หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบเก้า

กระทู้สนทนา
ตอนที่สิบสาม
http://pantip.com/topic/32414303
ตอนที่สิบสี่
http://pantip.com/topic/32459073
ตอนที่สิบห้า
http://pantip.com/topic/32472296
ตอนที่สิบหก
http://pantip.com/topic/32500790
ตอนที่สิบเจ็ด
http://pantip.com/topic/32514786
ตอนที่สิบแปด
http://pantip.com/topic/32537661




หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบเก้า




เปรี้ยง !!!

เสียงสนั่นดังลั่นป่า การไล่ล่าชีวิตยังคงไม่มีการหยุดพัก ทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่า เสียงย่ำใบไม้แห้งดังมาจากทางมืดข้างหน้าบอกให้มือสังหารรีบตรงไปเพื่อ

หมายเอาชีวิต

“วิ่งเร็วๆสิวะ!” เด็กหนุ่มพูดตะโคอกใส่อีกคนที่เดินกะโผลกกะเผลก

“ข้าเหนื่อย ข้าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว” อีกคนพูดด้วยอาการเหนื่อยหอบ

เพลงพิณสบถในใจไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ลากไอ้นี่มาด้วย เขามองไปรอบๆเพื่อหาที่กำบังก่อนกึ่งฉุดกึ่งลากชายร่างผอมให้ตามไป เขาหวังให้พุ่มไม่หนา

ทึบในความมืดมิดตรงนี้คงช่วยเป็นที่หลบภัยได้ เด็กหนุ่มจับปืนที่อยู่ในมือไว้แน่น หากสุดวิสัยจริงๆเขาคงต้องใช้มัน

“มัน...มันมีลูกปืนแค่ลูกเดียว ถ้าแกพลาด...ก็...ก็ตายได้เหมือนกัน”

เสียงสั่นของอีกคนพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“นี่แกพกปืนมาฆ่าข้าด้วยลูกปืนแค่ลูกเดียว จะดูถูกกันเกินไปหน่อยไหมวะ” เพลงพิณพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

“ข้าขโมยมาได้แค่นั้น” มันสวนกลับ

ซวบ  !!!

เสียงเหยียบใบไม้ทำให้ทั้งสองหยุดบทสนทนาทันที อีกฟากของพุ่มไม้หนาคือชายวัยฉกรรจ์ที่เดินงุ่นง่านสาดสายตาไปรอบตัว เขาเพ่งมองในความดำมืด

ของป่า ใบหูเงี่ยฟังเสียงของสองชีวิตที่รอดจากเงื้อมมือสังหาร ดวงตาแข็งกร้าวยามต้องแสงจันทร์นั้นลุกวาวฉายแววแห่งความเหี้ยมโหดไร้ปรานี ยิ่งคิดก็

ยิ่งแค้นเคืองในอกขึ้นมาเมื่อการล่าเอาชีวิตไอ้เด็กที่มีแผลตรงหางคิ้วตามคำสั่ง ถ้าไอ้บ้าขาเป๋นั่นไม่มาตัดหน้าการชิงเอาชีวิตเหยื่อของเขาเสียก่อนป่านนี้

เขาคงเก็บงานแล้วกลับไปนอนรอรับเงินในวันรุ่งขึ้นแล้ว

และจิตสังหารนั้นแรงกล้าเกินกว่าที่จะถอยกลับ เขาต้องฆ่าเอาชีวิตเด็กหนุ่มตามสัญญาจ้างให้ได้ ส่วนไอ้เป๋นั่นก็ต้องตายตามไปด้วยเช่นกันทำให้ต้องเสีย

เวลาและเสี่ยงการถูกจับตัว เขาเปลี่ยนจากถือปืนเป็นด้ามพร้าที่พกพาไว้เป็นอาวุธสำรองแล้วเริ่มลงมือค้นหาเหยื่อ

เสียงฟาดฟันพุ่มไม้รกทำให้สองคนที่หลบหลังพุ่มไม่หนานั่งตัวแข็ง ร่างพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและน้ำค้าง การวิ่งหนีตายกันมาทั้งคืนทำให้พวกเขาเพลีย

จนพาร่างกายไปต่อไม่ไหว โดยเฉพาะคนที่บาดเจ็บนั้นหน้าซีดราวกับใกล้สิ้นสติ เพลงพิณชายตามองดูสภาพอ่อนแรงของคนวัยเดียวกันอย่างเป็นกังวล

แม้ว่าบาดแผลนั้นจะไม่ร้ายแรงขนาดต้องหามไปโรงหมอภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่การวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกลางป่ากลางเขากันมาทั้งคืนแบบนี้แม้แต่คนสภาพ

ดีอย่างเขายังแทบไม่ไหว

“ซ่อนไปก็หลบข้าไม่พ้น โผล่ออกมารับความตายจากข้าไปเสียดีๆ หากออกมาตอนนี้ข้าอาจใจดีฟันเอ็งให้ตายในมีดเดียวโดยไม่ทรมาน! “ ชายแปลกหน้า

กู่เรียกพวกเขาให้โผล่ออกไปหาความตายเริ่มใกล้เข้ามา

ความกลัวจนขนลุกชันทั้งร่างมันเป็นแบบนี้นี่เอง นี่เขาจะต้องมาตายกลางป่ากลางเขากับไอ้เป๋ที่ชักปืนจ่อเขาเมื่อคืนหรือนี่ เพลงพิณทำตัวให้นิ่งที่สุดเพื่อไม่

ให้พุ่มไม่ที่ใช้เป็นที่ซ่อนตัวสั่นไหว แต่เมื่อร่างที่นั่งข้างเขาสะดุ้งและมีอาการสั่นยิ่งกว่าเดิม เพลงพิณรีบส่งสายตาบอกมันให้พยายามทำตัวให้นิ่งเข้าไว้ แต่

เมื่อดูปลายทางของดวงตาที่เบิกกว้างคู่นั้น เขาพบว่ามีงูตัวใหญ่นอนสงบราบกับพื้นและมันกำลังจ้องพวกอยู่

เด็กหนุ่มนึกก่นด่าชะตาชีวิตตัวเอง และตัดพ้อยมทูตท่านส่งมัจจุราชมามอบความตายให้เขาถึงสองทางแบบไม่ได้ร้องขอ และเขาคงไม่สามารถเอ่ยขอชีวิต

กับเดรัจฉานทั้งสองทั้งที่มาในรูปมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลานได้แน่ เพลงพิณหลับตาลงนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิตที่เขาคงไม่ได้มีโอกาส

กลับไปพบหรือกล่าวอำลาก่อนตาย  

เจ้าอสรพิษตัวเขื่องเคลื่อนย้ายร่างยาวของมันไปมาโดยไม่ละดวงตากลมเล็กไปจากพวกเขา ลิ้นสองแฉกยื่นเข้าออกเพื่อรับกลิ่นของสิ่งมีชีวิตต่างพันธุ์สอง

ตนตรงหน้า มันยักย้ายเข้ามาใกล้ราวกับต้องการรู้จักชีวิตตรงหน้าให้มากขึ้น กลิ่นหนึ่งคือกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งของสัตว์บาดเจ็บและหวาดกลัว กลิ่นหนึ่ง

คือสัตว์ไร้ทางสู้ที่ยอมจำนน หนึ่งชีวิตที่สั่นจนแทบคลั่ง กับอีกหนึ่งชีวิตที่นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว

สัมผัสเย็นเยือกของผิวเลื้อยไปตามร่างที่พยายามสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว เสียงเล็กของการขยับปลายลิ้นใกล้มากจนเพลงพิณรู้ว่าเขาคงไม่อาจหนีความตาย

ไปไหนได้อีก มัจจุราชเหี้ยมในร่างมนุษย์ยังฟาดฟันกิ่งไหม้ค้นหาเป้าหมายอย่างไม่รดรา ชายบาดเจ็บก้มหน้ากลั้นเสียงร้องไห้ที่หลั่งจากน้ำตาผู้ชายเอาไว้

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ !!! เขาฟันกิ่งไม้และพุ่มไม้ให้เหี้ยน พลางฟังเสียงเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่ใกล้เข้า

“พวกแกอยู่นี่เอง !!!”เสียงเหี้ยมดังขึ้นเมื่อพบเหยื่อทั้งสอง ขาใหญ่หนาก้าวเข้ามาพร้อมกับการเงื้อพร้าที่อยู่ในมือหมายวาดปลายคมลงบนหัวของเด็กหนุ่ม

ฟ่อ !!!

แต่แล้วเขาต้องผงะค้าง มันเป็นภาพที่ทั้งน่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดในคราเดียวกัน เมื่อพบว่าร่างนั้นมีงูใหญ่แผ่แม่เบี้ยชูคอจ้องมาทางเขา

เสียงขู่ของมันและดวงตาวาวบอกให้รู้ว่าเขาคือศัตรูผู้บุกรุกหาใช่ไอ้คนที่ถูกรัดเกี่ยวนั้นไม่ เจ้างูร้ายขู่คำรามพร้อมกับการชูคอเตรียมจู่โจม ชายฉกรรจ์

จ้องดวงตาเล็กของมันนิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหวในทันที อาวุธในมือตอนนี้มีเพียงแค่พร้าคมแต่มันจะเพียงพอในการปกป้องชีวิตจากพญางูที่เลื่องชื่อในการฉก

เป้าหมายได้แม่นยำแม้ในระยะไกลหรือไม่ หากให้ขยับแขนหยิบปืนก็คงไม่ทันการ สายตาของคนใจสัตว์จ้องมองดวงตาวาวเล็กของสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่า

อย่างไม่วางตา เขาค่อยๆขยับตัวถอยห่างและเดรัจฉานตัวยาวก็เคลื่อนย้ายร่างจากเด็กหนุ่มมาทางเขา

เขาคำนวณความห่างจากตรงนี้หากขยับหนียังมีโอกาสพ้นรัศมีการฉกของงูร้ายได้อยู่ ตอนนี้การรักษาชีวิตของตัวเองเป็นสิ่งที่เขาต้องทำก่อนที่จะชีวิตคน

อื่น เขาตัดสินใจละทิ้งเหยื่อไว้แล้วค่อยวกมาที่นี่อีกเมื่อฟ้าสาง ด้วยหวังว่าพวกมันทั้งสองจะกลายเป็นศพเพราะโดนงูกัด และนั่นก็ไม่ต่างกันกับสิ่งที่เขา

กำลังทำ ให้มันตายด้วยพิษงูก็เหมือนกับตายจากน้ำมือของเขา เขายกด้ามพร้าป้องกันพร้อมกับการก้าวถอยหลังก่อนวิ่งหนีให้เร็วอย่างที่ไม่เคยเร็วมาก่อน

ในชีวิต

ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบ ทั้งเสียงวิ่งของฝีเท้าที่ห่างออกไปและเสียงขู่เบาๆของสิ่งมีชีวิตที่รัดร่างเขานั้นก็ด้วย ความรู้สึกเย็นยะเยือกผิวก็ค่อยๆ คลายลงจน

หายไปเช่นเดียวกัน เด็กหนุ่มลืมตาอีกครั้งเพื่อรับรู้ว่าเขายังอยู่บนโลกใบเดิมหรือปลิดปลิวล่องลอยไปมิติไหน และคำตอบที่ได้คือภาพของสัตว์เลื้อยคลาน

ที่กำลังจากไปกับเสียงร้องไห้ของชายข้างๆที่ดังขึ้นในที่สุด


*******************
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่