตามองไปเห็นป้าลำไยกำลังเก็บร้านขนมถ้วยของแกพอดี ผมลุกเดินเข้าไปหา ป้าลำใยหันมาทักทาย แปลกใจเล็กน้อยที่แกจำผมได้ แต่ก็นั่นแหละนะ เป็นใครก็ต้องจำได้ดีอยู่แล้วว่า วันนั้นมีลูกค้าหนุ่มบ้าดีเดือดมาจากไหนก็ไม่รู้  จู่ๆก็เข้ามาสั่งขนมถ้วยไปเกือบหมดร้านของแกอย่างรื่นรมย์สมใจ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะแพ้ท้องแทนเมีย หมอนั่นมันก็คงเกิดมาไม่เคยกินแน่ๆ

                  ความจริงวันนี้เบเกอรี่ไทยแฮนด์เมคของแกหมดแล้วล่ะ ผมเลยได้โอกาสแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับแก  ป้าลำใยมองมาด้วยสีหน้าสงสารจับใจ แต่พอแกบอกพรุ่งนี้จะทำให้แต่เช้านะ ป้าจะทำประเดิมไว้รอซักยี่สิบถ้วยก่อน ผมรีบชี้แจงแทบไม่ทัน รีบบอกแกไปว่าเอาไว้เป็นวันหลังก็แล้วกันป้า  พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้ามืด

                  คุยกับป้าลำไยได้สักพัก สาวน้อยวัยใสคุ้นตาคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาสวัสดี

                  อาหมวยฮัวกับตาลตั้น  สมาชิกทีมกู้โลกของผมนั่นเอง

                  ความสดใสวัยแรกแย้มของพวกเธอ ผมว่าไม่ต้องเมคอัพใดๆก็แจ่มแล้วนะ ทั้งคู่ผิวขาวนวลเนียนเป็นไข่ต้มปอกเปลือกอยู่แล้ว ใบหน้าซึ่งออกแทรนด์เกาหลีลงตัวกับรูปร่างบอบบางตามวัยของพวกเธออย่างเหมาะเจาะ  ดูแล้วน่าทะนุถนอมจริงๆ  ผมหมายถึงความรู้สึกทะนุถนอมแบบพี่ชายกับน้องสาวนะ

                  "ภูเขาวังน้ำเขียวเป็นไงบ้างคะอา" อาฮัวทักทายมาก่อน  อ้าว ? . . อายุผมมีศักดิ์เป็นอานี่นะ  ลืมไป
                  ตาลตั้นตามท้ายมาอีกคน "อากาศดีไหมฮะ"
                  "ก็ดีนะ เย็นสบาย สดชื่นดี"
                  "น่าอิจฉาจังเลย"
                  "อิจฉาเรื่องอะไร?"
                  "ก็เรื่องได้ไปเที่ยวไงฮะ" คำพูดลงท้ายด้วยฮะ ไม่ต้องมองไปก็รู้ว่าเป็นเจ้าตาลตั้น
                  "สู้พวกเราไม่ได้หรอก แหม. .ไปดูหนังกันสองคนแล้วนะตอนนี้  เอ่อ  แล้วป๊ากับม๊าไม่บ่นแล้วเหรออาอัว"
                  "โนพอมแพมค่ะ" ลูกศิษย์ผมพัฒนาล้ำหน้าเกินอาจารย์ไปหลายลี้เสียแล้ว เดี๋ยวนี้มีสปีคอิงลิชด้วยนะ ทั้งๆที่บ่นนักบ่นหนาว่าเกลียดวิชาอิงลิชเหลือเกิน
                  "ไปดูเรื่องอะไรกันมา"
                  "ตุ๊กแกรักแป้งมาก"
                  "หา  ชื่อหนังอ่ะนะ"
                  "ช่ายค่ะ" พวกเธอตอบพร้อมกัน

                  เออ  เดี๋ยวนี้ธุรกิจอะไรก็ตาม มันยึดอยู่แต่เอาง่ายเข้าไว้เป็นหลักนะ ชื่อหนังเลิศหรูที่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกหน่อยก็คงไม่มีให้เห็นแล้วแน่ๆ ต่อไปหนังเรื่อง'คู่กรรม'อาจจะเปลี่ยนไปเป็น...'โบริรักอังมาก'...ก็ได้นะผมว่า

                  คุยกันได้อีกสองสามคำ อาหมวยฮัวกับตาลตั้นก็หายลับเข้าไปในร้าน ผมกลับมายังม้านั่งหน้าร้านตามเดิม  พอหยิบหนังสือพ้อกเก็ตบุ้ค...ดอกไม้ในม่านหมอก...[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ของ'คุณสุนันท์ยาคนเศร้า'ขึ้นมาจากโต๊ะแค่นั้นเอง ตาลตั้นก็โผล่มา ผมยื่นหนังสือให้  นั่นล่ะคือจุดประสงค์ที่ผมนั่งรอสุภาพบุรุษของอาฮัวอยู่จนเบียร์หมดไปแล้วสามขวด ที่ผมรู้ล่วงหน้าอย่างนั้น เป็นเพราะอาฮัวโทรศัพท์ไปหาเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง

                  ตาลตั้นยกมือไหว้แล้วไหว้อีก พร้อมทั้งขอบคุณยกใหญ่กับหนังสือร้อยกรองที่อยากได้เล่มนั้น

                  เสร็จธุระแล้ว  แต่ผมยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นเลย อาฮัวก็หิ้วถุงเบียร์ขวดเล็กอีกสามขวดมาให้ตามที่ผมสั่งกับม๊าเอาไว้ วันนี้เกินลิมิตซะแล้วสิเรา เกลี้ยงไปแล้วสาม หากไปต่อที่บ้านอีกสามก็ครึ่งโหลพอดี เออแฮะ  วันไหนเบียร์อร่อยเป็นต้องลืมตัวทุกที  ไม่เป็นไร  พรุ่งนี้วันอาทิตย์ วันหยุดน่าวันหยุด

                  นัดหมายกับสองสาวน้อยเสร็จสรรพ ผมก็เดินขึ้นรถ  อ้อ  เรื่องที่นัดนั้น เป็นเรื่องติวหนังสือวิชาคณิตศาสตร์วันพรุ่งนี้
                  ไม่ได้จะไปกู้โลกที่ไหนหรอก


...................

...................


                  ผมกลับมาถึงบ้านด้วยสมาธิที่ยังยอดเยี่ยม รถจอดได้อย่างสวยงาม เพราะผมเคลียร์ของซึ่งแตกได้ออกไปจนหมดเสี้ยนหนามตำใจรอบบริเวณจอดรถเรียบร้อยแล้ว  เข้าบ้านได้  เก็บเบียร์เข้าตู้เย็นเป็นอันดับแรก  จากนั้นก็เสียบปลั๊กบู้ตเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนจะจัดแจงตัวเองเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่

                  ชีวิตที่อยู่คนเดียว บางครั้งมันก็สบายดีนะ สบายๆ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ ยังไม่ได้ทำอะไรแล้วค่อยทำ ทำแล้วก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องทำ  เอาไว้ค่อยทำใหม่

                  เมื่อเครื่องพร้อม  จอมอนิเตอร์พร้อม  ผมก็พร้อมแล้วเหมือนกัน  พร้อมทั้งเบียร์หนึ่งขวดเย็นเจี๊ยบข้างจอ
                  
              คลิ๊ก !  ก็อกแก็ก ๆ ๆ ๆ  คลิ๊ก !  ก็อกแก็ก ๆ ๆ ๆ  คลิ๊ก !

                  ผมผ่านเว็บพันทิพเข้าไป  ในนามล็อกอิน 'ชฎายา'

                  วันนี้มีหลังไมค์มาหา สามล็อกอิน
                  ซ๊าธุ ! ขอให้'คุณตฤนกร'   ไม่ใช่สิ  ขอให้'คุณน้ำค้าง'มาเป็นหนึ่งในสามนั้นด้วยเถิ๊ด...  เพี๊ยง !





                  ล็อกอินแรกไม่ใช่เสียแล้ว  เพราะเป็นล็อกอินจาก'คุณเพ็ญพิชญา'ผู้มีความละมุนละไมในบทกลอน

                  หลังไมค์ที่สองก็ไม่ใช่อีก  เพราะมาจากคุณ'ทีน่า' หรือ'หญิงเจ้ย'ผู้รุ่มรวยอารมณ์ขันของห้องถนนนักเขียนนั่นเอง





                  ยิ่งรายที่สาม ยิ่งไปใหญ่ กลายเป็นสุภาพบุรุษนักกลอนผู้นุ่มนวลเจ้าของล็อกอิน'อาชาไพร'ไปโน่น





                  เพื่อนๆที่คุ้นเคยในห้องกลอนต่างก็เป็นห่วงเป็นใยชฎายาเหมือนกันไปหมด สามล็อกอินวันนี้ยังไม่รวมกับที่ผ่านมาอีกห้าหกรายซึ่งผลัดกันแวะเวียนเข้ามาหา เข้ามาทักทาย แต่ละคนแสดงออกถึงความคิดถึงชฏายา สาวน้อยนักกลอนผู้แสนหวานกันถ้วนหน้า

                  ผมกระดกเบียร์เป็นวุ้นไล่ความหดหู่ทิ้งออกไป รู้สึกดีขึ้นไหมล่ะ?
                  เปล่าเลย  หดหู่ลดลงแต่หืดหอบเพิ่มขึ้น
                  แล้วก็มึน !

                  ที่มึนนั้นไม่ได้เมาแต่อย่างใด ยังปกติดี เพียงแต่คล้ายกับว่า ปุ่มแป้นพิมพ์คืนนี้มันหดเล็กลงไปอีกคืนแล้ว มันมักจะออกอาการอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมบังคับให้มันทำโอที พอพิมพ์แก็กไป ตัวอักษรก็จะกระเด้งซ้อนทับกันขึ้นมาสองตัวทุกครั้ง มันคงคิดจะลองดีกับผมอีกแล้ว เอาเถอะปล่อยมันไปก่อน เพราะโงหัวตื่นเช้าขึ้นมาทีไร มันก็กลับมาเป็นปกติดีเหมือนเดิม ปล่อยมันบ้าของมันให้หนำใจ คอยตรวจสอบข้อความเอาเป็นพอ

                  นับเป็นเวลาร่วมหนึ่งเดือนเหมือน'คุณอาชาไพร'ว่ามาจริงๆนั่นแหละ ที่ล็อกอิน'ชฎายา'ไม่ได้เข้าไปร่วมต่อกลอนกับใครเขาเลย ไม่แม้แต่จะเข้าไปกดแสดงความรู้สึกใดๆกับเพื่อนๆในห้องกลอน  ก็มันจะไปมีอารมณ์สุนทรีย์แบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้อะไรๆมันระเหยไปเป็นน้ำค้างยามเช้าเสียหมดแล้ว ผมเองตามหาเม็ดน้ำสดใสบนยอดหญ้ามาเป็นเดือนแล้ว แต่ก็เจอเพียงคราบบนใบบัวบกแค่นั้นเอง  เอ  หรือเราจะลองถอนใบบัวบกมาต้มกินน้ำแก้เคล็ดดีนะ เผื่อน้ำค้างในนั้นจะถูกกลั่นออกมาให้เห็น

                  ทำไมอาการของผมมันหนักขนาดนี้นะ

                  เพราะใครคนนั้นแท้ๆเชียว
                  แล้วใครคนนั้นจะรู้ไหมว่า หัวใจของผมกำลังเลอะเทอะเฟอะฟะไปหมดแล้ว

                  คุณน้ำค้างหนอคุณน้ำค้าง
                  คุณน้ำค้างอยู่ไหนคร๊าบบ...บ...


...................

...................

(ยังมีต่อนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่