หลังจากที่ Suzuki ประสบความล้มเหลวในตลาดสหรัฐ และรถยนต์ซีดานรุ่นบุกเบิกระดับ D segment (แต่น่าจะเล็กค่อนไปทาง D-)
ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่เป็นรุ่นที่ Suzuki ทุ่มเทแรงกายแรงใจเป็นอย่างมาก ทั้งด้านดีไซน์ ภายนอก ภายใน และสมรรถนะ
เพื่อให้ตัวเองมีรถเก๋งขายได้จริงๆ จังๆ สักรุ่น แต่เนื่องจากปัญหาต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจและตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ Suzuki Kizashi
ไม่สามารถคงอยู่ได้อีกต่อไป
แม้ Suzuki จะเลิกล้มและออกมาจากตลาดในสหรัฐ แต่ตัวเองก็ยังคงทำรถเล็กขายดีอยู่ในตลาดโลกต่อไป ทั้งในญี่ปุ่นและอินเดีย
ซึ่งมียอดขายดีเป็นกอบเป็นกำ แต่ Suzuki ก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องมีรถเก๋งขายให้ได้ รถเก๋งที่เป็นรถเก๋งจริงๆ หาใช่ Swift ต่อตูด หรือ
SX-4 ต่อตูด นั่นก็คือการย้อนกลับไปหาความคิดริเริ่มที่จะทำ Kizashi ในคราวนั้นนั่นเอง
แต่ครั่นจะปลุกผี Kizashi ออกมา คงไม่สามารถทำได้ แม้จะมี know-how ในการทำรถใหญ่บ้างแล้วก็ตาม คราวนี้ในการบุกตลาดโลก
จำเป็นต้องดูกระแสหลักในตลาดกำลังพัฒนาอย่างอินเดียและจีนซึ่ง รถยนต์ในระดับ B segment มีอนาคตมากกว่า แล้วอีกอย่างก็ยัง
ประหยัดค่าพัฒนาได้มากกว่า เมื่อมองไปที่ Toyota หรือ Honda และกลุ่มรถเกาหลี ที่มีรถแฮชแบ็กกับซีดานใช้พื้นฐานร่วมกันเต็มไป
หมด แต่ต้องไม่ใช่รุ่นเดียวกัน และทำตลาดในชื่อที่ต่างกัน
อย่างไรก็ดี Suzuki ดูเหมือนจะยังเอา DNA ของ Kizashi กลับมารวมกับรถ B segment รุ่นใหม่ของตน แถมยังมีความคิดที่จะขยาย
ขนาดให้ใหญ่ยิ่งกว่าใคร ตรงข้ามกับสไตล์ของบริษัทที่เน้นแต่ทำรถเล็กๆ นับว่าเป็นความคิดที่ตรงกันข้ามกันไม่น้อย แต่เมื่อมอง trend
และ Nissan ก็เริ่มทำไปแล้ว กับการทำ Almera ออกมา บนพื้นฐาน March ซึ่งถือว่าเป็นรถที่ทำตลาดค่อนข้างใช้ได้ในหลายๆ ประเทศ
แม้ว่าในบางประเทศจะขายไม่ค่อยดีก็ตาม แต่นับว่า Almera เป็นรถที่มีจุดขายชัดเจนมากๆ หนึ่งรุ่น
เมื่อบวกเข้าด้วยกัน Suzuki สามารถทำรถซีดานออกมาหนึ่งรุ่น ที่สามารถใช้บุคลิคของรถใหญ่ที่หรูหรา แต่ดูปราดเปรียวไม่ต่างจาก
Swift สามารถเน้นภายในที่กว้างขวางเพราะยืดฐานล้อของ Swift ออกไปเลย ให้เหนือกว่าคู่แข่ง เพราะรถระดับหรูต้องมีพื้นที่ภายใน
ที่กว้างขวางนั่งสบาย ตรงกันข้ามกับ Swift ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ดีนักที่ด้านหลังคับแคบเกินไป
Suzuki ตั้งใจดีไซน์ตัวรถให้ออกมาเร้าใจด้วย ดังที่เห็นจากรถต้นแบบก่อนขายจริงร่วมปีกว่า แล้วก็ใช้ตัวถังเดิมๆ นี่เองมาเป็นรถต้นแบบ
ซึ่งผลตอบรับก็ออกมาดีไม่น้อย แม้ว่ารุ่นผลิตจริงจะต้องลดโทนลงไปบ้าง โดยเฉพาะในตลาด อินเดียและอาเซียน แต่ในส่วนของ
ตลาดจีนที่จะขายในชื่อ Alivio นั้น ยังคงพยายามยึดการตกแต่งให้เหมือนกับตอนเป็นรถต้นแบบอย่างเหนียวแน่น เพราะการแข่งขัน
ในตลาดจีนสูงมาก
เมื่อเปรียบเทียบดูจะเห็นได้ว่า มีหลายอย่างที่นำมาประยุกษ์ใช้จาก Kizashi เป็นความพยายามในการใช้ know how จากรุ่น
เดิม แต่ก็เพิ่มเติมดีไซน์ของรถรุ่นอื่นๆ ในยุคปัจจุบันเข้าไปด้วย แต่ก็ยังคงพอสืบได้ โดยเฉพาะในรูปที่ซ้อนกันสัดส่วนด้านข้าง
ของทั้งคู่เป็นรูปแบบเดียวกัน ทั้งเส้นสาย ทรงกรอบประตู และการจัดวางรายละเอียด ล้วนเป็นแบบที่คล้ายกันมาก
เหมือนเป็นญาติพี่น้องตามกันมา และในส่วนของใบหน้า Ciaz ก็ดูจะเป็นเหมือน Kizashi ที่ ถูก big minor change มา
โดยไฟหน้าถูกเกลาใหม่ให้คมคายขึ้น ช่องดักลมหน้าถูกขยายใหญ่ ตามสไตล์ที่ Suzuki ชอบทำเวลา minor change
แต่ยังมีกลิ่นอายของ Suzuki Swift sport รวมอยู่ด้วยตรงรูปทรงของไฟตัดหมอก และขอบกระจังหน้า
สำหรับภายใน ยิ่งเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียง การใช้โทนสี ทรงของพวงมาลัย แผงหน้าปัดและแม้กระทั่งช่องเก็บของ
ใต้ช่องแอร์ที่ดูชัดเจนมากๆ ยิ่งตรงพวงมาลัย แม้จะเป็นการไมเนอร์ พวงมาลัยของ Swift มาใช้ แต่เห็นได้ชัดว่า ต้องการทำให้
เป็นทรงแบบเดียวกับ Kizashi ถือว่าเป็นความเคยชิน หรือเป็นความคุ้นเคยของดีไซเนอร์กันแน่ ซึ่งก็อยากจะคาดหวังว่า การขับขี่
จะทำให้เกิดความรู้สึกสบายๆ แบบรุ่นใหญ่ได้จริงๆ
ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกัน เมื่อหลายๆ คนถูกใจมากๆ เมื่อแรกเห็น แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่านี่เป็นการ design ที่ out of date ไป
เล็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการนำ design cue ของ Kizashi มาประยุกษ์ใช้ต่อก็อาจจะเป็นไปได้ และนอกจากนั้น
แล้ว ยังพกเอาอารมณ์รถ D segment มาใส่ในรถระดับเล็กซึ่งเป็นตลาดของผู้บริโภคอายุน้อยด้วยแล้ว ย่อมรู้สึกถึงความนุ่มนวล
มากเกินไป
ขนาดตัวของ Ciaz มีความน่าประทับใจ มีความยาวตั้ง 4,490 มม. ความกว้างก็ตั้ง 1,730 มม. มากกว่า
รถ B segment ญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานความกว้างที่ 1,695 ซม. ส่วนส่วนสูง 1,485 มม. ไม่เน้นสูงมากเป็นที่น่าพอใจ
ที่กดเพดานให้ต่ำกว่า City กับ Almera ได้หลายเซน เพราะจะทำให้รถดูลู่ลมเป็นพิเศษ ถ้ายังสามารถทำให้
headroom ยังนั่งได้สบาย ส่วนฐานล้อก็ยาวตั้ง 2,650 ซึ่งยาวกว่า Altis รุ่นที่แล้ว 50 มม.เลยทีเดียว
ความยาวที่น่าประทับใจ 4,490 มม. เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
เมื่อเทียบกับ Vios ซึ่งมีความยาวอยู่ที่ 4,410 และมีฐานล้อที่ 2,550
จะเห็นได้ว่าห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว่าชัดเจน ส่วนภายนอก อาจจะไม่ได้ดูต่างกันขนาดในภาพ
เพราะภาพ Vios ไม่ได้ใช้เลนส์ไวด์ (ถ้าผมเข้าใจศัพท์ทางกล้องถูกนะครับ) ทำให้ด้านหน้าด้านหลังของ
Vios มีการหลบภาพจนดูเหมือนสั้นลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวจริงจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Ciaz
มีความใหญ่กว่า
เทียบกับ Almera แชมป์เก่าในด้านความใหญ่ของ segment นี้
กรุณาอย่ามองเฉพาะปลายรถหน้าหลัง เพราะภาพเป็นภาพแล้วหน้าหลังหลบอีกแล้ว
Almera ยาว 4,425 มม. ดังนั้นจึงสั้นกว่า Ciaz 6.5 ซม. ถ้าเปรียบเทียบกัน ชัดเจนว่า
Almera นั้นหลังคาสูงป้อมกว่า Ciaz เล็กน้อย แต่ประเด็นมันอยู่ที่พื้นที่ศรีษะด้านหลัง ซึ่งมีแนวโน้มว่า
Ciaz จะขยายความยาวหลังคาให้ยืดยาวกว่า ไม่ใช่ทรงหลังเต่าแบบ Almera จึงเข้าใจว่า Suzuki คงทำการ
บ้านเรื่อง head room มาเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ฐานล้อยาวกว่า Almera (2,600 มม.) ถึง 5 ซม. ถ้าบริหาร
จัดการดีๆ Ciaz อาจเป็นรถที่มี knee room/leg room มากมายไม่แพ้รถ C/D segment ได้ไม่ยาก
เทียบข้ามรุ่นกับ Sylphy
Sylphy ยาว 4,615 ฐานล้อ 2,700 เท่ากับ Ciaz สั้นกว่า 2.5 ซม. ฐานล้อสั้นกว่า 5 ซม.
เมื่อมองจากภาพนั้นน่าสนใจมาก เพราะขนาดดูใกล้เคียงกันจริงๆ แต่ Sylphy นั้นจะออกอวบอั๋นมากกว่า
และกว้างกว่า Ciaz (1,730 มม.) อยู่ที่ 1,760 มม.อยู่ 3 ซม. เส้นแนวหลังคาพบว่า ออกแนวโค้งพอๆ กัน
ทำให้ทราบว่า เนื้อที่ head room อาจจะพอเปรียบเทียบกันได้ สำหรับ knee room / leg room เชื่อว่า
ยังไงๆ Sylphy ก็น่าจะทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว ดังนั้น Ciaz อาจจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Almera กับ Sylphy ชัดเจน
"อย่างไรก็ดี Ciaz อาจเหมาะกับคนที่อยากได้ความสบายระดับ C segment แบบสบายกระเป๋า"
แล้วก็มาถึงคู่สำคัญ ระหว่าง City กับ Ciaz ที่มีหลายฝ่ายจับมาเทียบกัน
Honda City ยาว 4,440 หรือสั้นกว่า Ciaz 5 ซม. ส่วนฐานล้อ City 2,600 มม. สั้นกว่าของ Ciaz 2,650 มม.เช่นกัน
จะเห็นได้ว่า ตรงหลังคาด้านหลัง Ciaz น่าจะมี head room เหนือกว่า ซึ่งเดิมของ City ก็สบายกว่า Vios หรือ
Almera มากอยู่แล้ว ส่วนความยาวโดยรวม ในรูป City ถ่ายมาแบบหน้าหลบหลังหลบมากไปหน่อย ถ้าใช้เลนส์ไวด์
จะดูสูสีกับ Ciaz มากกว่านี้ คืออยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่ถ้าดูผ่านๆ Ciaz จะดูเพรียวยาวกว่า ในขณะที่ City จะมีหลัง
คาเป็นทรงหลังเต่าไปหน่อย
ไฟท้ายทรงเหมือนกันมาก แต่คาดว่า พัฒนามาพร้อมๆ กัน เพราะ Suzuki ได้เปิดตัวรถต้นแบบไปตั้งแต่แรก ส่วน
City ในช่วงนั้น ก็น่าจะกำลังซุ้มออกแบบอยู่ แต่ออกมาบังเอิญเหมือนหรือคล้ายกัน แต่สังเกตุดูของ Ciaz จะมีไฟ
ขนาดใหญ่กว่า แต่จบกรอบสวยกว่า ในขณะที่ของ City มีรอยหยักมากไป และดูเหมือนจะยาวมากเกินไป
สรุป Ciaz เป็นรถคันใหญ่ มีการออกแบบเหมือนเป็นญาติกับ Kizashi เป็นรถซีดานที่เน้นหรูแต่ผสมความโฉบเฉี่ยว
เน้นที่นั่งตอนหลัง และเน้น head room มี leg room ที่น่าจะดีเป็นอันดับต้นๆ เมื่อขายเป็น eco car ในบ้านเรา
ต้องประกบเข้ากับเครื่องยนต์ของ Swift เดิม หรืออาจจะมีอะไรที่ปรับจูนมาดีกว่านั้นก็ยังไม่ทราบได้ เพราะ Swift
minor change ในญี่ปุ่นได้เทคโนโลยี Dual Jet Engine ทำให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก ก็ยังไม่รู้ว่า Suzuki ไทย
จะได้มาใช้ตอนไหน
เครื่องยนต์ดีเซลคงยังไม่มี แต่อนาคตอยากให้มีใครกล้าทำสักค่าย
ถ้าจับคู่กับเครื่องยนต์เดิมเกียร์เดิม น่าจับตากลวิธีในการลดน้ำหนักของรถ หรือ Suzuki อาจจะให้เหล็กที่มีน้ำหนัก
เบาแต่มีความแข็งแกร่งสูงก็ได้ หรือ อาจจะลดชิ้นส่วนเหล็กบางอย่างลงก็เป็นได้ แต่คงไม่ใช่ทำตัวถังเหล็กบาง อันนั้น
มโนกันไปใหญ่ละ เหล็กจะบางหรือหนาแค่ไหน มีสเป็คเดียวทั่วโลก เพราะมันเปลืองทุนที่จะต้องมาผลิตหลายๆ สเป็ค
แต่ถ้าลดชิ้นส่วนเหล็กล่ะก็เป็นไปได้
ถ้าอืด ก็ไม่น่าจะเกิน eco car ตัวถังใหญ่ๆ รุ่นอื่นๆ ในตลาดตอนนี้มากนะ
โอ้วโน้ว!! ลืม Attrage ไปเสียสนิท นี่ก็เป็นคู่แข่งสำคัญที่น่าเปรียบเทียบเช่นกัน
ด้วยขนาด กxยxส = 1670x4245x1515
ส่วน Ciaz = 1730x4490x1485 หรือ 1730(+30)x4490(+245)x1515(-30)
ฐานล้อ Attrage สั้นกว่า 10 ซม.
เมื่อเทียบกันแล้ว Ciaz ทำให้ Attrage ดูเป็นรถทรงการ์ตูนป้อมๆ อย่างที่เห็น เพราะมีความยาวต่างกันถึง
24.5 ซม. ส่วนหลังคา Attrage ได้เปรียบอยู่ 3 ซม. แต่หลังคาก็ลาดลงเร็วเนื่องจากเป็นรถสั้นกว่า
เมื่อ Ciaz เปิดตัว อาจเจอการรับน้องลดราคาเป็นแสน แบบที่ Mirage รับน้อง Celerio เช่นกัน แต่ดูๆ ไปก็เหมือน
เป็นรถคนล่ะ segment กันอย่างชัดเจน แม้ว่าจะขายอยู่ในตลาด eco car เดียวกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขับ eco car ใครๆ ก็คงมองว่าขับ eco car คงไม่ได้แบ่งแยกว่า รุ่นไหนดูดีกว่า หรูกว่า อาจจะมีบ้างแต่น้อย
มีที่เจอเยอะก็เหยียดๆ กันพอสมควร แต่เอาล่ะครับ งานนี้ Suzuki ไม่สนใจ ขอเล่นตลาด eco ให้เต็มที่ แม้ว่าหนังหน้าของ
เจ้า Ciaz จะเป็นรถระดับ 1500, 1600 ขึ้นไปก็ตามที
คนที่ชอบรถที่ดูคุ้มค่าคงดีใจ แต่อย่าลืมว่า ยังมี part หลายๆ ตัวของ Swift ที่มีปัญหากวนใจ และผมยังไม่ได้ยิน
ข่าวว่ามีการแก้ไขแล้ว แม้จะไม่ใช่ตัว part ที่ชี้เป็นชี้ตายถึงกับทำให้รถเจ๊ง แต่ก็ทำให้หลายๆ คนเอือมกับศูนย์บริการ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมาจากปัญหา drawing ยังไม่ได้รับการแก้ไข วิศวกรในโรงงานต้องให้ designer แก้ไขแบบ แล้วส่งมาให้
supplier ผลิตตัวที่แก้ไขแล้ว แบบนั้นศูนย์ถึงจะมี part ที่แก้แล้วมาเปลี่ยนให้ได้ อะไรที่แก้ไม่จบ ผมมองว่า เป็นที่ drawing
ไม่ใช่เป็นเพราะศูนย์ ส่วนเรื่องที่บริการไม่ดี อันนั้นเป็นที่ศูนย์
เมื่อมีปัญหาเช่นนี้แล้ว ประกอบกับการที่คุณไม่ใช่รถตลาด คุณก็ต้องตั้งใจผลิตให้มีคุณภาพมากยิ่งๆ ขึ้น
และตั้งราคามาในระดับที่ถูกพอสมควร เพราะไหนจะเป็นรถไม่ตลาด ซ่อมบำรุงไม่ง่าย ราคาขายต่อไม่ดี แถมการบริการ
อาจจะยังครึ่งๆ กลางๆ part ไม่แพร่หลาย และคุณภาพของ part ที่ยังไม่น่าไว้ใจ ยังไงๆ Suzuki เพิ่งมาทำตลาด
ในไทย ก็ควรคงราคาให้ต่ำเข้าไว้ และผมยังหวังว่า Celerio จะถูกลงกว่านี้
เมื่อนั้น Suzuki จะโด่งดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ ณ ตอนนี้ คุณยังมี Mitsubishi เป็นเสี้ยนหนามอยู่ ทำไมเค้าขายของ
ได้ถูกขนาดนั้น ต้องรอดูว่า Ciaz จะโค้น Attrage ได้หรือไม่ เพราะนั่นเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน ///////////////
Suzuki Ciaz การกลับมาเกิดใหม่ของ Suzuki Kizashi หลังจากการตายอย่างเอน็ดอนาจในดินแดนมะกัน
ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่เป็นรุ่นที่ Suzuki ทุ่มเทแรงกายแรงใจเป็นอย่างมาก ทั้งด้านดีไซน์ ภายนอก ภายใน และสมรรถนะ
เพื่อให้ตัวเองมีรถเก๋งขายได้จริงๆ จังๆ สักรุ่น แต่เนื่องจากปัญหาต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจและตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ Suzuki Kizashi
ไม่สามารถคงอยู่ได้อีกต่อไป
แม้ Suzuki จะเลิกล้มและออกมาจากตลาดในสหรัฐ แต่ตัวเองก็ยังคงทำรถเล็กขายดีอยู่ในตลาดโลกต่อไป ทั้งในญี่ปุ่นและอินเดีย
ซึ่งมียอดขายดีเป็นกอบเป็นกำ แต่ Suzuki ก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องมีรถเก๋งขายให้ได้ รถเก๋งที่เป็นรถเก๋งจริงๆ หาใช่ Swift ต่อตูด หรือ
SX-4 ต่อตูด นั่นก็คือการย้อนกลับไปหาความคิดริเริ่มที่จะทำ Kizashi ในคราวนั้นนั่นเอง
แต่ครั่นจะปลุกผี Kizashi ออกมา คงไม่สามารถทำได้ แม้จะมี know-how ในการทำรถใหญ่บ้างแล้วก็ตาม คราวนี้ในการบุกตลาดโลก
จำเป็นต้องดูกระแสหลักในตลาดกำลังพัฒนาอย่างอินเดียและจีนซึ่ง รถยนต์ในระดับ B segment มีอนาคตมากกว่า แล้วอีกอย่างก็ยัง
ประหยัดค่าพัฒนาได้มากกว่า เมื่อมองไปที่ Toyota หรือ Honda และกลุ่มรถเกาหลี ที่มีรถแฮชแบ็กกับซีดานใช้พื้นฐานร่วมกันเต็มไป
หมด แต่ต้องไม่ใช่รุ่นเดียวกัน และทำตลาดในชื่อที่ต่างกัน
อย่างไรก็ดี Suzuki ดูเหมือนจะยังเอา DNA ของ Kizashi กลับมารวมกับรถ B segment รุ่นใหม่ของตน แถมยังมีความคิดที่จะขยาย
ขนาดให้ใหญ่ยิ่งกว่าใคร ตรงข้ามกับสไตล์ของบริษัทที่เน้นแต่ทำรถเล็กๆ นับว่าเป็นความคิดที่ตรงกันข้ามกันไม่น้อย แต่เมื่อมอง trend
และ Nissan ก็เริ่มทำไปแล้ว กับการทำ Almera ออกมา บนพื้นฐาน March ซึ่งถือว่าเป็นรถที่ทำตลาดค่อนข้างใช้ได้ในหลายๆ ประเทศ
แม้ว่าในบางประเทศจะขายไม่ค่อยดีก็ตาม แต่นับว่า Almera เป็นรถที่มีจุดขายชัดเจนมากๆ หนึ่งรุ่น
เมื่อบวกเข้าด้วยกัน Suzuki สามารถทำรถซีดานออกมาหนึ่งรุ่น ที่สามารถใช้บุคลิคของรถใหญ่ที่หรูหรา แต่ดูปราดเปรียวไม่ต่างจาก
Swift สามารถเน้นภายในที่กว้างขวางเพราะยืดฐานล้อของ Swift ออกไปเลย ให้เหนือกว่าคู่แข่ง เพราะรถระดับหรูต้องมีพื้นที่ภายใน
ที่กว้างขวางนั่งสบาย ตรงกันข้ามกับ Swift ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ดีนักที่ด้านหลังคับแคบเกินไป
Suzuki ตั้งใจดีไซน์ตัวรถให้ออกมาเร้าใจด้วย ดังที่เห็นจากรถต้นแบบก่อนขายจริงร่วมปีกว่า แล้วก็ใช้ตัวถังเดิมๆ นี่เองมาเป็นรถต้นแบบ
ซึ่งผลตอบรับก็ออกมาดีไม่น้อย แม้ว่ารุ่นผลิตจริงจะต้องลดโทนลงไปบ้าง โดยเฉพาะในตลาด อินเดียและอาเซียน แต่ในส่วนของ
ตลาดจีนที่จะขายในชื่อ Alivio นั้น ยังคงพยายามยึดการตกแต่งให้เหมือนกับตอนเป็นรถต้นแบบอย่างเหนียวแน่น เพราะการแข่งขัน
ในตลาดจีนสูงมาก
เมื่อเปรียบเทียบดูจะเห็นได้ว่า มีหลายอย่างที่นำมาประยุกษ์ใช้จาก Kizashi เป็นความพยายามในการใช้ know how จากรุ่น
เดิม แต่ก็เพิ่มเติมดีไซน์ของรถรุ่นอื่นๆ ในยุคปัจจุบันเข้าไปด้วย แต่ก็ยังคงพอสืบได้ โดยเฉพาะในรูปที่ซ้อนกันสัดส่วนด้านข้าง
ของทั้งคู่เป็นรูปแบบเดียวกัน ทั้งเส้นสาย ทรงกรอบประตู และการจัดวางรายละเอียด ล้วนเป็นแบบที่คล้ายกันมาก
เหมือนเป็นญาติพี่น้องตามกันมา และในส่วนของใบหน้า Ciaz ก็ดูจะเป็นเหมือน Kizashi ที่ ถูก big minor change มา
โดยไฟหน้าถูกเกลาใหม่ให้คมคายขึ้น ช่องดักลมหน้าถูกขยายใหญ่ ตามสไตล์ที่ Suzuki ชอบทำเวลา minor change
แต่ยังมีกลิ่นอายของ Suzuki Swift sport รวมอยู่ด้วยตรงรูปทรงของไฟตัดหมอก และขอบกระจังหน้า
สำหรับภายใน ยิ่งเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียง การใช้โทนสี ทรงของพวงมาลัย แผงหน้าปัดและแม้กระทั่งช่องเก็บของ
ใต้ช่องแอร์ที่ดูชัดเจนมากๆ ยิ่งตรงพวงมาลัย แม้จะเป็นการไมเนอร์ พวงมาลัยของ Swift มาใช้ แต่เห็นได้ชัดว่า ต้องการทำให้
เป็นทรงแบบเดียวกับ Kizashi ถือว่าเป็นความเคยชิน หรือเป็นความคุ้นเคยของดีไซเนอร์กันแน่ ซึ่งก็อยากจะคาดหวังว่า การขับขี่
จะทำให้เกิดความรู้สึกสบายๆ แบบรุ่นใหญ่ได้จริงๆ
ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกัน เมื่อหลายๆ คนถูกใจมากๆ เมื่อแรกเห็น แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่านี่เป็นการ design ที่ out of date ไป
เล็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการนำ design cue ของ Kizashi มาประยุกษ์ใช้ต่อก็อาจจะเป็นไปได้ และนอกจากนั้น
แล้ว ยังพกเอาอารมณ์รถ D segment มาใส่ในรถระดับเล็กซึ่งเป็นตลาดของผู้บริโภคอายุน้อยด้วยแล้ว ย่อมรู้สึกถึงความนุ่มนวล
มากเกินไป
ขนาดตัวของ Ciaz มีความน่าประทับใจ มีความยาวตั้ง 4,490 มม. ความกว้างก็ตั้ง 1,730 มม. มากกว่า
รถ B segment ญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานความกว้างที่ 1,695 ซม. ส่วนส่วนสูง 1,485 มม. ไม่เน้นสูงมากเป็นที่น่าพอใจ
ที่กดเพดานให้ต่ำกว่า City กับ Almera ได้หลายเซน เพราะจะทำให้รถดูลู่ลมเป็นพิเศษ ถ้ายังสามารถทำให้
headroom ยังนั่งได้สบาย ส่วนฐานล้อก็ยาวตั้ง 2,650 ซึ่งยาวกว่า Altis รุ่นที่แล้ว 50 มม.เลยทีเดียว
ความยาวที่น่าประทับใจ 4,490 มม. เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
เมื่อเทียบกับ Vios ซึ่งมีความยาวอยู่ที่ 4,410 และมีฐานล้อที่ 2,550
จะเห็นได้ว่าห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว่าชัดเจน ส่วนภายนอก อาจจะไม่ได้ดูต่างกันขนาดในภาพ
เพราะภาพ Vios ไม่ได้ใช้เลนส์ไวด์ (ถ้าผมเข้าใจศัพท์ทางกล้องถูกนะครับ) ทำให้ด้านหน้าด้านหลังของ
Vios มีการหลบภาพจนดูเหมือนสั้นลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวจริงจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Ciaz
มีความใหญ่กว่า
เทียบกับ Almera แชมป์เก่าในด้านความใหญ่ของ segment นี้
กรุณาอย่ามองเฉพาะปลายรถหน้าหลัง เพราะภาพเป็นภาพแล้วหน้าหลังหลบอีกแล้ว
Almera ยาว 4,425 มม. ดังนั้นจึงสั้นกว่า Ciaz 6.5 ซม. ถ้าเปรียบเทียบกัน ชัดเจนว่า
Almera นั้นหลังคาสูงป้อมกว่า Ciaz เล็กน้อย แต่ประเด็นมันอยู่ที่พื้นที่ศรีษะด้านหลัง ซึ่งมีแนวโน้มว่า
Ciaz จะขยายความยาวหลังคาให้ยืดยาวกว่า ไม่ใช่ทรงหลังเต่าแบบ Almera จึงเข้าใจว่า Suzuki คงทำการ
บ้านเรื่อง head room มาเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ฐานล้อยาวกว่า Almera (2,600 มม.) ถึง 5 ซม. ถ้าบริหาร
จัดการดีๆ Ciaz อาจเป็นรถที่มี knee room/leg room มากมายไม่แพ้รถ C/D segment ได้ไม่ยาก
เทียบข้ามรุ่นกับ Sylphy
Sylphy ยาว 4,615 ฐานล้อ 2,700 เท่ากับ Ciaz สั้นกว่า 2.5 ซม. ฐานล้อสั้นกว่า 5 ซม.
เมื่อมองจากภาพนั้นน่าสนใจมาก เพราะขนาดดูใกล้เคียงกันจริงๆ แต่ Sylphy นั้นจะออกอวบอั๋นมากกว่า
และกว้างกว่า Ciaz (1,730 มม.) อยู่ที่ 1,760 มม.อยู่ 3 ซม. เส้นแนวหลังคาพบว่า ออกแนวโค้งพอๆ กัน
ทำให้ทราบว่า เนื้อที่ head room อาจจะพอเปรียบเทียบกันได้ สำหรับ knee room / leg room เชื่อว่า
ยังไงๆ Sylphy ก็น่าจะทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว ดังนั้น Ciaz อาจจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Almera กับ Sylphy ชัดเจน
"อย่างไรก็ดี Ciaz อาจเหมาะกับคนที่อยากได้ความสบายระดับ C segment แบบสบายกระเป๋า"
แล้วก็มาถึงคู่สำคัญ ระหว่าง City กับ Ciaz ที่มีหลายฝ่ายจับมาเทียบกัน
Honda City ยาว 4,440 หรือสั้นกว่า Ciaz 5 ซม. ส่วนฐานล้อ City 2,600 มม. สั้นกว่าของ Ciaz 2,650 มม.เช่นกัน
จะเห็นได้ว่า ตรงหลังคาด้านหลัง Ciaz น่าจะมี head room เหนือกว่า ซึ่งเดิมของ City ก็สบายกว่า Vios หรือ
Almera มากอยู่แล้ว ส่วนความยาวโดยรวม ในรูป City ถ่ายมาแบบหน้าหลบหลังหลบมากไปหน่อย ถ้าใช้เลนส์ไวด์
จะดูสูสีกับ Ciaz มากกว่านี้ คืออยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่ถ้าดูผ่านๆ Ciaz จะดูเพรียวยาวกว่า ในขณะที่ City จะมีหลัง
คาเป็นทรงหลังเต่าไปหน่อย
ไฟท้ายทรงเหมือนกันมาก แต่คาดว่า พัฒนามาพร้อมๆ กัน เพราะ Suzuki ได้เปิดตัวรถต้นแบบไปตั้งแต่แรก ส่วน
City ในช่วงนั้น ก็น่าจะกำลังซุ้มออกแบบอยู่ แต่ออกมาบังเอิญเหมือนหรือคล้ายกัน แต่สังเกตุดูของ Ciaz จะมีไฟ
ขนาดใหญ่กว่า แต่จบกรอบสวยกว่า ในขณะที่ของ City มีรอยหยักมากไป และดูเหมือนจะยาวมากเกินไป
สรุป Ciaz เป็นรถคันใหญ่ มีการออกแบบเหมือนเป็นญาติกับ Kizashi เป็นรถซีดานที่เน้นหรูแต่ผสมความโฉบเฉี่ยว
เน้นที่นั่งตอนหลัง และเน้น head room มี leg room ที่น่าจะดีเป็นอันดับต้นๆ เมื่อขายเป็น eco car ในบ้านเรา
ต้องประกบเข้ากับเครื่องยนต์ของ Swift เดิม หรืออาจจะมีอะไรที่ปรับจูนมาดีกว่านั้นก็ยังไม่ทราบได้ เพราะ Swift
minor change ในญี่ปุ่นได้เทคโนโลยี Dual Jet Engine ทำให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก ก็ยังไม่รู้ว่า Suzuki ไทย
จะได้มาใช้ตอนไหน
เครื่องยนต์ดีเซลคงยังไม่มี แต่อนาคตอยากให้มีใครกล้าทำสักค่าย
ถ้าจับคู่กับเครื่องยนต์เดิมเกียร์เดิม น่าจับตากลวิธีในการลดน้ำหนักของรถ หรือ Suzuki อาจจะให้เหล็กที่มีน้ำหนัก
เบาแต่มีความแข็งแกร่งสูงก็ได้ หรือ อาจจะลดชิ้นส่วนเหล็กบางอย่างลงก็เป็นได้ แต่คงไม่ใช่ทำตัวถังเหล็กบาง อันนั้น
มโนกันไปใหญ่ละ เหล็กจะบางหรือหนาแค่ไหน มีสเป็คเดียวทั่วโลก เพราะมันเปลืองทุนที่จะต้องมาผลิตหลายๆ สเป็ค
แต่ถ้าลดชิ้นส่วนเหล็กล่ะก็เป็นไปได้
ถ้าอืด ก็ไม่น่าจะเกิน eco car ตัวถังใหญ่ๆ รุ่นอื่นๆ ในตลาดตอนนี้มากนะ
โอ้วโน้ว!! ลืม Attrage ไปเสียสนิท นี่ก็เป็นคู่แข่งสำคัญที่น่าเปรียบเทียบเช่นกัน
ด้วยขนาด กxยxส = 1670x4245x1515
ส่วน Ciaz = 1730x4490x1485 หรือ 1730(+30)x4490(+245)x1515(-30)
ฐานล้อ Attrage สั้นกว่า 10 ซม.
เมื่อเทียบกันแล้ว Ciaz ทำให้ Attrage ดูเป็นรถทรงการ์ตูนป้อมๆ อย่างที่เห็น เพราะมีความยาวต่างกันถึง
24.5 ซม. ส่วนหลังคา Attrage ได้เปรียบอยู่ 3 ซม. แต่หลังคาก็ลาดลงเร็วเนื่องจากเป็นรถสั้นกว่า
เมื่อ Ciaz เปิดตัว อาจเจอการรับน้องลดราคาเป็นแสน แบบที่ Mirage รับน้อง Celerio เช่นกัน แต่ดูๆ ไปก็เหมือน
เป็นรถคนล่ะ segment กันอย่างชัดเจน แม้ว่าจะขายอยู่ในตลาด eco car เดียวกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขับ eco car ใครๆ ก็คงมองว่าขับ eco car คงไม่ได้แบ่งแยกว่า รุ่นไหนดูดีกว่า หรูกว่า อาจจะมีบ้างแต่น้อย
มีที่เจอเยอะก็เหยียดๆ กันพอสมควร แต่เอาล่ะครับ งานนี้ Suzuki ไม่สนใจ ขอเล่นตลาด eco ให้เต็มที่ แม้ว่าหนังหน้าของ
เจ้า Ciaz จะเป็นรถระดับ 1500, 1600 ขึ้นไปก็ตามที
คนที่ชอบรถที่ดูคุ้มค่าคงดีใจ แต่อย่าลืมว่า ยังมี part หลายๆ ตัวของ Swift ที่มีปัญหากวนใจ และผมยังไม่ได้ยิน
ข่าวว่ามีการแก้ไขแล้ว แม้จะไม่ใช่ตัว part ที่ชี้เป็นชี้ตายถึงกับทำให้รถเจ๊ง แต่ก็ทำให้หลายๆ คนเอือมกับศูนย์บริการ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมาจากปัญหา drawing ยังไม่ได้รับการแก้ไข วิศวกรในโรงงานต้องให้ designer แก้ไขแบบ แล้วส่งมาให้
supplier ผลิตตัวที่แก้ไขแล้ว แบบนั้นศูนย์ถึงจะมี part ที่แก้แล้วมาเปลี่ยนให้ได้ อะไรที่แก้ไม่จบ ผมมองว่า เป็นที่ drawing
ไม่ใช่เป็นเพราะศูนย์ ส่วนเรื่องที่บริการไม่ดี อันนั้นเป็นที่ศูนย์
เมื่อมีปัญหาเช่นนี้แล้ว ประกอบกับการที่คุณไม่ใช่รถตลาด คุณก็ต้องตั้งใจผลิตให้มีคุณภาพมากยิ่งๆ ขึ้น
และตั้งราคามาในระดับที่ถูกพอสมควร เพราะไหนจะเป็นรถไม่ตลาด ซ่อมบำรุงไม่ง่าย ราคาขายต่อไม่ดี แถมการบริการ
อาจจะยังครึ่งๆ กลางๆ part ไม่แพร่หลาย และคุณภาพของ part ที่ยังไม่น่าไว้ใจ ยังไงๆ Suzuki เพิ่งมาทำตลาด
ในไทย ก็ควรคงราคาให้ต่ำเข้าไว้ และผมยังหวังว่า Celerio จะถูกลงกว่านี้
เมื่อนั้น Suzuki จะโด่งดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ ณ ตอนนี้ คุณยังมี Mitsubishi เป็นเสี้ยนหนามอยู่ ทำไมเค้าขายของ
ได้ถูกขนาดนั้น ต้องรอดูว่า Ciaz จะโค้น Attrage ได้หรือไม่ เพราะนั่นเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน ///////////////