เพื่อน ๆ ครับ พอดีขอเล่าข้อสงสัยเกี่ยวกับ ธนาคาร กสิกร หน่อยนะครับว่า
ผมได้เช่าตู้นิรภัยมานานมากแล้วเกินกว่าสิบปี ซึ่งปกติต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่อปี = 2,140 (ปี 2011-และปี 2012)
(ไม่นับย้อนหลังจากปี 2011 ผมจำค่าธรรมเนียมไม่ได้แล้ว แต่ก็อยู่ในราคาพันเศษ)
ต่อมาในปี 2013 ขอขึ้นค่าเช่าตู้นิรภัยเท่ากับ 3,765 ซึ่งผมต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,605 บาท
ซึ่งก็ไม่ว่ากันเพราะทางธนาคารแจ้งว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันในปี 2013 ตกต่ำทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่อง
(ทำยังไงได้หล่ะหักบัญชีไปแล้วนี่จะขอให้คืนก็คงจะยาก)
มาปีนี้ขอขึ้นอีกแจ้งอีกเหมือนเดิมคือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขาดสภาพคล่อง
เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่าปีนี้ทางธนาคารขอขึ้นราคาค่าเช่าตู้เท่ากับเท่าไหร่....
เกือบห้าพันห้าร้อยบาท ครับ
ทำไมมันจะขอขึ้นมากมายขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่การพัฒนาด้านตู้นิรภัยไม่ได้มีอะไรเพิ่มขึ้นเลย
มีแต่เท่าเดิมกับเก่ากว่าเดิม
ไม่เชื่อคุณลองไปดูสถานที่และสภาพตู้ของตู้นิรภัยของแต่ละสาขาดูซิครับ
(ไม่นับสาขาพหลโยธิน นั่นเขาบริการดี สภาพสะอาด ดูปลอดภัย)
ผมได้โทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ เพื่อถามว่าทำไมคุณถึงได้ขึ้นค่าเช่าตู้ได้มากมายถึงเพียงนี้
ทั้ง ๆ ที่บริการและคุณภาพคุณก็เท่าเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ก็ได้แค่คำตอบว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และนโยบายปัจจุบัน
ธนาคารจำเป็นต้องขอขึ้นค่าเช่าตู้ดังกล่าว มีคำตอบให้ผมแค่นี้
ผมขอถามถึงกรรมการผู้จัดการ ตระกูลล่ำซำ ทุกท่านว่า
คุณบอกว่าทางธนาคารพัฒนาการบริการของธนาคารทุกรูปแบบ
และทุกอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า และเพื่อความทันสมัย
อีกทั้งยังเป็นผู้นำต้น ๆ ทางด้านการเงิน มีผลกำไรและโบนัสให้
กับพนักงานทุก ๆ ท่านเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ... ซึ่งก็หมายความว่าคุณก็ยังมีกำไรในการทำธุรกิจ
ถ้าคุณบอกว่าขอขึ้นค่าธรรมเนียมด้านอื่น ๆ ผมก็เต็มใจให้คุณเก็บเงินค่าธรรมเนียมนี้ไป
แต่นี่คุณขอเก็บค่าเช่าตู้นิรภัยเพิ่มขึ้นเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ผมคงไม่ต้องงัดเอาหลักคณิตศาสตร์มาเทียบหรอกนะ
แต่เห็นตัวเลขก็ตกใจแล้วจะขึ้นราคาอะไรทุก ๆ ปี ปีละเป็นพันบาท บ้าป่าว !!!! เอาอะไรคิด
นี่หรือวิธีหาเงินของทางธนาคารที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านการเงินในระดับต้น ๆ
อีกอย่างจะขอบอกว่า ทุกวันนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากเข้าสาขาที่รุ้จักแล้ว
เพราะอะไรคุณรู้ไหม ...ขายแต่ประกัน โน่น นี่ นั่น ตกลงคุณจะทำ
ธุรกิจธนาคาร หรือคุณจะทำธุรกิจประกัน จรรยาบรรณของการทำธุรกิจธนาคาร คุณหายไปไหน?
เมื่อสมัยก่อนคุณทำมาดีแล้ว แต่ปัจจุบันผมคิดว่าคุณเห็นแก่เงินมากไปหน่อยนะ
แล้วคอลเซ็นเตอร์นี่ถ้าไม่มีคนรับ หรือพนักงานเต็มทุกคู่สาย บริการ 24 ชั่วโมง ถ้าทำไม่ได้ก็บอกลูกค้าไปก็ได้ว่า
บริการแค่ 12 ชั่วโมง หรือโทรได้ไม่เกินกี่โมงก็พอ โทรไปทีไรก็ไม่เคยจะได้คุย
ให้รอสายนานมาก บอกไปเลยว่าจะให้บริการกี่โมงลูกค้าเขาคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก
อย่ามาสร้างภาพว่าบริการ 24 ชั่วโมง แล้วก็ทำไม่ได้
ขอฝากผู้บริหารตระกูลล่ำซำ เลยนะครับว่า อย่ามัวแต่สร้างภาพให้แต่ละสาขาดูดี
แต่คุณต้องสร้างคุณภาพให้มันดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
ทั้งคุณภาพของบุคคลากรของคุณเอง บีบเข้าไปหน่ะยอดขายประกัน แล้วคุณคิดว่าคุณภาพด้าน
บริการอื่น ๆ ของธนาคารหล่ะ มันจะไม่แย่ลงหรือ ถ้ามัวแต่ให้พนักงานทุกคนขายแต่ประกัน
เปิดเป็นบริษัทขายประกันแข่งกับเมืองไทยประกันชีวิตที่คุณมีอยู่เลยดีมั๊ย
แล้วอีกอย่างคุณคิดว่าพนักงานของคุณเต็มใจขายหรือ?
และที่สำคัญที่สุดที่คิดว่าคุณคงลืมไปแล้วว่าคุณต้องให้คุณภาพการบริการแก่ลูกค้า อย่างจริงใจ
อย่างที่ผู้บริหารท่านเก่า ๆ ที่ผ่านมาเขาทำกัน อย่ามัวคิดเอาแต่กำไรมาก
แค่นี้พวกคุณก็ใช้ชีวิตกันแบบสบายกันแล้ว !!!!
เพื่อน ๆ มีความเห็นว่าไงกันบ้างครับ !!!!
#ธนาคารกสิกร บอกว่า #ภาวะเศรษฐกิจ #ตกต่ำ ขอขึ้น #ค่าธรรมเนียม
ผมได้เช่าตู้นิรภัยมานานมากแล้วเกินกว่าสิบปี ซึ่งปกติต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่อปี = 2,140 (ปี 2011-และปี 2012)
(ไม่นับย้อนหลังจากปี 2011 ผมจำค่าธรรมเนียมไม่ได้แล้ว แต่ก็อยู่ในราคาพันเศษ)
ต่อมาในปี 2013 ขอขึ้นค่าเช่าตู้นิรภัยเท่ากับ 3,765 ซึ่งผมต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,605 บาท
ซึ่งก็ไม่ว่ากันเพราะทางธนาคารแจ้งว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันในปี 2013 ตกต่ำทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่อง
(ทำยังไงได้หล่ะหักบัญชีไปแล้วนี่จะขอให้คืนก็คงจะยาก)
มาปีนี้ขอขึ้นอีกแจ้งอีกเหมือนเดิมคือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขาดสภาพคล่อง
เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่าปีนี้ทางธนาคารขอขึ้นราคาค่าเช่าตู้เท่ากับเท่าไหร่....
เกือบห้าพันห้าร้อยบาท ครับ
ทำไมมันจะขอขึ้นมากมายขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่การพัฒนาด้านตู้นิรภัยไม่ได้มีอะไรเพิ่มขึ้นเลย
มีแต่เท่าเดิมกับเก่ากว่าเดิม
ไม่เชื่อคุณลองไปดูสถานที่และสภาพตู้ของตู้นิรภัยของแต่ละสาขาดูซิครับ
(ไม่นับสาขาพหลโยธิน นั่นเขาบริการดี สภาพสะอาด ดูปลอดภัย)
ผมได้โทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ เพื่อถามว่าทำไมคุณถึงได้ขึ้นค่าเช่าตู้ได้มากมายถึงเพียงนี้
ทั้ง ๆ ที่บริการและคุณภาพคุณก็เท่าเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ก็ได้แค่คำตอบว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และนโยบายปัจจุบัน
ธนาคารจำเป็นต้องขอขึ้นค่าเช่าตู้ดังกล่าว มีคำตอบให้ผมแค่นี้
ผมขอถามถึงกรรมการผู้จัดการ ตระกูลล่ำซำ ทุกท่านว่า
คุณบอกว่าทางธนาคารพัฒนาการบริการของธนาคารทุกรูปแบบ
และทุกอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า และเพื่อความทันสมัย
อีกทั้งยังเป็นผู้นำต้น ๆ ทางด้านการเงิน มีผลกำไรและโบนัสให้
กับพนักงานทุก ๆ ท่านเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ... ซึ่งก็หมายความว่าคุณก็ยังมีกำไรในการทำธุรกิจ
ถ้าคุณบอกว่าขอขึ้นค่าธรรมเนียมด้านอื่น ๆ ผมก็เต็มใจให้คุณเก็บเงินค่าธรรมเนียมนี้ไป
แต่นี่คุณขอเก็บค่าเช่าตู้นิรภัยเพิ่มขึ้นเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ผมคงไม่ต้องงัดเอาหลักคณิตศาสตร์มาเทียบหรอกนะ
แต่เห็นตัวเลขก็ตกใจแล้วจะขึ้นราคาอะไรทุก ๆ ปี ปีละเป็นพันบาท บ้าป่าว !!!! เอาอะไรคิด
นี่หรือวิธีหาเงินของทางธนาคารที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านการเงินในระดับต้น ๆ
อีกอย่างจะขอบอกว่า ทุกวันนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากเข้าสาขาที่รุ้จักแล้ว
เพราะอะไรคุณรู้ไหม ...ขายแต่ประกัน โน่น นี่ นั่น ตกลงคุณจะทำ
ธุรกิจธนาคาร หรือคุณจะทำธุรกิจประกัน จรรยาบรรณของการทำธุรกิจธนาคาร คุณหายไปไหน?
เมื่อสมัยก่อนคุณทำมาดีแล้ว แต่ปัจจุบันผมคิดว่าคุณเห็นแก่เงินมากไปหน่อยนะ
แล้วคอลเซ็นเตอร์นี่ถ้าไม่มีคนรับ หรือพนักงานเต็มทุกคู่สาย บริการ 24 ชั่วโมง ถ้าทำไม่ได้ก็บอกลูกค้าไปก็ได้ว่า
บริการแค่ 12 ชั่วโมง หรือโทรได้ไม่เกินกี่โมงก็พอ โทรไปทีไรก็ไม่เคยจะได้คุย
ให้รอสายนานมาก บอกไปเลยว่าจะให้บริการกี่โมงลูกค้าเขาคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก
อย่ามาสร้างภาพว่าบริการ 24 ชั่วโมง แล้วก็ทำไม่ได้
ขอฝากผู้บริหารตระกูลล่ำซำ เลยนะครับว่า อย่ามัวแต่สร้างภาพให้แต่ละสาขาดูดี
แต่คุณต้องสร้างคุณภาพให้มันดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
ทั้งคุณภาพของบุคคลากรของคุณเอง บีบเข้าไปหน่ะยอดขายประกัน แล้วคุณคิดว่าคุณภาพด้าน
บริการอื่น ๆ ของธนาคารหล่ะ มันจะไม่แย่ลงหรือ ถ้ามัวแต่ให้พนักงานทุกคนขายแต่ประกัน
เปิดเป็นบริษัทขายประกันแข่งกับเมืองไทยประกันชีวิตที่คุณมีอยู่เลยดีมั๊ย
แล้วอีกอย่างคุณคิดว่าพนักงานของคุณเต็มใจขายหรือ?
และที่สำคัญที่สุดที่คิดว่าคุณคงลืมไปแล้วว่าคุณต้องให้คุณภาพการบริการแก่ลูกค้า อย่างจริงใจ
อย่างที่ผู้บริหารท่านเก่า ๆ ที่ผ่านมาเขาทำกัน อย่ามัวคิดเอาแต่กำไรมาก
แค่นี้พวกคุณก็ใช้ชีวิตกันแบบสบายกันแล้ว !!!!
เพื่อน ๆ มีความเห็นว่าไงกันบ้างครับ !!!!