ประยุทธ์สั่งงดส่งออกน้ำมันดิบ..เอแล้วมีแค่ประเทศไทยหรือที่ส่งออกน้ำมันดิบ?

อันที่จริงเรื่องส่งออกน้ำมันดิบนี่ถือเป็นอีกประเด็นที่ถูกแก๊งทวงคืนฯเอามาบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนในวงกว้าง ประมาณว่าผลิตได้ไม่พอใช้แล้วจะส่งออกทำไม? เรื่องนี้จริงๆก็มีคำอธิบายไว้แล้วว่าทำไมผมขอยกมาอธิบายอีกครั้งตามนี้ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถามว่าผู้รับสัมปทานเขาอยากส่งออกไหมครับ เขาไม่อยากส่งออกหรอกครับ ถ้าขายในประเทศได้ราคาพอๆกันกับขายไปต่างประเทศ หรือแม้แต่ถูกกว่านิดหน่อยเขาก็ยังยินดีขายในประเทศ เพราะเขาสามารถเอาค่าภาคหลวงที่เขาเสียไป ไปเครดิตภาษีได้ จะเห็นว่าระบบของเราออกแบบให้ผู้ผลิตต้องขายในประเทศเป็นอันดับแรก ยกเว้นแต่ไม่มีผู้รับซื้อ หรือถูกกดราคาเท่านั้น เขาถึงจำเป็นต้องไปส่งออก

แต่ที่ต้องส่งออกน้ำมันดิบบางส่วนนั้น (ถ้าพูดเป็นปริมาณก็คือประมาณ 15% ของน้ำมันดิบที่เราผลิตได้เองที่ไม่ได้นำมากลั่นใช้เองในประเทศ) เพราะน้ำมันดิบปริมาณดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ตรงกับความต้องการของโรงกลั่นในประเทศ เนื่องจากประเทศเรามีการใช้น้ำมันดีเซลเป็นจำนวนมาก โรงกลั่นจึงถูกออกแบบมาให้กลั่นน้ำมันดิบที่มีดีเซลเป็นองค์ประกอบมาก ขณะที่น้ำมันดิบจำนวน 15% ที่เราผลิตได้ดังกล่าวนั้นเป็นน้ำมันดิบที่มีเบนซินเป็นองค์ประกอบมาก มันจึงไม่ตรงกับสเปคของโรงกลั่นทั้ง 6 แห่งในประเทศ เขาก็ไม่อยากรับซื้อไว้เพราะถ้ารับซื้อไว้เขาก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อรองรับน้ำมันดิบเหล่านี้ หรือถ้ารับซื้อบรรดาโรงกลั่นทั้งหลายก็อาจจะกดราคาน้ำมันดิบดังกล่าว ดังนั้นผู้รับสัมปทานจึงส่งออกน้ำมันดิบดังกล่าว ซึ่งจะว่าไปมันกลับเป็นผลดีกับรัฐเสียด้วย เพราะอย่าลืมว่าถ้าผู้รับสัมปทานขายน้ำมันดิบได้ราคาดี สุดท้ายก็เป็นรัฐนั่นล่ะที่จะได้ส่วนแบ่งที่สูงขึ้น

อันนี้ผมเสริมข้อมูลให้แล้วกันในบรรดาโรงกลั่นทั้ง 6 ในบ้านเรานั้นพบว่าโรงกลั่นสตาร์ (SPRC) ที่มีเชฟรอนถือหุ้นใหญ่เป็นโรงกลั่นที่รับน้ำมันดิบในประเทศไปกลั่นมากที่สุด ขณะที่โรงกลั่นเอสโซ่เป็นเพียงโรงกลั่นเดียวเท่านั้นที่ไม่รับน้ำมันดิบในประเทศไปกลั่นเลย (อย่างนี้เราควรด่าเอสโซ่ไหมครับว่าไม่รักชาติ ไม่ยอมใช้น้ำมันดิบในประเทศ?)


คราวนี้ผมลองตั้งคำถามใหม่ครับว่า “นอกจากประเทศไทยแล้ว มีประเทศไหนอีกไหมในโลกนี้ที่ผลิตน้ำมันดิบได้ไม่พอใช้แต่เขาก็ยังมีการส่งออกน้ำมันดิบ?” ถามว่าทำไมผมตั้งคำถามแบบนี้ ก็เพราะว่าผมทราบดีครับว่าการส่งออกน้ำมันดิบส่วนที่ไม่ตรงกับความต้องการในประเทศนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่สากลประเทศเขาทำกันครับ ไม่ใช่มีแต่ประเทศเราเสียเมื่อไรที่ทำกัน ดังนั้นหากประเทศอื่นๆเขาก็ทำกัน แสดงว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือคดโกงอะไรหรอกครับ เชื่อผมสิ

ครั้นจะมาบอกให้คุณเชื่อผมโดยปราศจากการพิสูจน์ก็จะเป็นการดูถูกสติปัญญาของคุณเกินไป ผมว่าเรามาลองดูข้อมูลไปด้วยกันดีกว่าครับ

ข้อมูลทั้งหมดผมนำมาจากหน่วยงาน  U.S. Energy Information Administration นะครับ เป็นหน่วยงานที่เชื่อถือได้แน่นอนครับ (ก็ขนาดหม่อมกอยฯ ตอนเปิดตัวด้านพลังงานใหม่ๆ ยังเอาข้อมูลจากที่นี่มาใช้เลยครับ จนทุกวันนี้ได้ดิบได้ดีอุปโลกน์ตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานไปเสียแล้ว)

จากข้อมูล Exports of Crude Oil including Lease Condensate (Thousand Barrels Per Day)  ทั้งหมด 224 ประเทศดังรูป


และข้อมูล Imports of Crude Oil including Lease Condensate (Thousand Barrels Per Day)  ทั้งหมด 224 ประเทศดังรูป


ผมจะนำข้อมูลทั้งสองมาทำการลบกัน กล่าวคือ
นำปริมาณ Export – Import --> หาก Export – Import แล้วมีค่าติดลบ หมายความว่า นำเข้ามากกว่าส่งออก --> หากนำเข้ามากกว่าส่งออกแสดงว่าผลิตไม่พอใช้ --> หากผลิตไม่พอใช้แล้วทำไมหลายๆประเทศนี้ยังส่งออกอยู่ล่ะ

เมื่อทำการนำ Export – Import แล้ว ผมจะได้ข้อมูลดังรูป


Filter ดูเฉพาะประเทศที่ Export – Import แล้วติดลบ จะได้ข้อมูลดังรูป

จะเห็นว่ามีอีกหลายๆประเทศที่เจริญกว่าเรา เป็นประเทศที่ต้องยอมรับว่าการทุจริตคอรัปชั่นน้อยกว่าประเทศเรา เขาก็เข้าข่ายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบได้ไม่พอใช้แต่ยังมีการส่งออกน้ำมันดิบอยู่
ซึ่งผมพบว่าจากทั้งหมด 224 ประเทศนั้นมีมากถึง 67 ประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบได้ไม่พอใช้แต่ยังมีการส่งออกน้ำมันดิบ (ไม่ได้มีแต่ประเทศไทยเราเสียหน่อย)

ผมขออนุญาตคัดเลือกมาสัก 11 ประเทศที่ ผลิตน้ำมันดิบได้ไม่พอใช้แต่ยังมีการส่งออกน้ำมันดิบ แล้วเรียงตามลำดับจากติดลบมากสุดไปยังติดลบน้อยสุดจะได้ข้อมูลดังรูป

เช่นนี้ผมพอจะอนุมานได้ไหมครับว่า “การส่งออกน้ำมันดิบส่วนที่ไม่ตรงกับความต้องการของโรงกลั่นในประเทศมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย มันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้น้ำมันบ้านเราแพงเลย และประเทศที่เจริญแล้วไหนๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น”

งดพาดพิงบุคคลที่สามครับ