ในมุมมองของประชาชนคนเล็กๆคนหนึ่งค่ะ
เป็นกระทู้ Medley นะคะ คือรวมความคิดเห็นไว้ในที่เดียวตามหัวข้อ
เชิญชวนสมาชิกบอร์ดร่วมสนทนากันด้วยนะคะ
……………………………………………………….....
เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่ภายในอาทิตย์ที่ผ่านมามีผลคดีใหญ่ 3 คดี
ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมที่เปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้
แน่นอนทั้ง 3 คดี สั่นสะเทือนวงสนทนาของประชาชนโดยทั่วไป
เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามความคิดเห็นและมุมมองของแต่ละปัจเจกบุคคล
เป็นเรื่องใหญ่จริงค่ะ และวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ พอมีเวลาที่จะแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นและมุมมองกัน จขกท.จึงขอเปิดประเด็นเป็น hard topic นะคะ
เมื่อสนใจตั้งเป็นกระทู้สนทนา จขกท.จึงจะขออนุญาตแสดงมุมมองและ
ความคิดเห็นและเหตุผลประกอบของตนเองก่อนก็แล้วกัน
V
V
คดีแรกของอาทิตย์คือ คดีอดีตนายกยิ่งลักษณ์ที่ ปปช.ตั้งข้อกล่าวหาว่า
ปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการดังกล่าวทั้งที่มีหลายฝ่ายเตือน
รวมทั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ระบุว่า โครงการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดการทุจริต
ทำให้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
คดีนี้อัยการสูงสุดได้มีมติ “ยังไม่ฟ้อง” เพราะหลักฐานเอกสารยังไม่สมบูรณ์
ตามข้อกล่าวหา จึงขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างสององค์กรเพื่อทำสำนวนให้แน่นหนา
มุมมองและความคิดเห็นของ จขกท. :
ไม่มีมุมมองเป็นลบกับอัยการสูงสุดค่ะ ถึงแม้ ปปช.จะยืนยันว่าสำนวนได้จัดทำแน่นหนาแล้ว
มีความเห็นว่า อัยการทำตามบริบทและหน้าที่ขององค์กรซึ่งต้องรอบคอบและต้องสมบูรณ์
ในเอกสารหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ฟ้องร้องผู้ถูกกล่าวหา
นายกรัฐมนตรีดำรงอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหาร การฟ้องร้องกล่าวหา จะต้องทำด้วยความยุติธรรม
ด้วยหลักฐานและเอกสารที่แน่นหนาประกอบสำนวน มิใช่หลวมๆจนสามารถโต้แย้งได้ง่ายดาย
ในชั้นนี้ จขกท.จึงเลือกที่จะเชื่อ “อัยการสูงสุด” ที่ชี้แจงว่า “ต้องการให้คดีไม่ถูกยกฟ้อง”
ในช้นศาลได้
ฝากข้อสังเกตและข้อคิดให้ ปปช.ด้วยค่ะว่า
ท่านเป็นองค์กรอิสระที่จะต้องเปิดใจกว้างและเคารพในองค์กรในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน
ท่านไม่ควรมีทัศนคติปกป้องตนเอง เมื่อถูกแย้งหรือขอเพิ่มเติม ปรับปรุงผลงานของท่าน
วิถีที่ดีและเหมาะสมคือ ยอมรับในข้อเสนอแนะและท้วงติง เพื่อความสมบูรณ์ของงานนะคะ
ไม่ใช่แสดงอาการไม่พอใจ หรือตั้งข้อสงสัยในความบริสุทธิ์ใจ ดังที่ท่านแสดงออกค่ะ
ในเมื่อท่านมั่นใจว่า หลักฐานท่านจัดทำอย่างแน่นหนาและมีข้อมูลสนับสนุนพร้อมมูล
ท่านไม่ควรวิตกกังวลอย่างใดนี่คะ
“ความจริง คือ ความจริง” ค่ะ ย่อมไม่สามารถบิดเบือนได้
ท่านกลัวอะไรหรือ?
…………………………………………………………………….
คดีใหญ่อันดับสองซึ่งศาลตัดสินในวันศุกร์ที่ผ่านมา
เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเลือกตั้ง “ยกคำร้องขอให้พิจารณาเลือกตั้ง
ผู้ว่าฯกทม.ใหม่หลัง กกต.ให้ใบเหลือง”
จากกรณีที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพในปัจจุบัน ปราศรัยในการหาเสียง
โจมตีผู้สมัครพรรคคู่แข่ง”
มุมมองและความคิดเห็นของ จขกท. :
เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลค่ะ
เพราะถ้าศาลตัดสินเป็นอื่น หมายถึงให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ พ้นจากตำแหน่งแล้วละก็
กรณีนี้จะเป็น “ Precedent case” ซึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากและล่อแหลม
ต่อการจงใจกลั่นแกล้งผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกระดับในอนาคตอย่างแน่นอน
เคารพการตัดสินของศาลค่ะ
……………………………………………………………………………………………..
คดีที่สามเกี่ยวกับ “การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของอดีตผู้ตรวจเงินแผ่นดินและพวก”
โดยอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกากับพวก
ได้ร่วมกันจัดสัมมนาทั้งๆที่ไม่มีการสัมมนาจริง แต่มีการเบิกค่าเดินทาง ค่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายต่างๆ
มุมมองและความคิดเห็นของ จขกท. :
เห็นด้วยกับการปฏิบัติหน้าที่และการตัดสินใจของอัยการสูงสุดค่ะ
จงกระทำให้เป็นบันทัดฐานสำหรับการควบคุมความประพฤติและความซื่อสัตย์
ในหน้าที่ของข้าราชการทุกคน ยิ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงยิ่งต้องกำหนดมาตรฐาน
ให้สูงตาม
สำหรับคุณหญิงจารุวรรณ ก็มีหน้าที่ในการแก้ข้อกล่าวหา ในกระบวนการยุติธรรม
ที่เปิดโอกาสให้ต่อไป
ขอให้กำลังใจอัยการสูงสุดค่ะ
<><> Hard topic : ศาล กระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ <><>
เป็นกระทู้ Medley นะคะ คือรวมความคิดเห็นไว้ในที่เดียวตามหัวข้อ
เชิญชวนสมาชิกบอร์ดร่วมสนทนากันด้วยนะคะ
……………………………………………………….....
เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่ภายในอาทิตย์ที่ผ่านมามีผลคดีใหญ่ 3 คดี
ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมที่เปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้
แน่นอนทั้ง 3 คดี สั่นสะเทือนวงสนทนาของประชาชนโดยทั่วไป
เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามความคิดเห็นและมุมมองของแต่ละปัจเจกบุคคล
เป็นเรื่องใหญ่จริงค่ะ และวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ พอมีเวลาที่จะแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นและมุมมองกัน จขกท.จึงขอเปิดประเด็นเป็น hard topic นะคะ
เมื่อสนใจตั้งเป็นกระทู้สนทนา จขกท.จึงจะขออนุญาตแสดงมุมมองและ
ความคิดเห็นและเหตุผลประกอบของตนเองก่อนก็แล้วกัน
V
V
คดีแรกของอาทิตย์คือ คดีอดีตนายกยิ่งลักษณ์ที่ ปปช.ตั้งข้อกล่าวหาว่า
ปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการดังกล่าวทั้งที่มีหลายฝ่ายเตือน
รวมทั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ระบุว่า โครงการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดการทุจริต
ทำให้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
คดีนี้อัยการสูงสุดได้มีมติ “ยังไม่ฟ้อง” เพราะหลักฐานเอกสารยังไม่สมบูรณ์
ตามข้อกล่าวหา จึงขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างสององค์กรเพื่อทำสำนวนให้แน่นหนา
มุมมองและความคิดเห็นของ จขกท. :
ไม่มีมุมมองเป็นลบกับอัยการสูงสุดค่ะ ถึงแม้ ปปช.จะยืนยันว่าสำนวนได้จัดทำแน่นหนาแล้ว
มีความเห็นว่า อัยการทำตามบริบทและหน้าที่ขององค์กรซึ่งต้องรอบคอบและต้องสมบูรณ์
ในเอกสารหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ฟ้องร้องผู้ถูกกล่าวหา
นายกรัฐมนตรีดำรงอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหาร การฟ้องร้องกล่าวหา จะต้องทำด้วยความยุติธรรม
ด้วยหลักฐานและเอกสารที่แน่นหนาประกอบสำนวน มิใช่หลวมๆจนสามารถโต้แย้งได้ง่ายดาย
ในชั้นนี้ จขกท.จึงเลือกที่จะเชื่อ “อัยการสูงสุด” ที่ชี้แจงว่า “ต้องการให้คดีไม่ถูกยกฟ้อง”
ในช้นศาลได้
ฝากข้อสังเกตและข้อคิดให้ ปปช.ด้วยค่ะว่า
ท่านเป็นองค์กรอิสระที่จะต้องเปิดใจกว้างและเคารพในองค์กรในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน
ท่านไม่ควรมีทัศนคติปกป้องตนเอง เมื่อถูกแย้งหรือขอเพิ่มเติม ปรับปรุงผลงานของท่าน
วิถีที่ดีและเหมาะสมคือ ยอมรับในข้อเสนอแนะและท้วงติง เพื่อความสมบูรณ์ของงานนะคะ
ไม่ใช่แสดงอาการไม่พอใจ หรือตั้งข้อสงสัยในความบริสุทธิ์ใจ ดังที่ท่านแสดงออกค่ะ
ในเมื่อท่านมั่นใจว่า หลักฐานท่านจัดทำอย่างแน่นหนาและมีข้อมูลสนับสนุนพร้อมมูล
ท่านไม่ควรวิตกกังวลอย่างใดนี่คะ
“ความจริง คือ ความจริง” ค่ะ ย่อมไม่สามารถบิดเบือนได้
ท่านกลัวอะไรหรือ?
…………………………………………………………………….
คดีใหญ่อันดับสองซึ่งศาลตัดสินในวันศุกร์ที่ผ่านมา
เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเลือกตั้ง “ยกคำร้องขอให้พิจารณาเลือกตั้ง
ผู้ว่าฯกทม.ใหม่หลัง กกต.ให้ใบเหลือง”
จากกรณีที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพในปัจจุบัน ปราศรัยในการหาเสียง
โจมตีผู้สมัครพรรคคู่แข่ง”
มุมมองและความคิดเห็นของ จขกท. :
เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลค่ะ
เพราะถ้าศาลตัดสินเป็นอื่น หมายถึงให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ พ้นจากตำแหน่งแล้วละก็
กรณีนี้จะเป็น “ Precedent case” ซึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากและล่อแหลม
ต่อการจงใจกลั่นแกล้งผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกระดับในอนาคตอย่างแน่นอน
เคารพการตัดสินของศาลค่ะ
……………………………………………………………………………………………..
คดีที่สามเกี่ยวกับ “การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของอดีตผู้ตรวจเงินแผ่นดินและพวก”
โดยอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกากับพวก
ได้ร่วมกันจัดสัมมนาทั้งๆที่ไม่มีการสัมมนาจริง แต่มีการเบิกค่าเดินทาง ค่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายต่างๆ
มุมมองและความคิดเห็นของ จขกท. :
เห็นด้วยกับการปฏิบัติหน้าที่และการตัดสินใจของอัยการสูงสุดค่ะ
จงกระทำให้เป็นบันทัดฐานสำหรับการควบคุมความประพฤติและความซื่อสัตย์
ในหน้าที่ของข้าราชการทุกคน ยิ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงยิ่งต้องกำหนดมาตรฐาน
ให้สูงตาม
สำหรับคุณหญิงจารุวรรณ ก็มีหน้าที่ในการแก้ข้อกล่าวหา ในกระบวนการยุติธรรม
ที่เปิดโอกาสให้ต่อไป
ขอให้กำลังใจอัยการสูงสุดค่ะ