นี่หรือชีวิต…จากคนขายอุปกรณ์กอล์ฟแล้วหันมาขายบราวนี่

หลังจากเรียนจบ MBA ภาคภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะเพื่อนชวนไปตีกอล์ฟกันมั้ย? ลำพังเงินเดือนก็น้อยนิด เมื่อตัดสินใจเล่นกอล์ฟ หลังจับไม้วันนั้นชีวิตก็ไม่เคยห่างกันอีกเลย อะไรที่เมื่อเราลุ่มหลง ไม่ว่าจะหมดเงินจนแทบไม่มีจะกินก็สามารถฟันฝ่ามาได้ การเล่นกอล์ฟเมื่อ 10 ปีที่แล้วราคาอุปกรณ์ค่อนข้างแพงมาก ผมหมดเงินเป็นแสนไปกับมันและเป็นคนชอบซื้อของมาก ซื้อจนเป็นหนี้บัตรเครดิตมากมาย

ก็พยายามคิดจะหาทางปลดหนี้ยังไงดีหล่ะ?

เมื่อเป็นโรคคลั่งซื้อ งั้นก็ซื้อมาขายซะเลย

แต่เงินทุนไม่มีทำไงดี?

วงเงินบัตรเครดิตยังพอมี ก็เลยเริ่มสั่งของจาก eBay การสั่งของในปริมาณน้อยราคาต่อหน่วยก็สูงเป็นเรื่องปกติ เมื่อซื้อในปริมาณที่เยอะขึ้นราคาต่อหน่วยก็ลดลง

ก็เลยเริ่มธุรกิจ เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง อะไรที่อยากได้ก็สั่งเข้ามาเพื่อที่ตัวเองสามารถใช้เองและขายได้ พอเริ่มใช้และทดลองไปเรื่อยๆ ก็เสียดายประสบการณ์ที่ตัวเองเคยสัมผัส ก็เริ่มเขียนรีวิวอุปกรณ์กอล์ฟอย่างต่อเนื่องด้วยใจรัก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียน Blog ที่ต้องการยอดคลิ๊กโฆษณาจาก Google เพื่อเป็นรายได้เสริม

แรงบัลดาลใจก็เกิดจากการอ่านหนังสือแล้วเจอเรื่องของ Jeban ที่เขียน Blog สอนการแต่งหน้าในพันทิพแล้วพัฒนามาเป็นเว็ปไซต์ที่มีรายได้จากการโฆษณา ผมใช้เวลาเขียนบล็อกอยู่ปีกว่าได้ค่าคลิ๊กแอดโฆษณาจาก Google มา 3,000 บาท (จ่ายครั้งละ $100 USD) และได้อีก 3,300 ครั้งที่สองในรอบ 4 ปี ในแง่การลงทุนเพื่อเขียนรีวิวนั้นรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย แต่การค้าขายใช่ว่าจะราบรื่น เมื่อขาดเงินสดหมุนเวียน จึงเอ๋ยปากขอเพื่อนที่สนิทช่วยซื้อของราคาไม่ได้มากมายอะไรแค่หมื่นกลางๆ  เพื่อนคนนี้มีฐานะทางการเงินดีมาก แต่ก็เงียบไป ครั้งต่อมาผมเดือดร้อนไม่มีเงินสดหมุนเวียนก็เอ๋ยปากขอยืมเงินสักก้อนหนึ่งอยากได้มาใช้หนี้บัตรเครดิต เดี๋ยวจะทะยอยคืนให้  ก็เงียบอีก ผมก็ได้แต่ก้มหน้ารับกรรมต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 31
และแล้วผมก็ได้สูตร 2 ที่เจอมาด้วยความบังเอิญ จึงเป็นความหวังที่ดูแจ่มใส เมื่อได้ถาดแรกของสูตร 2 เนื้อหนา แน่น หนืบหนับ เต็มอิ่มด้วยช็อคโกแลตคำโต ก็เริ่มขายผ่านหน้าเพจทาง FaceBook ได้การตอบรับได้เป็นอย่างดี จนลูกค้าท่านหนึ่งที่สั่ง 20 กล่อง มารับบราวนีแถวบ้านและได้ชิมทันทีแล้วบอกว่า “อร่อยมากครับพี่” คำถามต่อมา

พี่เรียนมาจากไหน?

ทำมานานหรือยัง ?

ผมก็ตอบไปตามจริง เพิ่งทำกับแฟนได้เดือนกว่าๆ เอง และไม่ได้เรียนที่ไหนด้วยครับ

คำถามต่อมา “ทำไมพี่ถึงทำได้อร่อย? ผมไม่เคยกินบราวนีที่ได้เนื้อแน่นแบบนี้มาก่อน

ผมตอบแบบไม่ลังเล “ไม่มีจะกินแล้วต้องทำสุดฝีมือเพื่อความอยู่รอดครับ”
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ลูกก็อายุ 2 เดือนแล้ว ก็พยายามคิดว่ามีงานอะไรไหม? ที่ทำให้เราสามารถทำให้เขาอยู่กับเราได้ตลอดเวลา การได้ใช้ช่วงเวลาของชีวิตดูเขาเติบโตมันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่มีอะไรเทียบได้ และยังพอมีรายได้เพื่อประทังชีวิต เพราะชีวิตผมเองก็ออกจากบ้านดอยมาสู่กรุงตั้งแต่อายุ 15 ผ่านมาเกือบ 25 ปี ทำให้ชีวิตมีความผูกพันธ์กับครอบครัวน้อยมาก

ความคิดเห็นที่ 118
เรื่องของเรื่องคือ กระทู้มีส่วนที่ผิดกฎแน่นอน
การแจ้งเตือนโดยตรงกับทาง จขกท หรือ ในทางกระทู้โดยตรงขอให้ลบส่วนที่ผิดกฎออก
ด้วยความรู้สึกแบบเพื่อน หรือ คนในสังคมเดียวกัน
จะดีกว่าการตำหนิแบบจับผิดเหมือนต้องประจานกันให้ได้อาย โชว์กันไปว่าฉันรู้ทัน

ถ้าเตือนแล้วยังไม่ทำ ค่อยเล่นแรงขึ้น แจ้งทางพันทิปให้ลบออกเพราะผิดกฎ

แบบนี้จะทำให้อรรถรสการอ่านไม่สะดุดกับการจับผิด เผาแม่มด ไม่ว่าแม่มดจะจงใจหรือไม่จงใจ

ส่วนดีๆในกระทู้เลยโดนความรู้สึกด้านลบมาก จนทำให้คนอ่านรู้สึกลบตามไปด้วย

การจับผิดแบบทุกเม็ด อาจจะมีอคติมาจาก "ไอ้นี่มาแอบโฆษณา" ทำให้เรื่องดีๆกลายเป็นเรื่องแย่ๆไปหมด

บางคนอาจรู้สึกว่า อ่านแล้ว ไม่เห็นได้อะไร--เพราะคุณไม่ได้ขาด ไม่ได้อยู่ในสถานกาณ์ต้องทำแบบนี้ ก็ไม่เป็นไร ไม่แปลกครับ
บางคนที่เจอแบบเดียวกัน อาจจะอินกับข้อเขียนแบบนี้ อาจจะได้อะไรไปเป็นแนวทาง แรงบันดาลใจ หรือ อะไรก็ได้ที่ทำให้เขาอยากสู้ต่อ

บางคน หาอิฐเบี้ยวๆก้อนเดียวบนกำแพง เพื่อรื้อกำแพงลงมา
แค่ซ่อมอิฐก้อนเดียว กำแพงก็ยังอยู่ครับ
ความคิดเห็นที่ 4
จนไปเจอเรื่องทำไมคนที่ประสบความสำเร็จมักจะประสบความสำเร็จซ้ำๆ ทำอะไรก็ขึ้น ถ้าล้มแล้วก็กลับมาได้แถมยิ่งใหญ่กว่าเดิม มีความรักที่ดี แต่ทำไมคนที่ล้มเหลวก็มักจะล้มเหลวซ้ำๆ ค้าขายเจ๊งแล้วเจ๊งอีก เรียนก็เกรดแย่ตลอด อาชีพการงานไม่ก้าวหน้า อกหักแล้วอกหักอีก
นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองได้ทำการทดลองเรื่องนี้ คำตอบที่ได้จากการทดลองคือเป็นเพราะเซลล์ในสมองที่ชื่อ “นิวรอน”

“นิวรอน” คือเซลล์ของระบบประสาท สื่อสารกันด้วยกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กมาก จับกันเป็นโครงข่ายเหมือนไยแมงมุมทั่วสมอง โดยนิวรอนจะมี 2 ขาที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับนิวรอนตัวอื่น ขอเรียกง่ายๆ ว่า ‘ขาบวก กับ ขาลบ’ เมื่อคนมีความสุข ประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย รู้สึกดี ความรู้สึกดีๆ พวกนี้จะทำให้ ‘ขาบวก’ พยายามจับตัวเชื่อมต่อกัน กลายเป็นโครงข่ายความรู้สึกบวกๆ กระจายทั่วสมอง

ในทางกลับกัน เมื่อคนมีความทุกข์ ล้มเหลว ท้อแท้ เบื่อโลก คิดแต่เรื่องลบๆ ความรู้สึกลบจะทำให้ ‘ขาลบ’ พยายามจับตัวเชื่อมต่อกัน กลายเป็นโครงข่ายความรู้สึกลบกระจายทั่วสมอง

สมองชอบเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นแบบแผน ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น ใครที่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเบื่อ ท้อแท้ หมดหวัง คิดว่าชีวิตมีแต่เรื่องแย่ๆ ก็เหมือนกำลังบอกสมองว่า “คนๆ นี้ชอบเรื่องลบๆ ช่วยทำให้ชีวิตมันลบอีกนะ”  จนถ้าใครใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกบวกและมีความสุข สมองก็จะพยายามทำให้ชีวิตของคนๆ นั้นบวก

เมื่อก่อนนำสินค้าตัวไหนมาขายก็ขายได้อย่างไม่มีปัญหา อะไรก็ดูดีและง่ายไปหมด ชีวิตไม่เคยมาคิดด้านลบ จวบจนมาเจอสถานการณ์การเมืองเข้าไป สินค้าที่คิดว่าดีและถูกกับขายออกช้ามาก จึงทำให้คิดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก็เริ่มสอบถามคนในวงการเดียวกัน ก็เจอปัญหาเหมือนกันคือลูกค้าซื้อของน้อยและช้าลง ช่วงแรกๆ ก็เกิดภาวะซึมเศร้า ต่อมาเมื่อเข้าใจเหตุการณ์ วิธีการคิดก็แตกต่างออกไป

ผมก็คุยกับเพื่อนหลายๆ คน มีคนหนึ่งบอกทำไมไม่เปลี่ยนอาชีพหล่ะ? บางทีก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเองไม่มีความถนัดในด้านอื่นเลยนอกจากงานขาย แฟนก็เริ่มท้องแก่ไปทุกวันๆ
ความคิดเห็นที่ 94
วันนี้ไม่มีสมาธิมาเล่า เอาเรื่องนี้มาให้อ่านกันไปก่อนนะครับ

อาจารย์วรากรณ์  สามโกเศศ คือนักเขียนที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะว่าอาจารย์นำเสนอแปลกและแตกต่าง บทความเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมประทับใจและเตือนสติได้เป็นอย่างดีเมื่อตัวเราอายุมากขึ้นคงไม่มีใครกล้าจะมาสอนเราได้นอกจากการอ่าน

สิ่งที่เป็นด้านลบเบื้องต้นเกี่ยวกับการมีเงิน นอกจาก “ความงก” มากขึ้น  หรือภาระการรับผิดชอบในการรักษาเงินทองที่มีอยู่และทำให้เงินงอกเงยขึ้นแล้ว อีกประการหนึ่งคือ  ความหยาบคาย หยิ่งผยองไม่สนใจใคร เมื่อมีเงินทองมากขึ้น นิสัยด้านลบเช่นนี้จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องระวังตนเองเป็นพิเศษ


ศาสตราจารย์ทางจิตวิทยา ชื่อ แดชเชอร์ เคลท์เนอร์ (Dacher Keltner) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ทำการทดลองโดยบันทึกภาพวิดีโอของศึกษามหาวิทยาลัย กว่า 100 คนที่ไม่รู้จักกันแต่มาอยู่รวมกันในห้องหนึ่ง โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว เขาแบ่งนักศึกษาเหล่านี้ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งมาจากครอบครัวที่มีฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจดี ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมีฐานะทั้งสองด้านที่ไม่ดี ผลการทดลองยืนยันความเชื่อของเขาที่ว่า “คนยิ่งรวยยิ่งหยาบคาย”

ศาสตราจารย์ท่านนี้พบว่า ในกลุ่มที่ครอบครัวร่ำรวยมีแนวโน้มที่จะ “หยาบคาย” กล่าวคือ ในความเงียบ ต่างคนจะนั่งทำอะไรของตนเอง เช่น หวีผม ทาแป้ง ทาลิปสติก โดยไม่มองทักทายหรือแสดงท่าทางว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดนี้คือสัญญาณของ “ความหยาบคาย”

สำหรับกลุ่มที่ไม่ร่ำรวย นักศึกษาจะมีทีท่าสนใจซึ่งกันและกันมากกว่า มีการหัวเราะหรือยักคิ้ว แสดงท่าทียอมรับว่ามีคนอื่นอยู่ในห้อง โดยสรุปคือ มีลักษณะของ” ความสุภาพ” มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ศาสตราจารย์เคลท์เนอร์สรุปว่า ผลจากการทดลองยืนยันพฤติกรรมพื้นฐานของสัตว์โดยทั่วไป กล่าวคือ สัตว์ที่ยิ่งอยู่ในห่วงโซ่อาหารด้านบน คือมีความแข็งแรงกว่าและต่อสู้กับโลกได้ดีกว่า จะมีท่าทีไม่สนใจสัตว์ที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารด้านล่างสัตว์ใหญ่ที่กินสัตว์เล็กกว่าเป็นอาหารจะไม่ง้อหรือไม่สนใจสัตว์ที่เล็กกว่าแต่สัตว์ที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารด้านล่างจะสนใจสัตว์ใหญ่เพราะการอยู่รอดของตนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของสัตว์ที่ใหญ่กว่าสำหรับมนุษย์นั้น

ศาสตราจารย์เคลท์เนอร์เชื่อว่าประสบการณ์จากการมีเงินทำให้มนุษย์ลดความใส่ใจคนที่จนกว่า เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพา ไม่ต้องคิดถึงหัวอก เพราะมีความเป็นไปได้น้อยที่จะต้องขอความช่วยเหลือในภายหน้า ในขณะที่สถานการณ์ตรงกันข้ามเกิดขึ้นกับคนที่จนกว่า ความไม่แน่นอนที่อาจต้องพึ่งพิงคนรวยกว่าในอนาคต ทำให้ต้องใส่ใจคนอื่นๆ ซึ่งกระบวนนี้ทำให้คนกลุ่มนี้เป็นคนสุภาพโดยไม่ตั้งใจความจริงข้อนี้เป็นสิ่งพึงสำเหนียกสำหรับคนมีเงินหรือคนพอมีเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เพิ่งเปลี่ยนสถานะขึ้นมาใหม่ถึงแม้จะไม่ตั้งใจ “หยาบคาย” แต่ก็อาจกระทำสิ่ง “หยาบคาย”ไปโดยไม่รู้ตัวเพราะเป็นธรรมชาติดังที่กล่าวมาแล้วยิ่งรวยขึ้นเท่าใดก็ยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นเพียงนั้น ตราบที่ยังต้องการเป็นคนที่รักของเพื่อน ญาติพี่น้อง และลูกน้องอยู่อย่าลืมว่า เมื่อรวยขึ้นจะยิ่งถูกจับตามองจากคนรอบตัวมากเป็นพิเศษ หากไม่พยายามฝืนนิสัยด้านลบอันเกิดจากความรวยที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติแล้วและเผลอปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติท่านอาจถูกเกลียดชังโดยไม่เข้าใจก็เป็นได้คงจะไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าเมื่อมีเงินแล้วกลับถูกเกลียดชังมากขึ้นและขาดเพื่อนที่จริงใจ เพราะจะมีก็แต่ความสุขกายที่เงินทองหาซื้อได้ แต่ไม่มีความสุขใจเลย การร่ำรวยขึ้นไม่จำเป็นว่าจะมีความสุขกายสุขใจมากขึ้นเสมอไปเพราะความสุขกายนั้นเป็นองค์ประกอบของความสุขที่เล็กกว่า
ความคิดเห็นที่ 87
เราว่าถึงจะมีลิ้งแนบมา แล้วยังไง ????
เราว่าอย่างน้อยเข้าให้แนวความรู้ที่จะทำมาหากิน มากกว่าที่เขาจะมานั่งหาลูกค้าประจำในพันทิปนะ...


ไม่รู้สิถ้าคนที่ฉาด เขาจะรู้หลายๆเรื่อง แต่เลือกที่จะไม่พูดทุกเรื่อง
เพียงแต่คนฉลาด เขาจะเข้ามาอ่านเพื่อเก็บประสบการณ์ของคนที่เขาเคยล้ม และต่อสู้ชีวิตแบบไหน อย่างไร จนตั้งตัวได้อีกครั้ง


คือเราก็ทำงานพนักงานรอเงินเดือนเหมือนคนทั่วๆไป
แล้วมาวันนี้เราเบื่อ เราอยากทำธุรกิจส่วนตัว

เราลองไปเสิร์ทถามในกูเกิลว่าจะขายเบเกอรี่ยังไง มันยังหาคำตอบที่มาจากประสบการณ์จริงให้เราไม่ได้เลย!!

รู้ไหม ถ้าเราไม่ได้เล่นพันทิป เราไม่ได้อ่านขั้นตอนการทำธุรกิจหลายๆขั้นตอนกระบวนการผลิตของเขา เราเปิดร้านไปก็เจ๋งค่ะ

เราถึงชอบที่มีคนตั้งกระทู้แบบนี้

คนเรามองผ่านมันไปบ้างมันคงไม่ถึงกับชีวิตแย่ลง ทำมาหากินไม่ได้หรอกมั้ง

ใครที่ไหนเขาจะมานั่งบอกว่า ทำอย่างนี้นะสูตรแบบนี้ ต้องชิมกี่ครั้งแล้วต้องอบยังไง ขายยังไงให้ขายดี  
เข้าใจว่าส่วนหนึ่งมาจากลงมือทำ
แต่ถ้าคนที่เขาไม่ได้มีทุนมากพอ การลงมือทำแค่ครั้งเดียวมันไม่ได้สำเร็จเลยซะเมื่อไหร่
มันก็ต้องใช้ทุนทั้งนั้น
และนั่งคือสิ่งที่หลายคนเข้ามาศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
เพราะมันเสี่ยง ถ้าไปขายแบบพุ่งชนไปเลย ไม่ศึกษาก็มีแต่เจ็บตัว เข้าเนื้ออีก


บางทีเราก็อยากจะหาอ่านอะไรแบบนี้ไว้วางแผนเมื่อทุนพร้อม อะไรพร้อม

เสียกำลังใจคนรีวิวหมด!!'

เราว่าพวกคุณเข้ามาอ่านเนี่ย คิดเป็นแยกแยะข้อเท็จจริงและฉลาดพอที่จะเสพข้อมูลได้เป็นอย่างดี


ทุกอย่างมีสองด้าน
ถึงเขาจะให้ลิ้งมาการโฆษณาไปในตัว
แต่เราว่าเราเข้ามาอ่านแล้วไม่ได้อะไร
อย่างมากก็เข้าไปกด อุดหนุนหรือไม่อุดหนุนก็เป็นสิทธิ์ของผู้บริโภค สิทธิ์ของพวกคุณ!!!

ต่อให้เขาบรรยายดีแสนดีลำบากยากเย็นแสนเข็ญ ถ้าคุณจะไม่กินซะอย่าง ใครเขาจะมายัดเยี่ยดให้ซื้อ จับยัดกรอกใส่ปากพวกคุณ!!!

คนทำมาหากิน ถึงจะฝากลิ้งมาก็แล้วยังไง
ขนาดดารายังใช้ชื่อเสียงเปลี่ยนเป็นชื่อแบรนขนม
เรายังเห็น พวกคุณแห่กันไปซื้อมากินกันเป็นเบือ!!

ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าอร่อย หรือไม่อร่อย?


ยังไงแยกแยะกันหน่อยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่