แมนยูทำสิ่งที่คลุ้มคลั่งมากในสายตาแฟนบอลทั่วทั้งโลก การได้ตัวดิมาเรียมาเรียกว่าช๊อคแฟนบอลแล้ว แต่การได้ตัวพญาสิงโต ราดาเมล ฟานกัล มามันทำให้ช๊อคยิ่งกว่า นี่มันต่างจากแมนยูที่ผมรู้จักอย่างสิ้นเชิง นี่คือแมนยูยุคใหม่ ยุคแห่ง หลุยส์ ฟาน กาล ภายใต้ปรัชญาของเขา เขาต้องการนัดเตะที่ชาญฉลาดในการเล่น มีความเข้าใจเกมส์สูง แต่นักเตะแมนยูที่เขารับสืบทอดมาแตกต่างออกไป นักเตะของเซอร์อเล็กซ์ เล่นด้วยใจสู้ ด้วยสัญชาตญาณและความมุ่งมั่น ภายใต้การกระตุ้นของเซอร์อเล็กส์ เขาผลักดันไปได้ แต่เมื่อเปลี่ยนโค๊ช ความรู้สึกของนักเตะที่มีต่อโค๊ชก็เปลี่ยน จากเดิมที่เล่นกันแบบรวดเร็ว เตะบอลไปเถอะเพื่อนเดี๋ยวเพื่อนก็วิ่งไปเอามาจนได้ วิ่งกันทั้งเกมส์ (วิ่ง สู้ ฟัด สไตล์อังกฤษ) กลายเป็นเพื่อนไม่วิ่งซะแล้ว เหมือนกับการเร่งม้าให้วิ่งโดยไม่มีแส้ ดังนั้นเมื่อหลุยส์มา เขารู้ดี เขาจึงประกาศตั่งแต่เริ่มว่าต้องการนักเตะที่เล่นตามปรัชญาเขาได้ เขายํ้าว่าเขาสอนนักเตะให้ใช้สมองในการเล่นไม่ได้สอนใช้ขาเล่นอย่างเดียว ดังนั้นการทดลองจึงเริ่มขึ้นเพื่อหาคนที่ใช่
เวลาผ่านไป 4 เกมส์ หลุยส์ไม่ต้องอธิบาย หลุยส์ไม่ต้องชี้ แฟนบอลทั้งโลกต่างเห็นและชี้นิ้วแทนเขาได้ว่าว่านักเตะคนไหนควรเปลี่ยน บอร์ดแมนยูก็ดูบอลเป็นก็ต้องวิ่งพล่านในการหาตัวนักเตะใหม่ พวกเขารู้ดีว่าฐานแฟนบอลที่มีทั่วโลกมากมายมหาศาลที่มันควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมันอาจลดลงได้เรื่อยๆเช่นกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งของพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง มันหมายถึงรายได้มากมายที่จะเริ่มหดหายไป
แฟนแมนยูทั้งหลายจึงเริ่มยิ้ม นักเตะระดับเวิลล์คลาสไหลเข้ามาสู่ทีมยังกับนํ้าก๊อกตอนเปิดปั๊มนํ้า คะแนนที่เสียไปในสามเกมส์แรกเริ่มกลายเป็นเรื่องเล็ก แฟนบอลทุกคนมองเห็นอนาคตที่สดใสรออยู่ ถ้าไม่อคติเกินไปต้องยอมรับว่า หลุยส์ ฟาน กาล คือยอดโค๊ชคนนึงของโลก ในเมื่อโค๊ชใช่ นักเตะใช่ แชมป์มันก็มีความเป็นไปได้สูง
เม็ดเงินที่ลงทุนไปมหาศาลในปีเดียวดูน่าตกใจและน่าคิดว่าจะคุ้มหรือไม่ ในแง่ธุรกิจบอร์แมนยูรู้ว่าคุ้มแน่นอน สตาร์จะสร้างฐานแฟนบอลให้กว้างขึ้น สินค้าต่างๆที่ต้องการเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนทีม ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากรายได้จากการแข่งขันแล้วภาพลักษณ์ทีมมันขายได้ด้วย ตัวอย่างคือ รีล มาดริด พวกเขาขยายฐานแฟนบอลออกไปได้มากกว่าแต่ก่อนเพราะนโยบายดึงสตาร์เข้ามารวมอยู่ในทีมเดียวกัน ซีดานเคยพูดว่า เดวิด เบคแฮม ไม่จำเป็นเลยสำหรับมาดริดในตอนนั้น (ซีดานเปรียบเทียบว่าแบคแฮมเหมือนรถสปอต์ซึ่งมาดริดได้มาก็แค่ทำให้ดูหรูขึ้น) แต่เดวิด เบคแฮมสามารถขยายฐานแฟนบอลมาดริดไปได้ทั้วโลกจากภาพลักษณ์ของเขา มาดริดคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
จากนึ้ไปเราจะเห็นการเล่นของแมนยูยุคใหม่ ยุคแห่งสตาร์และแชมเปี้ยน ขอแค่รออีกนิด แฟนแมนยูเก่าๆจะบอกว่าแค่นี้สบายมาก แต่ก่อนรอกันยาวๆ อย่างลืมว่าแม้แต่ในยุคของเซอร์อเล็กส์เองยังเคยไม่ได้แชมป์สามปีติดมาแล้ว
" ยามเมื่อ ยัง ชิชา เวลเบค เคลฟ เฟลท อีแว่น แบรกเกต สมอลิ่ง ไม่ได้ลงบ่อยเกินไป "
" แมนยูที่ยิ่งใหญ่จะกลับคืนมา "
แมนยู ยุคใหม่ ศักราชแห่งหลุยส์ ฟาน กาล
เวลาผ่านไป 4 เกมส์ หลุยส์ไม่ต้องอธิบาย หลุยส์ไม่ต้องชี้ แฟนบอลทั้งโลกต่างเห็นและชี้นิ้วแทนเขาได้ว่าว่านักเตะคนไหนควรเปลี่ยน บอร์ดแมนยูก็ดูบอลเป็นก็ต้องวิ่งพล่านในการหาตัวนักเตะใหม่ พวกเขารู้ดีว่าฐานแฟนบอลที่มีทั่วโลกมากมายมหาศาลที่มันควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมันอาจลดลงได้เรื่อยๆเช่นกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งของพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง มันหมายถึงรายได้มากมายที่จะเริ่มหดหายไป
แฟนแมนยูทั้งหลายจึงเริ่มยิ้ม นักเตะระดับเวิลล์คลาสไหลเข้ามาสู่ทีมยังกับนํ้าก๊อกตอนเปิดปั๊มนํ้า คะแนนที่เสียไปในสามเกมส์แรกเริ่มกลายเป็นเรื่องเล็ก แฟนบอลทุกคนมองเห็นอนาคตที่สดใสรออยู่ ถ้าไม่อคติเกินไปต้องยอมรับว่า หลุยส์ ฟาน กาล คือยอดโค๊ชคนนึงของโลก ในเมื่อโค๊ชใช่ นักเตะใช่ แชมป์มันก็มีความเป็นไปได้สูง
เม็ดเงินที่ลงทุนไปมหาศาลในปีเดียวดูน่าตกใจและน่าคิดว่าจะคุ้มหรือไม่ ในแง่ธุรกิจบอร์แมนยูรู้ว่าคุ้มแน่นอน สตาร์จะสร้างฐานแฟนบอลให้กว้างขึ้น สินค้าต่างๆที่ต้องการเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนทีม ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากรายได้จากการแข่งขันแล้วภาพลักษณ์ทีมมันขายได้ด้วย ตัวอย่างคือ รีล มาดริด พวกเขาขยายฐานแฟนบอลออกไปได้มากกว่าแต่ก่อนเพราะนโยบายดึงสตาร์เข้ามารวมอยู่ในทีมเดียวกัน ซีดานเคยพูดว่า เดวิด เบคแฮม ไม่จำเป็นเลยสำหรับมาดริดในตอนนั้น (ซีดานเปรียบเทียบว่าแบคแฮมเหมือนรถสปอต์ซึ่งมาดริดได้มาก็แค่ทำให้ดูหรูขึ้น) แต่เดวิด เบคแฮมสามารถขยายฐานแฟนบอลมาดริดไปได้ทั้วโลกจากภาพลักษณ์ของเขา มาดริดคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
จากนึ้ไปเราจะเห็นการเล่นของแมนยูยุคใหม่ ยุคแห่งสตาร์และแชมเปี้ยน ขอแค่รออีกนิด แฟนแมนยูเก่าๆจะบอกว่าแค่นี้สบายมาก แต่ก่อนรอกันยาวๆ อย่างลืมว่าแม้แต่ในยุคของเซอร์อเล็กส์เองยังเคยไม่ได้แชมป์สามปีติดมาแล้ว
" ยามเมื่อ ยัง ชิชา เวลเบค เคลฟ เฟลท อีแว่น แบรกเกต สมอลิ่ง ไม่ได้ลงบ่อยเกินไป "
" แมนยูที่ยิ่งใหญ่จะกลับคืนมา "