หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบแปด

กระทู้สนทนา
ตอนที่สิบสาม
http://pantip.com/topic/32414303
ตอนที่สิบสี่
http://pantip.com/topic/32459073
ตอนที่สิบห้า
http://pantip.com/topic/32472296
ตอนที่สิบหก
http://pantip.com/topic/32500790
ตอนที่สิบเจ็ด
http://pantip.com/topic/32514786



หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบแปด


‘อย่าคาดหวังกับความเชื่อของตัวเอง เพราะสักวันเอ็งจะรู้ว่าสิ่งที่เอ็งเชื่อมันก็เป็นแค่ภาพฝัน’

คำของพ่อเขาเป็นจริงอย่างที่สุดแต่มันคือความจริงที่เจ็บปวดอย่างที่สุด ทั้งที่วันนี้เป็นวันที่เขาชนะการเลือกตั้งอย่างที่หมายมั่นไว้มานาน แต่

วันนี้กลับเป็นวันที่เขาต้องพ่ายแพ้เรื่องความรักอย่างนั้นหรือ

ชายหนุ่มไม่อาจทนดูภาพการคลอเคล้าคลอเคลียที่น่าชิงชังนั้นได้ ความคิดที่จะมาพบหน้าเธอและหวังให้เธอดับไฟที่มันคุกรุ่นหลังมีปากเสียง

กับพ่อกลับกลายเป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงให้เขาร้อนยิ่งกว่าโดนไฟเผา

เธอสร้างภาพตบตาให้เขาหลงเชื่อว่าเธอเป็นหญิงสาวหวงเนื้อหวงตัว แต่เขากลับพบว่าเธอกำลังจูบชายคนอื่น และสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวด

อย่างที่สุดคือเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หรือนี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่ยอมเริ่มต้นใหม่กับเขา แต่เขาจะยอมไม่ได้อีกหากต้องเสียเธอไปตลอดกาล เขาจะ

ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้เธอคืนมาโดยไม่สนว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

“เธอจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากของฉัน และแกบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้”ชายหนุ่มพูดด้วยความคับแค้นใจเมื่อนึกถึงใบหน้าชายที่แย่ง

หัวใจไปจากเขา

“พ่อ ฉันมีอะไรให้พ่อช่วย” เอกรัตน์ต่อสายโทรศัพท์หาพ่อของเขา เสียงหัวเราะดังจากปลายสายราวกับยินดีที่ลูกชายเอ่ยขอร้อง

“พ่อกำลังฟัง ว่ามาเลย อยากให้พ่อช่วยอะไร” ทรงชัยถามกลับ

“ฉันอยากรู้ว่าจะคุยกับใครบ้างที่มีอำนาจในการสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง” ในเมื่อมันเป็นผู้สร้าง เขาก็ขอเป็นผูทำลาย ความชิงชังของชายหนุ่มที่มี

ต่ออริหัวใจบีบให้เขาต้องทำลายอีกฝ่ายให้ย่อยยับจมดิน

ทรงชัยวางสายลูกชายพร้อมรอยยิ้ม ทุกอย่างมันเป็นไปที่เขาคิดไว้

“นายรู้ได้ยังไงครับว่าคุณหมอยอมร่วมมือกับเรา”เสียงลูกน้องถามคนเป็นเจ้านายด้วยความชื่นชมในความคิดที่แยบยล

“เอ็งรู้จักสุภาษิตลงเรือลำเดียวกันไหมวะ” เขาตอบลูกน้องแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หนังอย่างสบายอารมณ์ “ยายคุณหมอไหมนั่นภายนอกอาจดูกล้า

แข็งแต่ยังไงก็เป็นผู้หญิงวันยังค่ำ ยังไงเสียก็ยังคงมีความด้านอายอยู่บ้าง”

“คุณหมอคงกลัวว่าพวกเราจะเปิดเผยความลับของเธอ” ลูกน้องของเขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

“ความรักมักทำให้คนดีๆกลายเป็นคนตาบอด แม้แต่ผู้คงแก่เรียนแค่ไหนแต่ยังพ่ายเพราะรักได้” ทรงชัยลูบหนวดเงางามของตัวเองพลางแค่น

หัวเราะ

“ดูอย่างไอ้พนานั่น ที่เวสต์วูดมันพ่ายไม่ได้เป็นเพราะโดนตำรวจบุกทำลายหรอกนะ แต่ที่มันพินาศเพราะไอ้คำว่ารักนี่แหละ แค่ผู้หญิงคนเดียว

เท่านั้น มันถึงยอมทำทุกอย่าง แต่ข้าไม่ยอมเรื่องรักๆใคร่ๆมันมาทำให้ลูกชายข้าจนกลับไปเป็นไอ้ขี้แพ้อย่างในอดีต ครานั้นไม่มีถ้านังดวงแขกับ

นังลาโพมาป่วนล่ะก็ ลูกชายข้าก็จะได้รับเลือกไปนานแล้ว” ทรงชัยพูดถึงความแค้นใจในอดีต

“แล้วแบบนี้คุณเอกรัตน์ไม่เสียใจแย่หรือครับ”

“หึ... จะเป็นใหญ่ จิตใจมันต้องกร้าแข็ง ลูกชายข้าจะได้เรียนรู้ว่าเมื่อมันมีอำนาจ บารมีเมื่อไหร่ จะมีรักกับผู้หญิงสักกี่คนก็ยังได้ ” เขาพูดพลาง

ตวัดสายตามองลูกน้องขี้สงสัย

“อีกอย่างข้าอยากให้นังไหมออกจากชีวิตลูกชายข้าอย่างถาวรเสียที แค่มันบอกปัดยกเลิกการแต่งงานกับลูกข้าเท่านั้น เอกรัตน์ก็แทบไม่เป็นผู้

เป็นคน และข้าสังเกตไอ้หนุ่มนั่นตั้งแต่คืนงานเลี้ยงนั่นแล้ว ผู้ชายด้วยกันมันดูกันออก ประจวบเหมาะกับที่พวกพยาบาลเขาคุยกันในวันที่มันเข้า

โรงพยาบาล ทำให้ข้าแน่ใจว่ามันชอบยายคุณหมอแน่นอน” ทรงชัยเอ่ย แม้ว่าเขาจะไม่มีความแค้นสำคัญอะไรกับชายหนุ่มนอกจากนัดสู้ล้างตา

ให้ลุกชายคนรองแต่ดูเหมือนมันจะมีประโยชน์มากกว่าแค่เป็นคู่ออกกำลังกาย

“แต่ที่เราทำไปตอนนั้นและไม่มีใครสงสัยจนถึงวันนี้เพราะมีไอ้พนาเป็นแพะให้นะครับนาย แต่ตอนนี้ผมเกรงว่า...” ลูกน้องเอ่ยด้วยใบหน้าไม่

สบายใจ

“แล้วเอ็งคิดว่าข้าไม่หาแพะไว้หรือไงวะ” เขาพูดอย่างยิ้มกริ่ม

********************

พวกเธอถูกบังคับให้นั่งพับเพียบบนดินที่ลานกว้างของหมู่บ้านกะเหรี่ยง หญิงสาวทั้งสองได้แต่นั่งเงียบรอฟังคำตัดสินจากผู้ใหญ่หลายคนในที่

นี้  ตรีรัตน์มีแอบชำเลืองมองแต่เมื่อประสานตากับเจ้าของดวงตาดุ เธอก็สะดุ้งราวกับโดนสายฟ้าฟาดหัว ธิดาเองก็นั่งก้มหน้างุดมองพื้นดินโดย

ไม่คิดที่จะเงยมองเจ้าของขาที่ยืนตรงหน้าเธอเพราะรู้ดีว่าจะเจอใบหน้าแบบไหน

    “อธิบายมา” เสียงที่ราบเรียบแต่ไร้ความปราณีดังขึ้น

    ธิดาบีบมือที่สั่นของตัวเองไว้ได้ แต่จะห้ามเส้นเสียงไม่ให้สั่นนั้นคงยาก “ธิดาขอโทษค่ะ”

    เสียงหัวเราะในลำคอของเขาฟังดูเย้ยหยัน “ไม่ต้องขอก็จะให้โทษอยู่แล้ว แต่ให้อธิบายมา”

    “คือ ตรีเองค่ะน้า ตรีชวนพี่...”

    “ฉันไม่ได้ถามเธอ !”  

    หญิงสาวร่างเล็กสะดุ้งโหยง นอกจากแววตาที่น่ากลัวแล้ว น้ำเสียงก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ตรีรัตน์แอบเหล่มองหญิงสาวที่นั่งเงียบ

ด้านข้าง น้ำตาของเธอเหือดแห้งไปแล้วก็จริง แต่ใบหน้านั้นดูเศร้าสร้อยพาลให้เธออยากร้องไห้ตามไปด้วย

    “ธิดาอยากรู้จักคุณดวงแขให้มากขึ้น อยากรู้ว่าเธอเป็นใคร” เธอปริปากอธิบาย

    “แล้วรู้หรือยังว่าเขาเป็นใคร” เธอได้ยินคำถามเสียงเย็นของพี่ชาย และรู้ดีว่าเสียงนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากรู้เลยสักนิด ธิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    “ความอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้วของเธอ มันทำให้คนที่อยู่อาจกลายคนตาย” เขานั่งลงย่อเข่าที่หน้าน้องสาว

    “เงยหน้ามองพี่” เขาสั่ง แต่เธอไม่ขยับ

    “เงยหน้ามองพี่ !”

    หญิงสาวสะดุ้ง เธอเงยหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลจากดวงตาอีกครั้ง หลายคนที่อยู่ในที่นี้ ทั้งผู้ใหญ่บ้าน ยายเฒ่า และคุณหมอ รวมถึงชาว

บ้านของหมู่บ้านกะเหรี่ยงนึกสงสารเธอยิ่งนัก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว แม้แต่ช่างน้อย และผวนเองก็ไม่คิดที่จะสอดแทรก

“เธอกล้าขัดคำสั่งพี่ ที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายและหัวหน้าของเธอ นี่ยังไม่นับที่เธอหลอกพี่เรื่องรถคนงานคว่ำ” เขาพูดอย่างเจ็บปวดใจถึงที่สุด สาว

น้อยคนนี้ที่เขารักมากที่สุด ห่วงมากที่สุด แต่เธอกลับทำให้เขาผิดหวัง

“ถ้าพี่ก้องเห็นว่าการขัดคำสั่งเป็นความผิด และการหลอกลวงเพราะหวังดีเป็นความผิด ธิดาก็แก้ตัวอะไรไม่ได้” เธอตอบเขาทั้งน้ำตา

    “ใช่สิ เธอคงแก้ตัวไม่ได้เรื่องลักลอบเอาเครื่องมือของบริษัทไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และเรื่องทำลายและบุกรุกสถานที่ส่วนบุคคล

เหมือนกัน” เขาไร่เรียงความผิดของเธอเป็นข้อๆ แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์เท่าใดแต่น้องสาวคนนี้ได้สิ่งที่ร้ายแรงและขัดแย้งหลักการของ

ชลธารโดยสิ้นเชิง

“และสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เธอกระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่สนใจความปลอดภัยของคนชลธาร !”

“ธิดาไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และก็ไม่ได้ไม่สนใจความปลอดภัยของคนชลธาร !” เธอเถียงเขาทั้งน้ำตา

“แล้วนี่มันคืออะไร !” เขาชูนิ้วที่มีคราบแห้งเกรอะกรังของเลือด

“นี่มันคืออะไร !” เขาโยนเลื่อยที่ยังมีเศษขี้ไม้ติดที่ซี่ฟันลงพื้นตรงหน้าหญิงสาว

ความเวทนาของคนรอบข้างต่อหญิงสาวมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ นายน้อยแห่งชลธารที่ดูกันเองนั้นในเวลานี้กลับกลายเป็นคนที่น่าเกรงขามยามตัดสินความผิดคนของตัวเอง

“ธิดาเธอรู้ไหม พี่พยายามแค่ไหนที่ให้ชาวบ้านยอมรับน้องสาวของพี่คนนี้ พยายามแค่ไหนที่จะสร้างความดีทดแทนสิ่งเลวร้ายในอดีต เพราะ

อะไร เพราะพี่รู้ว่าเรื่องของใครสักคนที่มันก่อไว้กำลังทำให้เธอเดือดร้อน พี่ทนไม่ได้ พี่เถียงใครต่อใครมาตลอดว่าน้องสาวผมไม่ใช่ตัวซวย

สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของน้องสาวผม” เขาหยุดพูด แค่นหัวเราะอย่างเจ็บช้ำ

“คนที่นำพาความซวยมีสองประเภท ประเภทแรกซวยเพราะโชคชะตากำหนด ประเภทที่สองซวยเพราะการกระทำ และเธอคือประเภทไหนพี่ก็

บอกไม่ได้...” ชายหนุ่มกำหมัดแน่น

“แต่ตอนนี้พี่ชักจะเริ่มเชื่อแล้วว่า...เธอคือตัวซวย และความซวยของเธอจะนำพาให้ชีวิตคนอื่นวอดวาย” คำพูดที่แม้แต่เขาเองยังเจ็บ ไม่รวมถึง

เสียงร้องไห้ของน้องสาวที่ฟังดูเศร้าโศกเหมือนครั้งที่สูญเสียมารดา

“ธิดาคงไม่อธิบายอะไรอีก ถ้าพี่ก้องจะตัดสินธิดาแบบนั้น  ธิดาขอโทษที่นำพาความซวยมาให้ทุกคน” เธอลุกขึ้นยืนประจันหน้าพี่ชาย หญิงสาว

มองไปยังผู้คนที่ยืนมองเธอ และไม่มีใครสบตาเธอสักคน

“และขอโทษด้วยที่เกิดมาเป็นน้องสาวตัวซวยของพี่” หญิงสาวพูดกับพี่ชายด้วยใบหน้านองน้ำ

“รับผิดชอบต่อการกระทำองตัวเองซะ ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเรียกพี่” แต่เขากลับพูดไม่คิดที่จะมองหน้าเธอ

ไหมแก้วที่ยืนอยู่ต้องยกมือขึ้นทาบอก เธอกดความปวดร้าวที่อยู่ข้างในเอาไว้ แม้จะไม่ได้เป็นคนที่ถูกพูดด้วยวาจาเชือดเฉือน แต่ก็รู้สึกเจ็บไม่

ได้น้อยไปกว่าธิดาเลย คำที่เขาเคยบอกไว้เองว่าคำพูดมันฆ่าคนได้ มันรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้เองและตอนนี้เขาก็กำลังฆ่าน้องสาวด้วยคำพูดของ

เขา
“พี่ธิดา !” ตรีรัตน์ตะโกนรียกหญิงสาวที่ลุกขึ้นวิ่งออกไป สาวผมมวยวิ่งตามพี่สาวที่ร้องไห้อย่างกับใจสลาย

“พี่ธิดา รอก่อน” สาวผมมวยใช้ขาที่สั้นกว่าเร่งจังหวะให้ทัน นอกจากจะต้องเร่งฝีเท้าแล้วเธอยังต้องเอามือประคองหน้าอกไว้อีก

“บอกให้รอก่อนโว้ยยย !” เมื่อเห็นว่าตามไม่ทันแน่ๆ ตรีรัตน์ตัดสินใจตะโกนก้องป่า นกกาต่างตกใจกระพือปีกบินออกจากรังเสียงดังไปทั่ว แต่

ได้ผลเมื่อเธอเห็นหญิงสาวหยุดแล้วนั่งล้มลงกับพื้น

“ตามฉันมาทำไม เดี๋ยวเธอก็ซวยไปด้วยหรอก” เธอพูดเสียงสะอื้นปนเสียงประชดประชัน ความเจ็บปวดถึงทรวงจากคำพูดของพี่ชายยังระบบม

อยู่ในอก

“ไม่เดี๋ยวแล้วล่ะ ฉันร่วมด้วยช่วยซวยกับพี่ไปตั้งนานแล้ว” สาวผมมวยล้มนั่งข้างกับหญิงสาว

“แหม ขำๆ แก้เครียดน่า” ตรีรัตน์เอาไหล่กระแทกเย้าแหย่คนขี้แง

“ตรีรัตน์ ฉันมันคงเป็นตัวซวยจริงอย่างที่เขาว่ากัน”  

“มาน้อยใจอะไรกันป่านนี้ล่ะ” ตรีรัตน์ถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งปลอบผู้หญิงด้วยกันกลางป่า

“ก็...พอฉันเกิดมาไม่กี่ปี แม่ก็เป็นมะเร็ง ทั้งๆที่แม่ใช้ชีวิตได้ปกติสุขมานานก่อนฉันเกิด”

“มะเร็งไม่เข้าใครออกใคร” สาวผมมวยบอก

“น้าของฉันเล่าให้ฟัง...การที่แม่ตั้งท้องฉันมันทำให้ร่างกายแม่แย่ลง ทั้งๆที่แม่เลือกที่จะทำแท้งฉันก็ได้ แต่...” เธอเล่าทั้งน้ำตา

“แต่แม่ของพี่เลือกพี่...” ตรีรัตน์ตอบแทนสาวที่เสียงพูดกลายเป็นเสียงสะอื้น และไม่รู้เป็นยังไง ทำไมเธอถึงอยากร้องไห้ตามไปด้วย ไม่ได้เป็น

เพราะปมด้อยของพี่สาวคนนี้หรอกนะ แต่เป็นเพราะปมด้อยของเธอต่างหาก

“แม่ของพี่เลือกที่จะให้ชีวิตพี่ แล้วก็ทนสู้กับมะเร็งจนเห็นพี่โตไม่ใช่หรือ” เธอพูดต่อแต่น้ำเสียงก็อ่อนไม่แพ้ของหญิงสาว “พี่ดีใจเถอะว่าอย่าง

น้อยพี่ยังได้รู้ว่าแม่ของพี่รักพี่มากแค่ไหน...”

“ตรีรัตน์...” ธิดามองใบหน้าสาวผมมวย

“ดูอย่างฉันนี่ แม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังไม่อย่านมด้วยซ้ำ นู่นแน่ะ แม่วัวน่ะแม่บุญธรรมของฉันเลย” แม้จะเป็นคำพูดที่ฟังดูน่าตลกแต่มันคงเป็นตลกร้าย

น่าดูเมื่อหยาดน้ำตาไหลลงมาเข้าปากที่เสแสร้งหัวเราะ

“นอนมองแต่ของเล่นมีเสียงสับปะรังเค โตมาเล่นกับตุ๊กตาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเล่นกับมันยังไง เห็นแต่นักเลงหัวไม้เดินเข้าออกบ้าน ได้ยินแต่

เสียงบิดเครื่องมอเตอร์ไซค์ ได้พูดคุยแต่กับตัวเอง...นี่แหละคนโดนแม่ทิ้ง” เธอใช้นิ้วชี้ปาดน้ำมูกที่ไหลออกมาพร้อมกับน้ำตา

“ก็อย่างที่น้าเขาบอกแหละ  คนที่นำพาความซวยมีสองประเภท ประเภทแรกซวยเพราะโชคชะตากำหนด ประเภทที่สองซวยเพราะการกระทำ

ฉันน่ะมันซวยแบบโชคชะตากำหนดให้มาเจอพี่ที่ซวยแบบการกระทำ” เธอพูดพลางเอามือควักล้วงบางสิ่งที่ซุกซ่อนในเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก

แล้วเอามันออกมาวางทิ้งบนพื้นดิน

“ไหนดูซิว่า มันจะมีอะไรให้ซวยไปกว่านี้อีกไหม” สาวผมมวยยิ้มบอก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่