*แก้ไขเป็น จ.เพชรบุรี นะคะ
----------------------
**มีความพยายามที่จะทำให้กระทู้นี้ถูกลบโดยการโพสต์เว็บลามกอนาจารค่ะ
----------------------
***มีการ "พูดคุย" กับทางบริษัทผลิตรถยนต์แล้ว ขออนุญาตแตกเป็นกระทู้ใหม่ที่
http://pantip.com/topic/32572470
สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นโพสต์แรกนะคะ เกี่ยวกับเหตุการณ์
เรื่องเกิดขึ้นขณะเดินทางกลับจากกิจกรรมรับน้องที่จังหวัดประจวบฯ
ที่ร้านขายของฝาก-ขนมหม้อแกงชิดชนก ที่มีรถบัสขนาดใหญ่จอดเป็นจำนวนมาก
เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่คณะเดินทางของดิฉันที่เป็นกลุ่มนิสิตนักศึกษาประมาณ 70 คนเข้าเพื่อพักรับประทานอาหาร
มีคณะเดินทางกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นวัยทำงาน ทั้งชายและหญิงอายุเฉลี่ยราว 30-40 ปี
ทราบภายหลังว่าเป็นพนักงานของโรงงานรถยนต์ญึ่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่มีโรงงานในอยุธยา
มากับรถบัสที่เปิดเพลงสามช่า ให้อารมณ์รถแห่ผ้าป่า แต่งลำโพงหน้ารถนับสิบตัว ขับเข้ามาจอดพักพร้อมกัน
โดยจอดในลานจอดหน้าร้านขายของฝาก-ร้านอาหารเปิดโล่ง ที่มีคนอยู่จำนวนมาก แต่ไม่ยอมปิดเสียงเพลง
กล่าวง่ายๆ คือมาเต็มทั้งเสียงแหลมเสียงเบส ตี๊บๆๆๆ ทำเอาเด็กตัวเล็กๆ แถวนั้นร้องไห้ก็มี
ผู้คนที่จับจ่ายอยู่ในร้านก็มองด้วยความรำคาญ ยิ่งไปกว่านั้นก็สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มคนที่นั่งทานข้าวอยู่ด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที พฤติกรรมคนเหล่านี้มีทั้งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นอยู่หน้ารถที่เปิดเพลงอย่างสนั่นหวั่นไหว
ไม่สนใจความรู้สึกของลูกค้าคนอื่นๆ ดิฉันจึงให้รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งแจ้งกับตำรวจที่อยู่ในบริเวณนั้นทราบเพื่อขอร้องให้หรี่เสียงลงบ้าง
ไม่ทราบว่าตำรวจประสานอย่างไรกับคนขับ ปรับหรี่ลงเล็กน้อยเป็นเวลาไม่เกิน 1 นาทีและกลับมาเปิดดังๆ แบบเดิม
ดิฉันมองหาตำรวจอีกครั้งก็เห็นว่าเลื่อนรถไปที่ทางออกแล้ว แล้วทราบว่าเป็นตำรวจกองปราบ (ดังรูปด้านล่าง ทะเบียนชัดเจนครบถ้วน)
ที่มาทำหน้าที่ 'อำนวยความสะดวก' ให้กับคณะเดินทาง แต่เพิกเฉยกับสิ่งที่คณะเดินทางทำ ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือประชาชน
กลุ่มของดิฉันเห็นว่าคาดหวังรอพึ่งคนในเครื่องแบบกลุ่มนี้ไปดูจะไร้ผล ก็รู้ๆ กันนะคะ
ดิฉันเลยลงความเห็นกับเพื่อนๆ ที่เป็นรุ่นพี่ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะรุ่นน้องที่มากับเรา มีคนที่มีปัญหาสุขภาพทางการได้ยิน
สวัสดิภาพของน้องเป็นสิ่งสำคัญ ก็พ่อแม่ยินยอมให้เอาลูกเต้าเขามานอกสถานที่ เราก็ต้องดูแลรับผิดชอบ
ดิฉันกับเพื่อนจึงเป็นหน่วยกล้าตาย เดินไปขอเจรจากับคนกลุ่มนั้นที่หน้าร้าน
ใจความว่า...
รบกวนหรี่เสียงลำโพงลงนิดนึง เนื่องจากทางเรามีน้องที่มีปัญหาเรื่องหู และคนอื่นๆ ที่ทานข้าวอยู่ก็ทานข้าวไม่ลง
พี่ผู้หญิงวัยกลางคนๆ หนึ่ง อ้างตัวเป็นผู้นำทริป บอกว่า "น้องๆ ต้องเข้าใจว่านี่มันที่นี่คนมันเยอะ"
เราก็ชี้แจงไปว่าที่นี่เป็นที่สาธารณะที่เราใช้ร่วมกัน ทุกคนมีสิทธิพึงกระทำที่ไม่ไปก้ายก่ายล่วงล้ำสิทธิของผู้อื่น
ถูกย้อนถามว่าที่สาธารณะแปลว่าอะไร??? ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแ้ว หากคนเรามีชุดความคิดที่ต่างกันสุดขั้วขนาดนี้
จึงขอร้องอีกครั้ง บอกให้พี่ลองนึกถึงใจเขาใจเรา เวลาเรากินข้าว มีคนมาตะโกนข้างหูตลอด เสียงดังระงม เบสอีกตึ๊บๆๆ พี่ทานลงมั้ยคะ?
ซึ่งเขาก็ดูจะโอเค หรี่ลงและเสียงก็เงียบไป คนในร้านก็ดีใจ ส่งเสียงเฮและปรบมือให้ นึกว่าเรื่องจะจบด้วยดี คนไทยคุยกันง่าย เปล่าเล้ย..
หลังจากนั้นผ่านไปไม่ถึงนาที เอาอีกแล้ว!!! ยังเดินกลับมาไม่ถึงโต๊ะ กลุ่มนั้นเปิดแผ่นใหม่ ตึ๊บกว่าเดิน สามช่ากว่าเดิม ที่สำคัญดังกว่าเดิมจ้าา
มาถึง ณ จุดนี้ น้องๆ พี่ๆ และลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เริ่มปล่อยช้อนวางจาน นั่งปิดหูกุมขมับ เพราะเสียงมันหนักข้อขึ้นกว่าเมื่อกี้
คราวนี้คิดว่าจะเดินกลับไปเจรจาใหม่คงไม่เป็นผล
จึงพากันไปหาผู้จัดการ ให้ช่วยจัดการคนกลุ่มนี้ ซึ่งในตอนแรกผู้จัดการก็มีท่าทีเพิกเฉย นับเงินที่แคชเชียร์ไป
จนเราชี้แจงเหตุผล พร้อมบอกว่าถ้าทำเช่นนี้คงต้องให้สังคมโซเชียลรับรู้ถึงการบริการของร้านนี้นะคะ
จึงสั่งให้พนักงานชายคนหนึ่งไปคุยกับรถคันนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปคุยหรือไม่ เพราะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
คณะเดินทางกลุ่มนี้ก็ยังแสดงท่าทีเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนที่ก่อให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ
เร่งเสียง ใช้ไมโครโฟน มีดีเจพูดประกอบเพลงเหมือนงานวัด อีกทั้งเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงคืนความสุข แล้วตะโกนถามหาเสียงคนรักชาติ
ซึ่งดิฉันคิดว่าการรักชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่การแสดงออกในลักษณะนี้ ไม่สมควรทำไม่ว่าจะเป็นพนักงานองค์กรบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ หรือใครก็ตาม
สุดท้ายเมื่อเราพึ่งใครไม่ได้ และเห็นว่าสวัสดิภาพความปลอดภัยของน้องสำคัญที่สุด
จึงให้น้องๆ กลับขึ้นรถเพื่อจะไปที่อื่น เพราะขนมหม้อแกงไม่ได้มีที่นี่ที่เดียว ไม่ดูแล ไม่จัดการ ไม่อยากเอาเงินก็ตามใจ
เรื่องก็จะจบเพียงแค่นี้ แต่ขณะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง มีผู้หญิงคนหนึ่งบนรถคันเจ้าปัญหา
ลงมาพูดเยาะเย้ยเพื่อกระทบกับสาวสองบางคนที่เป็นหนึ่งในรุ่นพี่ว่า
"สวยยยยย ที่หนึ่งงงงง ของปลอมมมม ไปเลยยยยย"
"อย่าไปว่าเขาเลย เขาเกิดมาพิการแค่นี้มากพอแล้ว"
ฟังแล้วเสียใจมาก นอกจากพวกคุณไม่มีจิตสำนึกสาธารณะ ยังแสดงความคิดแบ่งแยกเพศที่น่ารังเกียจเช่นนี้
จึงเดินเข้าไปขอคำอธิบาย เพราะดิฉันและพี่คนที่ถูกว่า ต่างรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งเป็นใครก็คงโกรธเมื่อเจอแบบนั้น
ก็ได้รับคำตอบง่ายๆ จากปากคนนั้นว่า
"ไม่ได้พูด พูดลอยๆ อยากรับก็รับไป"
แล้วคนพูดก็เดินขึ้นรถ เพื่อนคนอื่นๆ ของเขาก็กันฝั่งเราออกห่าง และพูดว่า
"ยิ่งพวกหนูพูดมาก ก็มีแต่พวกหนูนั่นแหละที่จะเสีย"
ก็บอกไปว่าหนูก็ไม่รู้ว่าพวกเรามีอะไรที่จะต้องเสียจากการกระทำที่ถูกต้องและการเรียกร้องสิทธิของพวกเราเอง
แต่สุดท้าย เราก็เลือกที่จะเดินออกมาและไลน์แถวน้องขึ้นรถโดยเร็ว
เพื่อความปลอดภัยของน้องๆ จึงไม่อยากต่อความยาวกับคนที่มีความบกพร่องในชุดความคิดหลายๆ อย่างเหล่านี้อีก
การเกิดมาเป็นเพศที่สาม ไม่ได้แปลว่าคนๆ นั้นจะพิกลพิการทางกายหรือใจ
แต่การเกิดมาเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรม ไม่รู้จักการเรียนรู้และปรับตัวที่จะอยู่กับคนในสังคม ยิ่งเป็นวัยผู้ใหญ่พี่น่าจะพูดจารู้เรื่องกว่านี้
สิ่งนี้ต่างหากที่น่าผิดหวังกว่าเยอะค่ะ
สรุปนะคะ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการกระทำของผู้ใหญ่วัยทำงานขนาดนี้
การพักผ่อนวันหยุดสำหรับพวกพี่ๆ คือ ทำอะไรตามใจเป็นไทยแท้ ใครจะรู้สึกแย่หรือเดือดร้อนก็ไม่สน อย่างนั้นหรือ?
เหนื่อยหน่ายกับการจัดการของร้านที่ไม่สนใจลูกค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ
วุ่นวายกับการรับเงินๆๆๆ โดยไม่สนใจใครจะทำอะไร จะเต้นรำทำเพลงกินเหล้ารบกวนใครก็ช่าง อย่างนั้นหรือ?
และเหนื่อยหน่ายกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้ชื่อว่าเป็นตำรวจกองปราบฯ ที่เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม แต่เลือกปฏิบัติ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
และมันจะเป็นอย่างนี้ต่อไป อย่างนั้นหรือ?
ขอบคุณค่ะ
รู้สึกแย่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวเห็นแก่ตัว (คนไทย) การจัดการของร้านขนมหม้อแกงชิดชนก จ.ประจวบฯ และตำรวจกองปราบราม
----------------------
**มีความพยายามที่จะทำให้กระทู้นี้ถูกลบโดยการโพสต์เว็บลามกอนาจารค่ะ
----------------------
***มีการ "พูดคุย" กับทางบริษัทผลิตรถยนต์แล้ว ขออนุญาตแตกเป็นกระทู้ใหม่ที่
http://pantip.com/topic/32572470
สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นโพสต์แรกนะคะ เกี่ยวกับเหตุการณ์
เรื่องเกิดขึ้นขณะเดินทางกลับจากกิจกรรมรับน้องที่จังหวัดประจวบฯ
ที่ร้านขายของฝาก-ขนมหม้อแกงชิดชนก ที่มีรถบัสขนาดใหญ่จอดเป็นจำนวนมาก
เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่คณะเดินทางของดิฉันที่เป็นกลุ่มนิสิตนักศึกษาประมาณ 70 คนเข้าเพื่อพักรับประทานอาหาร
มีคณะเดินทางกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นวัยทำงาน ทั้งชายและหญิงอายุเฉลี่ยราว 30-40 ปี
ทราบภายหลังว่าเป็นพนักงานของโรงงานรถยนต์ญึ่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่มีโรงงานในอยุธยา
มากับรถบัสที่เปิดเพลงสามช่า ให้อารมณ์รถแห่ผ้าป่า แต่งลำโพงหน้ารถนับสิบตัว ขับเข้ามาจอดพักพร้อมกัน
โดยจอดในลานจอดหน้าร้านขายของฝาก-ร้านอาหารเปิดโล่ง ที่มีคนอยู่จำนวนมาก แต่ไม่ยอมปิดเสียงเพลง
กล่าวง่ายๆ คือมาเต็มทั้งเสียงแหลมเสียงเบส ตี๊บๆๆๆ ทำเอาเด็กตัวเล็กๆ แถวนั้นร้องไห้ก็มี
ผู้คนที่จับจ่ายอยู่ในร้านก็มองด้วยความรำคาญ ยิ่งไปกว่านั้นก็สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มคนที่นั่งทานข้าวอยู่ด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที พฤติกรรมคนเหล่านี้มีทั้งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นอยู่หน้ารถที่เปิดเพลงอย่างสนั่นหวั่นไหว
ไม่สนใจความรู้สึกของลูกค้าคนอื่นๆ ดิฉันจึงให้รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งแจ้งกับตำรวจที่อยู่ในบริเวณนั้นทราบเพื่อขอร้องให้หรี่เสียงลงบ้าง
ไม่ทราบว่าตำรวจประสานอย่างไรกับคนขับ ปรับหรี่ลงเล็กน้อยเป็นเวลาไม่เกิน 1 นาทีและกลับมาเปิดดังๆ แบบเดิม
ดิฉันมองหาตำรวจอีกครั้งก็เห็นว่าเลื่อนรถไปที่ทางออกแล้ว แล้วทราบว่าเป็นตำรวจกองปราบ (ดังรูปด้านล่าง ทะเบียนชัดเจนครบถ้วน)
ที่มาทำหน้าที่ 'อำนวยความสะดวก' ให้กับคณะเดินทาง แต่เพิกเฉยกับสิ่งที่คณะเดินทางทำ ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือประชาชน
กลุ่มของดิฉันเห็นว่าคาดหวังรอพึ่งคนในเครื่องแบบกลุ่มนี้ไปดูจะไร้ผล ก็รู้ๆ กันนะคะ
ดิฉันเลยลงความเห็นกับเพื่อนๆ ที่เป็นรุ่นพี่ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะรุ่นน้องที่มากับเรา มีคนที่มีปัญหาสุขภาพทางการได้ยิน
สวัสดิภาพของน้องเป็นสิ่งสำคัญ ก็พ่อแม่ยินยอมให้เอาลูกเต้าเขามานอกสถานที่ เราก็ต้องดูแลรับผิดชอบ
ดิฉันกับเพื่อนจึงเป็นหน่วยกล้าตาย เดินไปขอเจรจากับคนกลุ่มนั้นที่หน้าร้าน
ใจความว่า...
รบกวนหรี่เสียงลำโพงลงนิดนึง เนื่องจากทางเรามีน้องที่มีปัญหาเรื่องหู และคนอื่นๆ ที่ทานข้าวอยู่ก็ทานข้าวไม่ลง
พี่ผู้หญิงวัยกลางคนๆ หนึ่ง อ้างตัวเป็นผู้นำทริป บอกว่า "น้องๆ ต้องเข้าใจว่านี่มันที่นี่คนมันเยอะ"
เราก็ชี้แจงไปว่าที่นี่เป็นที่สาธารณะที่เราใช้ร่วมกัน ทุกคนมีสิทธิพึงกระทำที่ไม่ไปก้ายก่ายล่วงล้ำสิทธิของผู้อื่น
ถูกย้อนถามว่าที่สาธารณะแปลว่าอะไร??? ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแ้ว หากคนเรามีชุดความคิดที่ต่างกันสุดขั้วขนาดนี้
จึงขอร้องอีกครั้ง บอกให้พี่ลองนึกถึงใจเขาใจเรา เวลาเรากินข้าว มีคนมาตะโกนข้างหูตลอด เสียงดังระงม เบสอีกตึ๊บๆๆ พี่ทานลงมั้ยคะ?
ซึ่งเขาก็ดูจะโอเค หรี่ลงและเสียงก็เงียบไป คนในร้านก็ดีใจ ส่งเสียงเฮและปรบมือให้ นึกว่าเรื่องจะจบด้วยดี คนไทยคุยกันง่าย เปล่าเล้ย..
หลังจากนั้นผ่านไปไม่ถึงนาที เอาอีกแล้ว!!! ยังเดินกลับมาไม่ถึงโต๊ะ กลุ่มนั้นเปิดแผ่นใหม่ ตึ๊บกว่าเดิน สามช่ากว่าเดิม ที่สำคัญดังกว่าเดิมจ้าา
มาถึง ณ จุดนี้ น้องๆ พี่ๆ และลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เริ่มปล่อยช้อนวางจาน นั่งปิดหูกุมขมับ เพราะเสียงมันหนักข้อขึ้นกว่าเมื่อกี้
คราวนี้คิดว่าจะเดินกลับไปเจรจาใหม่คงไม่เป็นผล
จึงพากันไปหาผู้จัดการ ให้ช่วยจัดการคนกลุ่มนี้ ซึ่งในตอนแรกผู้จัดการก็มีท่าทีเพิกเฉย นับเงินที่แคชเชียร์ไป
จนเราชี้แจงเหตุผล พร้อมบอกว่าถ้าทำเช่นนี้คงต้องให้สังคมโซเชียลรับรู้ถึงการบริการของร้านนี้นะคะ
จึงสั่งให้พนักงานชายคนหนึ่งไปคุยกับรถคันนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปคุยหรือไม่ เพราะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
คณะเดินทางกลุ่มนี้ก็ยังแสดงท่าทีเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนที่ก่อให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ
เร่งเสียง ใช้ไมโครโฟน มีดีเจพูดประกอบเพลงเหมือนงานวัด อีกทั้งเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงคืนความสุข แล้วตะโกนถามหาเสียงคนรักชาติ
ซึ่งดิฉันคิดว่าการรักชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่การแสดงออกในลักษณะนี้ ไม่สมควรทำไม่ว่าจะเป็นพนักงานองค์กรบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ หรือใครก็ตาม
สุดท้ายเมื่อเราพึ่งใครไม่ได้ และเห็นว่าสวัสดิภาพความปลอดภัยของน้องสำคัญที่สุด
จึงให้น้องๆ กลับขึ้นรถเพื่อจะไปที่อื่น เพราะขนมหม้อแกงไม่ได้มีที่นี่ที่เดียว ไม่ดูแล ไม่จัดการ ไม่อยากเอาเงินก็ตามใจ
เรื่องก็จะจบเพียงแค่นี้ แต่ขณะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง มีผู้หญิงคนหนึ่งบนรถคันเจ้าปัญหา
ลงมาพูดเยาะเย้ยเพื่อกระทบกับสาวสองบางคนที่เป็นหนึ่งในรุ่นพี่ว่า
"สวยยยยย ที่หนึ่งงงงง ของปลอมมมม ไปเลยยยยย"
"อย่าไปว่าเขาเลย เขาเกิดมาพิการแค่นี้มากพอแล้ว"
ฟังแล้วเสียใจมาก นอกจากพวกคุณไม่มีจิตสำนึกสาธารณะ ยังแสดงความคิดแบ่งแยกเพศที่น่ารังเกียจเช่นนี้
จึงเดินเข้าไปขอคำอธิบาย เพราะดิฉันและพี่คนที่ถูกว่า ต่างรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งเป็นใครก็คงโกรธเมื่อเจอแบบนั้น
ก็ได้รับคำตอบง่ายๆ จากปากคนนั้นว่า
"ไม่ได้พูด พูดลอยๆ อยากรับก็รับไป"
แล้วคนพูดก็เดินขึ้นรถ เพื่อนคนอื่นๆ ของเขาก็กันฝั่งเราออกห่าง และพูดว่า
"ยิ่งพวกหนูพูดมาก ก็มีแต่พวกหนูนั่นแหละที่จะเสีย"
ก็บอกไปว่าหนูก็ไม่รู้ว่าพวกเรามีอะไรที่จะต้องเสียจากการกระทำที่ถูกต้องและการเรียกร้องสิทธิของพวกเราเอง
แต่สุดท้าย เราก็เลือกที่จะเดินออกมาและไลน์แถวน้องขึ้นรถโดยเร็ว
เพื่อความปลอดภัยของน้องๆ จึงไม่อยากต่อความยาวกับคนที่มีความบกพร่องในชุดความคิดหลายๆ อย่างเหล่านี้อีก
การเกิดมาเป็นเพศที่สาม ไม่ได้แปลว่าคนๆ นั้นจะพิกลพิการทางกายหรือใจ
แต่การเกิดมาเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรม ไม่รู้จักการเรียนรู้และปรับตัวที่จะอยู่กับคนในสังคม ยิ่งเป็นวัยผู้ใหญ่พี่น่าจะพูดจารู้เรื่องกว่านี้
สิ่งนี้ต่างหากที่น่าผิดหวังกว่าเยอะค่ะ
สรุปนะคะ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการกระทำของผู้ใหญ่วัยทำงานขนาดนี้
การพักผ่อนวันหยุดสำหรับพวกพี่ๆ คือ ทำอะไรตามใจเป็นไทยแท้ ใครจะรู้สึกแย่หรือเดือดร้อนก็ไม่สน อย่างนั้นหรือ?
เหนื่อยหน่ายกับการจัดการของร้านที่ไม่สนใจลูกค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ
วุ่นวายกับการรับเงินๆๆๆ โดยไม่สนใจใครจะทำอะไร จะเต้นรำทำเพลงกินเหล้ารบกวนใครก็ช่าง อย่างนั้นหรือ?
และเหนื่อยหน่ายกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้ชื่อว่าเป็นตำรวจกองปราบฯ ที่เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม แต่เลือกปฏิบัติ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
และมันจะเป็นอย่างนี้ต่อไป อย่างนั้นหรือ?
ขอบคุณค่ะ