เมื่อแฟนบอก..ห่างกันสักพัก(กระทู้ดราม่า)

คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เรารักกับแฟนมาเกือบสองปี ตลอดเวลาเราไม่เคยห่างกันเลยนอกจากตอนที่เขากลับบ้านต่างจังหวัด แต่พอเขากลับมาเรียนเราก็อยู่ด้วยกันตลอด แต่วันนึงเขาก็บอกเราว่าเขาต้องย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่นครพนม เราก็โอเคเพราะที่นั่นค่าเรียนถูกกว่าที่เราเรียนอยู่มาก เราก็พร้อมโอเคกับความเหงาที่เข้ามา แล้วเราก็จะไม่ยอมแพ้ต่อความห่างไกลอีก เรารักเขามาก..

วันจันทร์ที่ผ่านมาเรากลับจากการประชุมงานของชมรมที่ ม. ตอนนั้นเขาย้ายไปได้เกือบเดือนแล้ว เราก็ไลน์ไปหาเขาถามว่า ทำไมมีแต่คนว่าป๊าเจ้าชู้(เราเรียกแทนกันว่าป๊ากับม๊า) ที่เราถามไปเพราะว่าตลอดเวลาที่เราคบกันเขาไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย เขาไม่เคยนอกใจ หรือมีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อย เขารักเราคนเดียวมาตลอด  เขาเลยบอกว่า ถ้าทุกคนมองป๊าแบบนั้นก็อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ได้ แต่เป๊าก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเจ้าชู้นะเพราะก็รักเดียวใจเดียวมาตลอด หรือมันจะมีอะไรบางๆระหว่างเจ้าชู้กับอัธยาศัยดีรึเปล่า.. เราเลยบอกว่า ม๊าไม่เคยเห็นว่าป๊าเจ้าชู้นะ แต่แค่สงสัยว่าทำไมคนอื่นมองแบบนั้น เป็นเพราะเขาเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็น หรือเพราะเราเห็นสิ่งที่เขาไม่รู้ หรือเพราะอะไรกันแน่ เขาบอกมาว่า ลืมตาบ้างเหอะม๊า สิ่งที่คนอื่นพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีมูล   เราก็ใช่ว่าจะหลับตาให้เขาหลอกซะเมื่อไหร่ ทุกคำจากคนอื่นเราก็ฟังไว้ แต่สิ่งที่เราเห็นมันบอกเรามากกว่า เพราะคนอื่นไม่ได้มาอยู่กับเขาตลอดเหมือนที่เราอยู่ เราก็บอกเขาว่า"ก็ที่ผ่านมาม๊าก็เห็นว่าป๊ารักม๊าคนเดียวมาตลอด ป๊าไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย" เขาบอก"ใช่..ป๊ารักม๊ามากกก รักมากกกก รักคนเดียวเลยด้วย" แล้งเขาเลยบอกขึ้นมาว่า "ม๊าอยากมีเวลาดูป๊าไหม" เราบอกว่าไม่เอา เราไม่ต้องการเวลาอะไรทั้งนั้น เขาบอกว่าเผื่อเราจะรู้ใจตัวเองกันมากขึ้น เราบอกว่า "ยังไงอ่ะ" เขาก็บอกมาว่า ตอนนี้เขาเครียดมาก ทั้งงานที่คณะ ทั้งครอบครัว ทั้งชีวิต ทั้งอนาคตของเขา เขาเหมือนคนล้มเหลว เราบอกว่า "ป๊าไม่ต้องห่วงนะ มีอะไรก็เล่าให้ม๊าฟัง ม๊าจะอยู่ข้างๆ ม๊าไม่ทิ้งป๊าไปไหนหรอก ม๊าจะสู้ไปด้วย" เขาบอกว่า "ทำแบบนี้ป๊าลำบากใจนะม๊า ทุกวันนี้ที่มองสเตตัสตัวเองก็รุ้สึกแย่ทุกครั้ง เพราะเราทำอะไรให้คนสำคัญของเราไม่ได้เลย เวลาก็ยังไม่มีให้" เราบอก"ม๊าไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ป๊ายังคิดถึงม๊า มีอะไรก็บอกม๊าตรงๆ เล่าให้ม๊าฟัง" เขาก็บอกว่าเขารู้นะว่าเราเป็นห่วง แต่เขาก็ลำบากใจ เขาไม่รุ้เลยว่าอนาคตเขาจะเป็นยังไง เราบอกว่าเราอยู่ได้ เราพร้อมจะสู้ไปด้วยเสมอ เขาบอกอีกว่าเขารู้สึกแย่ เราเลยถามเขาไปว่า "การที่มีม๊าอยู่มันทำให้ลำบากใจรึเปล่า?" เขาบอกว่า"มันก็ไม่ใช่ผลโดยตรงหรอก" "แล้วป๊าจะทำยังไง" เขาบอกกับเราว่า "หรือเราจะไปเจอกันที่ปลายทาง?"  เราตอบเลยว่า "ไม่..อย่าทำให้มันเหมือนสิ่งที่ม๊าเคยเจอเลยป๊า" เพราะเราเคยเลิกกับแฟนเก่าและพูดคำนี้เหมือนกัน เขาบอกว่าเขาขอโทษ เขาไม่ได้คิดถึงเราเลย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเพราะเขางานยุ่งหรือเพราะความหมายไหนกันแน่ เขาเลยบอกว่าไม่เคยคิดเหมือนกันว่าระยะทางจะมีผลมากขนาดนี้.. เราห่างกันสักพักไหม ให้เวลาเราได้อยุ่กับตัวเอง ดูกันและกัน สำรวจใจตัวเอง เพราะเขากลัวว่าการที่เขาไม่คิดถึงเรามันจะแสดงว่าที่ผ่านมามันคือความรักจริงๆหรือเป็นเพียงแค่ความเคยชินที่ได้อยู่ด้วยกัน..  คือทุกปัญหา ทุกอุปสรรคที่เขาว่ามาทุกอย่าง เราพร้อมที่จะเดินไปกับเขา แต่ด้วยเหตุผลข้อนี้ข้อเดียว เราต้องยอมถอยออกมา.. "แล้วป๊าจะเอายังไง..โอเค ม๊าเข้าใจในสิ่งที่ป๊าจะสื่อละ..ไหน..ย้ำสถานะของเราตอนนี้อีกรอบซิ" เขาบอกว่า.."เรากลับไปเป็นพี่น้องกันก่อนนะ" คือเราก็เข้าใจเหตุผลเขานะ เข้าใจดีทุกอย่าง แต่มันยอมรับไม่ได้ เมื่อความรู้สึกกับเหตุผลมันไม่เคยไปด้วยกันได้ เราโทรไปหาเขา ร้องไห้ ถามเขาว่ามันไม่มีวิธีอื่นแล้วหรอ มีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม ที่เราไม่ต้องเลิกกัน เขาก็ร้องไห้ บอกเรามาว่า "แล้วม๊ามีวิธีไหมล่ะ..ป๊าก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้จนวันนึงเกิดป๊าค้นพบตัวเองแล้วจะให้บอกม๊าว่าป๊าหมดรักม๊าแล้วนะงั้นหรอ" เราเข้าใจเหตุผล เราเห็นด้วยกับทุกอย่าง แต่เราทำใจยอมรับมันไม่ได้จริงๆ มันไม่ยุติธรรมเลย เพราะตลอดเวลาที่เราห่างกัน เราคิดถึงเขาตลอด ไม่ว่าเราจะยุ่งแค่ไหน เราเองก็เป็นประธานชมรมในมหาลัยที่นี่ เขาก็เป็นประธานรุ่นของที่นั่น งานเราก็เยอะเหมือนกัน ทั้งเรียนทั้งครอบครัว เราก็เครียด เต่ที่ผ่านมานอกจากพ่อแม่แล้วเราก็ยังมีเขาอยู่ เรามีคนให้คิดถึง ให้เรายิ้มได้ แต่หลังจากนี้ล่ะ?? เราถามเขาว่า"แล้วม๊าจะต้องทนแบบนี้ต่อไปนานแค่ไหนล่ะ?? ม๊าต้องเป็นบบนี้ ต้องอยู่กับช่วงเวลาอย่างตอนนี้ไปอีกนานแค่ไหน???" มันทรมานมากเลยนะ ทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ จนเราคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของเรามันไม่สามรถทำให้เขาแน่ใจตัวเองได้เลยหรอว่าเขารักเราหรือเปล่าง...เขาบอกว่าเขาจะรีบค้นตัวเองให้เร็วที่สุด วันอังคารเราไปเรียนทุกคาบ แต่สภาพเหมือนคนจิตหลุด เราตั้งใจเรียนตามปกติแต่ไม่มีนาทีไหนที่ไม่คิดถึงเขาได้เลย เมื่อคิดถึงน้ำตาก็แทบจะไหลออกมา จนแทบไม่อยากคิดเลยว่าเราต้องทนเป็นแบบนี้ไปแบบไม่รู้วันสิ้นสุด.. ทุกคำถามยังวนเวียนซ้ำๆในหัว..มันช่างไม่ยุติธรรม.. ทั้งที่เราตั้งใจกับความรักครั้งนี้มาก พยายามสู้ต่อความห่างไกลที่เราเผชิญอยู่ แต่ในเมื่อเขาไม่พร้อมจะสู้ไปกับเรา..แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าต้องสู้ไปคนเดียว

เราไม่เคยอกหัก เราไม่เคยโดนทิ้ง ตอนนี้เราเข้าใจทุกอย่างว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง เราเข้าใจเพลงเศร้าทุกเพลง   เราโชดีมากที่เรายังมีครอบครัว เรายังมีเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจ เราทุ่มทุกอย่างไปให้กับการเรียนในห้อง และการซ้อมกิจกรรมในชมรม เราอยู่กับพี่ๆเพื่อนๆ ทุกคนให้กำลังใจเรา เราเล่าทุกอย่างให้เขาฟังโดยไม่เติมสีอะไรทั้งนั้น  เราไม่อยากให้ทุกคนเกลียดเขา..เพราะเราเข้าใจเหตุผล เราเข้าใจเขา  แต่เราทำใจไม่ได้เลย แค่คิดว่าถ้าวันที่เขารู้ใจตัวเองจริงๆแล้วเขาไม่มีเรา.. เราจะเป็นยังไงนะ ตอนนี้เราอยู่แบบมีความหวังและความเชื่อ..เชื่อในวันเวลาที่ผ่านมา ว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง สิ่งที่เราเห็นมันเป็นความรัก แต่เราไม่ไหว..เราห้ามน้ำตาไม่ได้เลย ถึงแม้เราจะเข้มแข็งมากเท่าไหร่ เราอดทนมาจนถึงวันนี้ ก็ได้ห้าวันแล้ว  เราคิดถึงเขา..

เราไม่คิดจะอยู่ในฐานะที่รอใครหรอกนะ เราพร้อมจะไปได้ทุกเมื่อเหมือนกัน แต่เราก็กลัวการเริ่มต้น เจ็บครั้งเดียวมันเกินพอจริงๆ แต่เราจะซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง ถ้าวันไหนเขากลับมาแล้วเรายังรักเขาอยู่ เราก็พร้อมจะรับเขากลับมา แต่ถ้าวันนั้นเราเป็นฝ่ายค้นพบตัวเองว่าเราไม่ได้รักเขาเราก็จะไป เราไม่อยากจะเป็นของตาย แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะรับใคร เราห้ามน้ำตาไม่ได้เลย

วันนี้เราคิดถึงเขามาก เราอยากโทรไปแต่เราก็ไม่อยากโทร..ช่างมันเถอะ  

ที่ตั้งหัวข้อเป็นกระทู้คำถาม เราอยากถามทุกคนจริงๆค่ะ..เรายังรักเขาอยู่ แต่ที่เขารู้สึกในตอนนี้เราเชื่อว่าเป็นเพราะเขาไปอยู่ที่ที่ไม่มีอะไรให้คิดถึงเรา แต่เรายังอยู่ในที่ที่เราเคยอยุ่กับเขา  เราอยากรู้ว่า มีวิธีอะไรให้เขารู้ใจตัวเองไหมคะ เราเชื่อ..ว่าเขารักเรา เหมือนหลอกตัวเองนะ แต่เราเชื่อจริงๆ เราไม่อยากเสียเขาไป มีวิธีไหนให้เขาคิดถึงเรา.. กลับมาหาเราได้ไหม???  เราไม่ไหวแล้วกับการจมอยู่กับวันเวลาแบบนี้ เราอยากให้เขากลับมา ขอความกรุณาด้วยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่