คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6

พาราเบลลั่ม
ในประวัติศาสตร์อาวุธปืนของทุกชาติ มีบันทึกรับรองเห็นพร้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า ปืนพาราเบลลั่มเป็นปืนสั้นชั้นเอก เป็นปืนแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีปืนใดๆในทุกสมัยที่ผ่านมา จะมีความแม่นยำ สวยงาม ประณีตในหลักการสร้าง เรียบร้อยหมดจด คงทนถาวรสูงเทียบเท่า
ฮูโก บอร์ชาร์ดท์ (Hugo Borchardt)
ผู้ต้นคิดประดิษฐ์แบบเป็นชาวอเมริกันผู้มีความชำนาญและมีฝีมือในการออกแบบชั้นสูงอย่างแท้จริง เขาถือกำเนิดมีชีวิตขึ้นมาในประเทศอเมริกา ในสมัยที่การกระทำอันเป็นคุณธรรมความดีไม่มีผู้ใดจะสนใจ ที่ดุจดังสมัยซึ่งเราท่านได้กำลังประสบกันในทุกวันนี้ ฮูโกเป็นบุรุษผู้เพียบพร้อมด้วยความอดทน เป็นผู้ต่อสู้อันแข็งแกร่ง เขายิ้มเสมอในขณะซึ่งเขากำลังยืนหยัดต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคและชะตากรรม เขาเข้าใจโลกและทราบซึ้งดีว่า “น้ำตาไม่มีประโยชน์” เขาคือบุคคลที่ยึดหลัก “หัวเราะไว้ทำให้ใจสบาย”
เขาเริ่มค้นชีวิตใหม่ในยุโรป แหละแล้วก็ฝังหลักตั้งรกรากเป็นปึกแผ่นแน่นหนาอยู่ที่นั้นจนชั่วช่วงชีวิตขั้นสุดท้ายในวัยชรา เขาคงยังรักษาสัญชาติ และเชื้อชาติอเมริกากันเสมอ มิได้เปลี่ยนแปลงผันแปรไปแม้แต่น้อย ในดวงใจเขาจากอเมริกาไป แต่มิใช่แบบสร้างอภิสิทธิ์แล้วโกยเงินไว้ไปนอนสบายยังต่างประเทศ
การจากอเมริกาของเขาเนื่องจากความพ่ายแพ้และปราชัยต่อความบีบคั้นบั่นทอนกำลังใจในความเป็นอยู่อันอัตคัดในสหรัฐแน่นอนที่สุด สำหรับ ฮูโก ในขณะนั้นมันยัง “ไม่สายเลยที่จะทำการต่อสู้กับชีวิต เพื่อให้ร่างตนดำรงอยู่อย่างสะดวกสบายต่อไป” เขาเป็นคนตื่นตัวอยู่เสมอ และตระหนักได้ดีทีเดียวว่า “การต่อสู้กับชะตาชีวิตย่อมไม่จำกัดเวลา ไม่มีสาย ไม่มีบ่าย หรือเย็นลับลงจนเกินไป จนหมดสิ้นกำลังใจจะขับเคี่ยว”
อานุภาพแห่งสมองและพลานุภาพแห่งจิตใจของเขาซึ่งแข็งแกร่งอยู่เสมอ คือดาบชัยที่กำมั่นไว้อยู่ในอุ้มมือ เขาใช้มันควงหันฟันฝ่าต่อสู้แผ้วถางกรุยทางเพื่อการย่างก้าวรุดหน้าคืบออกไปจนสามารถครองชัยแห่งชีวิตไว้ในขั้นสุดท้าย ความยาก-มี ดี-ชั่วของเขา ควรจะเป็นตัวอย่างอันดีของเยาวชนไทย
เมื่อเริ่มแรกชีวิต ฮูโกเป็นเพียงหัวหน้าคนงานธรรมดาคนหนึ่งในบริษัทสร้างจักรเย็บผ้า “ซิงเกอร์” ซึ่งท่านสุภาพสตรีส่วนมากรู้จักดีแทบทุกคนในปัจจุบัน และก่อนหน้านั้นเล็กน้อยก็เป็นเพียงช่างออกแบบเครื่องมือในการสร้างตบแต่งปืนจำนวน 5,000 กระบอก ให้แก่บริษัท The Pioneer Breech Loading Arms Co. ซึ่งในขณะนั้นวัยของเขาก็เป็นเพียงผู้เคยผ่านลมหนาวมาได้ 24 คราวเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปเป็นคนงานของมิสเตอร์ E.G. Westcott ซึ่งเป็นประธานและผู้คุมทุนของบริษัท The Sharps Rifle Co. แห่ง Hartford ใน Connecticut. เขายื่นใบสมัครงานกับท่านในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1874 และก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้ตรวจงานทั่วไปของบริษัท เขาเป็นคน “รักงานและฝากชีวิตไว้กับงาน” ยิ่งกว่าผู้ใด ซึ่งเราท่านควรจะศึกษากันต่อไป
เครื่องมือสิ่งแรกที่ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยความปรีชาแห่งสมองของเขาคือ “เครื่องขวั้นรอยบนท้ายกระสุน” (A Bullet Grooving Machine) ซึ่งก็ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนสงวนสิทธิ์ได้ในวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1875
เกียรตินิยมอันยิ่งใหญ่ซึ่งเขาได้ทิ้งไว้ให้แก่โลกในขณะที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนในสหรัฐฯก็คือ เขาได้เป็นคนสำคัญคนหนึ่งในการออกแบบสร้างปืนประจุท้ายซึ่งมีชื่อที่สุดในปี ค.ศ.1876 ปืนนี้มีสมญาอันเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ชาร์พ บอร์ชาร์ดท์” (Sharps-Borchardt)
นอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังมีอีกหลายๆอย่างที่ผลิตขึ้น โดยอาศัยแบบและมันสมองอันเปรื่องปราดของฮูโก ผู้ซึ้งตลอดชั่วชีวิตมิได้มีความนึกคิดที่จะปล่อยปละเวลาให้ล่องลอยสูญสิ้นไป โดยปราศจากประโยชน์ เขาเป็นบุคคลซึ่งเกิดมาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์อย่างแท้จริง เขาเป็นคนชอบ “ทำ-มากกว่าพูด”
ในขณะที่กล่าวถึงนี้ ถึงแม้ความดีและชื่อเสียงของฮูโกจะปรากฏเด่นชัดจรัสแจ้งแล้วก็ตาม โลกก็ยังปล่อยให้เขาเปล่าเปลี่ยวปราศจากความค้ำชูหรือการเหลียวแลสนใจจากผู้ใด
ในสมัยนั้น คุณประโยชน์ความดีอันเด่นยิ่งของปืน “ชาร์พ-บอร์ชาร์ดท์” กำลังสูงโรจน์ระบือลั่นกึกก้องทั่วสหรัฐฯทุกหน ทุกแห่ง “ชาร์พ-บอร์ชาร์ดท์” ได้ประสิทธิ์ประสาทความเป็นระเบียบเรียบร้อยและประทานความสงบสุขแก่ประชาชน แต่อนิจจา น่าสุดอนาถ ฮูโกเองยังหาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของจิตใจได้ไม่ ชะตาชีวิตยังคงคุกคามความเป็นอยู่และยังคงส่งความอัตคัดขาดแคลนให้เขาต้องอดทนรับไว้เรื่อยมาอย่างไม่ปรานีและไม่บรรเทาเบาบาง แต่เขาก็ปราศจากความเศร้าใจประการใด เพราะความฉลาดเข้าใจในชีวิตและอ่านชะตากรรมได้เป็นอย่างดี เขายิ้มสู้เสมอ หัวเราะเสมอ เขาร่าเริงเสมอ ถึงแม้จะตระหนักอย่างแน่ชัดได้ว่า เขาอับโชค ปราชัยยับเยินแล้ว ซึ่งการครองอยู่เพื่อดำรงความรุ่งเรืองให้แก่ชีวิตของตนในอเมริกา เขาคงยิ้ม และยิ้มต่อไป เขายิ้มได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเมื่อภัยมา “บอร์ชาร์ดท์” ยอดนักสู้
สมองของฮูโกสดใส เปรื่องปราด และประหลาดเหลือล้น เขาสามารถใช้มันบันดาลอะไรได้อย่างใจปรารถนา แต่ว่าผลงานที่เขาได้มอบให้แก่โลกไว้ในขณะอาศัยอยู่ในอเมริกามิได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่าแต่ประการใด นี่แหละคือการก่อความดีที่ปราศจากผู้ใดเห็นใจ ฮูโกสิ้นแล้วซึ่งความหวังที่จะก่อตั้งฐานะความเป็นอยู่ให้แน่นแฟ้นเป็นปึกแผ่นแน่นหนาสมดังใจที่จินตนาในสหรัฐอเมริกา เมืองมารดาและบ้านแห่งบิดร บ้านเกิดที่เคยอบอุ่น เมืองนอนซึ่งเคยให้ความชุ่มชื่นแต่ครั้งยังเยาว์วัย เมื่อการณ์ปรากฏเป็นเช่นนี้ และภายหลังที่ได้ทบทวนดูถ่องแท้แน่ชัดแล้ว ฮูโกก็ตัดสินใจก้าวออกไปขอผจญชีวิตในเวทีใหม่ในที่อื่นความปราชัยคือบทเรียนเพื่อเริ่มใหม่ เมื่อชีวิตยังไม่มลายสิ้น ก็ขอดิ้นเพื่อให้ดีขึ้นให้ได้ในภาคหน้า

..
ยอร์จ ลูเกอร์ (George Luger)
กำเนิดในปี ค.ศ. 1849 ที่ Steinach ใน Tirol ณ ประเทศออสเตรีย เคยรับราชการเป็นนายทหารของประเทศนั้นได้เคยคุ้นสนิทกับ แฮร์ มานลิคเคอร์ (Herr Mannlicher) ผู้เป็นนักค้นคว้าคิดประดิษฐ์สร้างและดัดแปลงปรับปรุงอาวุธปืนให้แก่กองทัพของออสเตรียเป็นอย่างดี เขาทั้งสองได้ออกแบบสร้างปืนเล็กยาวแบบกึ่งอัตโนมัตขึ้นได้แบบหนึ่ง เขาได้เลิกอาชีพการเป็นทหารและกระโจนเข้าไปในเวทีค้าอาวุธปืนตลอดไป ซึ่งเขาก็ได้ชื่อเสียงขจรไกลดังใจปรารถนา
ในปีค.ศ. 1891 ยอร์จทำงานกับบริษัท Ludwig Loewe แห่งเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เขาได้ไปเยี่ยมอเมริกาเพื่อเสนอขายปืนเล็กยาว ซึ่งเขาเองได้ปรับปรุงใหม่ขึ้นในนามของบริษัทและก็ดูเหมือนว่าการรู้จักกันครั้งนี้เหมือนมีมนต์ขลังมาดลใจให้ฮูโกเกิดความคิดใหม่ ได้แนวทางใหม่ที่จะใช้เป็นหลักมั่นยืนหยัดผจญเพื่อให้ตนเงยหน้าลืมตาเองให้อยู่บนฐานอันเป็นปึกแผ่นหนาแน่นในอนาคต
เมื่อจากสหรัฐแล้วก็คล้ายกับว่าอนาคตของตนได้หลุดพ้นออกมาสู่แสงอรุณรุ่งสะอาด ฮูโก บอร์ชาร์ดท์ โชคดีได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการของบริษัท Hungarian Arms Company ในประเทศฮังการี แต่ใดๆในโลกไม่เที่ยงแท้แน่นอน ครั้นบริหารงานนี้ไปไม่ได้นาน กลับเกิดกินแหนงแคลงใจกันกับท่านนายพล (General Fejervary) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของฮังการีผู้ยิ่งใหญ่ในวงการอาวุธปืน หรืออาจจะเป็นคราวเคราะห์ร้ายกลายเป็นดีก็เป็นได้ เขาจึงต้องย้ายที่ทำงานใหม่ไปอยู่กับบริษัท Loewe โดยการชักชวนนำพาของยอร์จ ลูเกอร์ ซึ่งตั้งแต่นั้นเขาทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดกาล
ในปี 1894 ลูเกอร์ในนามใหม่อันยิ่งใหญ่ว่า “แฮร์ ลูเกอร์” (Herr Luger) ได้ไปปรากฏกายในอเมริกาอีก เพื่อความมุ่งหมายจะเสนอขายปืนพกโอโตเมติค ซึ่งบริษัทได้สร้างขึ้นใหม่ให้แก่กองทัพเรืออเมริกัน ปืนที่เขานำไปเสนอขายนี้เป็นปืนชั้นดี ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น และก็ปรากฏว่าเป็นปืนที่ดีกว่าปืนใดๆ ในสมัยนั้นด้วย บริษัท Loewe รู้สึกภูมิใจในปืนนี้มาก จึงได้ขนานนามอันเป็นมงคลแก่ปืนไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งทั่วโลกรู้จักกันดีว่า “บอร์ชาร์ดท์” แน่นอนละ ชื่อนี้ต้องมีความหมายสะดุดใจชาวอเมริกันทุกคนอย่างมาก
ปืน “บอร์ชาร์ดท์” มิได้จัดอยู่ในจำพวกปืนพก (Pocket Pistol) ปืนบอร์ชาร์ดท์ จัดเป็นพวกปืนสั้นใช้สำหรับนำติดตัว (Side Arms) บอร์ชาร์ดท์ เป็นเสมือนพี่นางของพาราเบลลั่ม มีผิวพรรณผุดผ่องละมุนละไมคล้ายคลึงกัน หากแต่ความงามน่ารักและน้ำใจอันมั่นคง อันเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจมิได้สูงส่งเท่าเมื่อเปรียบเทียบกัน
ความแพร่หลายของปืนสั้น บอร์ชาร์ดท์ มีมากมายจนต้องจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ทุกประเทศที่สำคัญตลอดไป กว่าการจดทะเบียนจะสิ้นสุดลงได้ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1893ถึง ค.ศ. 1896
ตั้งแต่ ค.ศ. 1893 ตลอดมา ประชาโลกทั้งหลายมีความใคร่อยากได้ครอบครองปืนนี้ทั้งนั้น ในประเทศไทยก็ยังมีปืนแบบนี้อยู่หลายกระบอก ปืนนี้แต่เดิมเคลือบสีดำด้าน (Satin Finish) และไม่นิยมการขัดมันเป็นเงา เป็นปืนลำกล้องขนาด .30 กระสุนที่ใช้กับปืนนี้ได้สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ มีชื่อเรียกว่า กระสุน “7.65 ม.ม. บอร์ชาร์ดท์” กระสุนนี้เป็นกระสุนต้นตระกูลของกระสุนแบบ .30 (7.63 ม.ม.) เมาเซอร์เป็นกระสุนแบบ “คอขวด” มีลักษณะเหมือนกับกระสุนแบบ 7.63 ม.ม. ของปืนพกมานลิคอร์ โมเดล 1896
ปืนบอร์ชาร์ดท์ จะยิงได้ผลดีต้องใช้กระสุนแบบ 7.65 ม.ม บอร์ชาร์ดท์โดยเฉพาะ แต่จะใช้กระสุน .30 (7.63 ม.ม) เมาเซอร์ยิงแทนก็ได้ผลในขั้นพึงพอใจได้เช่นกัน ดังนั้นจึงยอมรับใช้ให้กระสุน 7.63 ม.ม เมาเซอร์ยิงในปืนนี้กันทั่วไป
ปืนนี้ผลิตออกจำหน่ายในตลาดโลกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1893 โดยบริษัท Loewe ซึ่งก็ทำให้บริษันี้ร่ำรวยมหาศาลขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถมีทุนซื้อกิจการของบริษัท Deutsche Metall Patronenfabrik แห่ง Karlsruhe ไว้ได้ในกำมือ และรวมกันเป็นบริษัทใหม่อันมีสมญาว่า The Deutsche Waffen and Manitionsfabriken เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1897 และตั้งแต่นั้นมา ปืนบอร์ชาร์ดท์ก็ได้ตีตราผู้สร้างใหม่ในนาม “ DWM” ซึ่งมีโรงงานสร้างอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ส่วนกระสุนสำหรับปืนก็สร้างขึ้นจากบริษัทเดียวกันนี้ แต่ให้โรงงานซึ่งอยู่ที่ชานเมือง Karlsruhe เป็นแหล่งผลิต
เพื่อการยิงในระยะไกล ปืนบอร์ชาร์ดท์อาศัยการเสริมสะพานท้ายและอาศัยแผ่นรองแก้ม ซึ่งสามารถถอดออกและประกอบเข้าเมื่อเวลาใดก็ได้ ดังนั้นปืนนี้จึงได้จัดอยู่ในจำพวก “คาร์บายน์”
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894 หนังสือพิมพ์อเมริกันนามว่า The Boston Herald ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการทดลองปืน “บอร์ชาร์ดท์” ว่า
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน วันวาน ต่อหน้าคณะกรรมการสรรพาวุธแห่งกองทัพเรืออเมริกัน ได้มีการทดลองปืน “บอร์ชาร์ดท์” โดยการเสนอของ ยอร์จ ลูเกอร์ ได้ผลสรุปว่าอนาคตของปืนนี้มีหวังรุ่งเรืองไปไกล ผลของการยิงปรากฏว่าปืนนี้สามารถยิงได้ 24 นัดติดต่อกันในเวลา 34 3/4 วินาที โดยปราศจากการขัดลำ ปืนนี้ส่งกระสุนหัวแข็งเปลือกนิคเกิลจากแม็กกาซินจุ 8 ลูก ถูกเป้าหมายที่ระยะ 110 ฟุตทุกนัด (กระสุนนี้ ภายหลังมีชื่อเรียกในอเมริกาว่า The Luger Rimless Type)
พึงสังเกตว่า ประการแรกมิใช่ฮูโก แต่เป็นยอร์จ ลูเกอร์ เองที่นำปืนเข้าไปในสหรัฐฯ และประการที่สองกระสุนที่ใช้ยิงนั้นชาวอเมริกันขนานนามว่า “แบบลูเกอร์ไม่มีริม” ดังนั้นจึงพอจะเป็นเหตุผลได้ดีทีเดียวว่า “ยอร์จ ลูเกอร์” เป็นผู้กว้างขวางมากในตลาดอาวุธปืนในสมัยนั้น แต่ความเป็นผู้กว้างขวางของยอร์จ ลูเกอร์เป็นอีกแบบหนึ่งต่างหาก มิใช่เป็นแบบเดียวกันกับ “ผู้กว้างขวางในประเทศไทย”
ผลของการทดลองของกองทัพเรืออเมริกันครั้งนั้นเป็นที่พึงพอใจ และหนังสือพิมพ์ก็สนับสนุนว่าดี แต่ถึงกระนั้นคณะกรรมการของกองทัพเรือผู้พิจารณาก็มิได้สนใจ เพราะเหตุผลอันใด ไม่มีผู้ใดทราบได้ (ในทัศนะของข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็นเป็นส่วนตัวว่า เพราะอเมริกานิยมใช้กระสุนหัวโตๆ)

.

พาราเบลลั่ม
ในประวัติศาสตร์อาวุธปืนของทุกชาติ มีบันทึกรับรองเห็นพร้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า ปืนพาราเบลลั่มเป็นปืนสั้นชั้นเอก เป็นปืนแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีปืนใดๆในทุกสมัยที่ผ่านมา จะมีความแม่นยำ สวยงาม ประณีตในหลักการสร้าง เรียบร้อยหมดจด คงทนถาวรสูงเทียบเท่า
ฮูโก บอร์ชาร์ดท์ (Hugo Borchardt)
ผู้ต้นคิดประดิษฐ์แบบเป็นชาวอเมริกันผู้มีความชำนาญและมีฝีมือในการออกแบบชั้นสูงอย่างแท้จริง เขาถือกำเนิดมีชีวิตขึ้นมาในประเทศอเมริกา ในสมัยที่การกระทำอันเป็นคุณธรรมความดีไม่มีผู้ใดจะสนใจ ที่ดุจดังสมัยซึ่งเราท่านได้กำลังประสบกันในทุกวันนี้ ฮูโกเป็นบุรุษผู้เพียบพร้อมด้วยความอดทน เป็นผู้ต่อสู้อันแข็งแกร่ง เขายิ้มเสมอในขณะซึ่งเขากำลังยืนหยัดต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคและชะตากรรม เขาเข้าใจโลกและทราบซึ้งดีว่า “น้ำตาไม่มีประโยชน์” เขาคือบุคคลที่ยึดหลัก “หัวเราะไว้ทำให้ใจสบาย”
เขาเริ่มค้นชีวิตใหม่ในยุโรป แหละแล้วก็ฝังหลักตั้งรกรากเป็นปึกแผ่นแน่นหนาอยู่ที่นั้นจนชั่วช่วงชีวิตขั้นสุดท้ายในวัยชรา เขาคงยังรักษาสัญชาติ และเชื้อชาติอเมริกากันเสมอ มิได้เปลี่ยนแปลงผันแปรไปแม้แต่น้อย ในดวงใจเขาจากอเมริกาไป แต่มิใช่แบบสร้างอภิสิทธิ์แล้วโกยเงินไว้ไปนอนสบายยังต่างประเทศ
การจากอเมริกาของเขาเนื่องจากความพ่ายแพ้และปราชัยต่อความบีบคั้นบั่นทอนกำลังใจในความเป็นอยู่อันอัตคัดในสหรัฐแน่นอนที่สุด สำหรับ ฮูโก ในขณะนั้นมันยัง “ไม่สายเลยที่จะทำการต่อสู้กับชีวิต เพื่อให้ร่างตนดำรงอยู่อย่างสะดวกสบายต่อไป” เขาเป็นคนตื่นตัวอยู่เสมอ และตระหนักได้ดีทีเดียวว่า “การต่อสู้กับชะตาชีวิตย่อมไม่จำกัดเวลา ไม่มีสาย ไม่มีบ่าย หรือเย็นลับลงจนเกินไป จนหมดสิ้นกำลังใจจะขับเคี่ยว”
อานุภาพแห่งสมองและพลานุภาพแห่งจิตใจของเขาซึ่งแข็งแกร่งอยู่เสมอ คือดาบชัยที่กำมั่นไว้อยู่ในอุ้มมือ เขาใช้มันควงหันฟันฝ่าต่อสู้แผ้วถางกรุยทางเพื่อการย่างก้าวรุดหน้าคืบออกไปจนสามารถครองชัยแห่งชีวิตไว้ในขั้นสุดท้าย ความยาก-มี ดี-ชั่วของเขา ควรจะเป็นตัวอย่างอันดีของเยาวชนไทย
เมื่อเริ่มแรกชีวิต ฮูโกเป็นเพียงหัวหน้าคนงานธรรมดาคนหนึ่งในบริษัทสร้างจักรเย็บผ้า “ซิงเกอร์” ซึ่งท่านสุภาพสตรีส่วนมากรู้จักดีแทบทุกคนในปัจจุบัน และก่อนหน้านั้นเล็กน้อยก็เป็นเพียงช่างออกแบบเครื่องมือในการสร้างตบแต่งปืนจำนวน 5,000 กระบอก ให้แก่บริษัท The Pioneer Breech Loading Arms Co. ซึ่งในขณะนั้นวัยของเขาก็เป็นเพียงผู้เคยผ่านลมหนาวมาได้ 24 คราวเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปเป็นคนงานของมิสเตอร์ E.G. Westcott ซึ่งเป็นประธานและผู้คุมทุนของบริษัท The Sharps Rifle Co. แห่ง Hartford ใน Connecticut. เขายื่นใบสมัครงานกับท่านในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1874 และก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้ตรวจงานทั่วไปของบริษัท เขาเป็นคน “รักงานและฝากชีวิตไว้กับงาน” ยิ่งกว่าผู้ใด ซึ่งเราท่านควรจะศึกษากันต่อไป
เครื่องมือสิ่งแรกที่ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยความปรีชาแห่งสมองของเขาคือ “เครื่องขวั้นรอยบนท้ายกระสุน” (A Bullet Grooving Machine) ซึ่งก็ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนสงวนสิทธิ์ได้ในวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1875
เกียรตินิยมอันยิ่งใหญ่ซึ่งเขาได้ทิ้งไว้ให้แก่โลกในขณะที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนในสหรัฐฯก็คือ เขาได้เป็นคนสำคัญคนหนึ่งในการออกแบบสร้างปืนประจุท้ายซึ่งมีชื่อที่สุดในปี ค.ศ.1876 ปืนนี้มีสมญาอันเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ชาร์พ บอร์ชาร์ดท์” (Sharps-Borchardt)
นอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังมีอีกหลายๆอย่างที่ผลิตขึ้น โดยอาศัยแบบและมันสมองอันเปรื่องปราดของฮูโก ผู้ซึ้งตลอดชั่วชีวิตมิได้มีความนึกคิดที่จะปล่อยปละเวลาให้ล่องลอยสูญสิ้นไป โดยปราศจากประโยชน์ เขาเป็นบุคคลซึ่งเกิดมาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์อย่างแท้จริง เขาเป็นคนชอบ “ทำ-มากกว่าพูด”
ในขณะที่กล่าวถึงนี้ ถึงแม้ความดีและชื่อเสียงของฮูโกจะปรากฏเด่นชัดจรัสแจ้งแล้วก็ตาม โลกก็ยังปล่อยให้เขาเปล่าเปลี่ยวปราศจากความค้ำชูหรือการเหลียวแลสนใจจากผู้ใด
ในสมัยนั้น คุณประโยชน์ความดีอันเด่นยิ่งของปืน “ชาร์พ-บอร์ชาร์ดท์” กำลังสูงโรจน์ระบือลั่นกึกก้องทั่วสหรัฐฯทุกหน ทุกแห่ง “ชาร์พ-บอร์ชาร์ดท์” ได้ประสิทธิ์ประสาทความเป็นระเบียบเรียบร้อยและประทานความสงบสุขแก่ประชาชน แต่อนิจจา น่าสุดอนาถ ฮูโกเองยังหาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของจิตใจได้ไม่ ชะตาชีวิตยังคงคุกคามความเป็นอยู่และยังคงส่งความอัตคัดขาดแคลนให้เขาต้องอดทนรับไว้เรื่อยมาอย่างไม่ปรานีและไม่บรรเทาเบาบาง แต่เขาก็ปราศจากความเศร้าใจประการใด เพราะความฉลาดเข้าใจในชีวิตและอ่านชะตากรรมได้เป็นอย่างดี เขายิ้มสู้เสมอ หัวเราะเสมอ เขาร่าเริงเสมอ ถึงแม้จะตระหนักอย่างแน่ชัดได้ว่า เขาอับโชค ปราชัยยับเยินแล้ว ซึ่งการครองอยู่เพื่อดำรงความรุ่งเรืองให้แก่ชีวิตของตนในอเมริกา เขาคงยิ้ม และยิ้มต่อไป เขายิ้มได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเมื่อภัยมา “บอร์ชาร์ดท์” ยอดนักสู้
สมองของฮูโกสดใส เปรื่องปราด และประหลาดเหลือล้น เขาสามารถใช้มันบันดาลอะไรได้อย่างใจปรารถนา แต่ว่าผลงานที่เขาได้มอบให้แก่โลกไว้ในขณะอาศัยอยู่ในอเมริกามิได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่าแต่ประการใด นี่แหละคือการก่อความดีที่ปราศจากผู้ใดเห็นใจ ฮูโกสิ้นแล้วซึ่งความหวังที่จะก่อตั้งฐานะความเป็นอยู่ให้แน่นแฟ้นเป็นปึกแผ่นแน่นหนาสมดังใจที่จินตนาในสหรัฐอเมริกา เมืองมารดาและบ้านแห่งบิดร บ้านเกิดที่เคยอบอุ่น เมืองนอนซึ่งเคยให้ความชุ่มชื่นแต่ครั้งยังเยาว์วัย เมื่อการณ์ปรากฏเป็นเช่นนี้ และภายหลังที่ได้ทบทวนดูถ่องแท้แน่ชัดแล้ว ฮูโกก็ตัดสินใจก้าวออกไปขอผจญชีวิตในเวทีใหม่ในที่อื่นความปราชัยคือบทเรียนเพื่อเริ่มใหม่ เมื่อชีวิตยังไม่มลายสิ้น ก็ขอดิ้นเพื่อให้ดีขึ้นให้ได้ในภาคหน้า

..
ยอร์จ ลูเกอร์ (George Luger)
กำเนิดในปี ค.ศ. 1849 ที่ Steinach ใน Tirol ณ ประเทศออสเตรีย เคยรับราชการเป็นนายทหารของประเทศนั้นได้เคยคุ้นสนิทกับ แฮร์ มานลิคเคอร์ (Herr Mannlicher) ผู้เป็นนักค้นคว้าคิดประดิษฐ์สร้างและดัดแปลงปรับปรุงอาวุธปืนให้แก่กองทัพของออสเตรียเป็นอย่างดี เขาทั้งสองได้ออกแบบสร้างปืนเล็กยาวแบบกึ่งอัตโนมัตขึ้นได้แบบหนึ่ง เขาได้เลิกอาชีพการเป็นทหารและกระโจนเข้าไปในเวทีค้าอาวุธปืนตลอดไป ซึ่งเขาก็ได้ชื่อเสียงขจรไกลดังใจปรารถนา
ในปีค.ศ. 1891 ยอร์จทำงานกับบริษัท Ludwig Loewe แห่งเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เขาได้ไปเยี่ยมอเมริกาเพื่อเสนอขายปืนเล็กยาว ซึ่งเขาเองได้ปรับปรุงใหม่ขึ้นในนามของบริษัทและก็ดูเหมือนว่าการรู้จักกันครั้งนี้เหมือนมีมนต์ขลังมาดลใจให้ฮูโกเกิดความคิดใหม่ ได้แนวทางใหม่ที่จะใช้เป็นหลักมั่นยืนหยัดผจญเพื่อให้ตนเงยหน้าลืมตาเองให้อยู่บนฐานอันเป็นปึกแผ่นหนาแน่นในอนาคต
เมื่อจากสหรัฐแล้วก็คล้ายกับว่าอนาคตของตนได้หลุดพ้นออกมาสู่แสงอรุณรุ่งสะอาด ฮูโก บอร์ชาร์ดท์ โชคดีได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการของบริษัท Hungarian Arms Company ในประเทศฮังการี แต่ใดๆในโลกไม่เที่ยงแท้แน่นอน ครั้นบริหารงานนี้ไปไม่ได้นาน กลับเกิดกินแหนงแคลงใจกันกับท่านนายพล (General Fejervary) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของฮังการีผู้ยิ่งใหญ่ในวงการอาวุธปืน หรืออาจจะเป็นคราวเคราะห์ร้ายกลายเป็นดีก็เป็นได้ เขาจึงต้องย้ายที่ทำงานใหม่ไปอยู่กับบริษัท Loewe โดยการชักชวนนำพาของยอร์จ ลูเกอร์ ซึ่งตั้งแต่นั้นเขาทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดกาล
ในปี 1894 ลูเกอร์ในนามใหม่อันยิ่งใหญ่ว่า “แฮร์ ลูเกอร์” (Herr Luger) ได้ไปปรากฏกายในอเมริกาอีก เพื่อความมุ่งหมายจะเสนอขายปืนพกโอโตเมติค ซึ่งบริษัทได้สร้างขึ้นใหม่ให้แก่กองทัพเรืออเมริกัน ปืนที่เขานำไปเสนอขายนี้เป็นปืนชั้นดี ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น และก็ปรากฏว่าเป็นปืนที่ดีกว่าปืนใดๆ ในสมัยนั้นด้วย บริษัท Loewe รู้สึกภูมิใจในปืนนี้มาก จึงได้ขนานนามอันเป็นมงคลแก่ปืนไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งทั่วโลกรู้จักกันดีว่า “บอร์ชาร์ดท์” แน่นอนละ ชื่อนี้ต้องมีความหมายสะดุดใจชาวอเมริกันทุกคนอย่างมาก
ปืน “บอร์ชาร์ดท์” มิได้จัดอยู่ในจำพวกปืนพก (Pocket Pistol) ปืนบอร์ชาร์ดท์ จัดเป็นพวกปืนสั้นใช้สำหรับนำติดตัว (Side Arms) บอร์ชาร์ดท์ เป็นเสมือนพี่นางของพาราเบลลั่ม มีผิวพรรณผุดผ่องละมุนละไมคล้ายคลึงกัน หากแต่ความงามน่ารักและน้ำใจอันมั่นคง อันเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจมิได้สูงส่งเท่าเมื่อเปรียบเทียบกัน
ความแพร่หลายของปืนสั้น บอร์ชาร์ดท์ มีมากมายจนต้องจดทะเบียนสงวนสิทธิ์ทุกประเทศที่สำคัญตลอดไป กว่าการจดทะเบียนจะสิ้นสุดลงได้ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1893ถึง ค.ศ. 1896
ตั้งแต่ ค.ศ. 1893 ตลอดมา ประชาโลกทั้งหลายมีความใคร่อยากได้ครอบครองปืนนี้ทั้งนั้น ในประเทศไทยก็ยังมีปืนแบบนี้อยู่หลายกระบอก ปืนนี้แต่เดิมเคลือบสีดำด้าน (Satin Finish) และไม่นิยมการขัดมันเป็นเงา เป็นปืนลำกล้องขนาด .30 กระสุนที่ใช้กับปืนนี้ได้สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ มีชื่อเรียกว่า กระสุน “7.65 ม.ม. บอร์ชาร์ดท์” กระสุนนี้เป็นกระสุนต้นตระกูลของกระสุนแบบ .30 (7.63 ม.ม.) เมาเซอร์เป็นกระสุนแบบ “คอขวด” มีลักษณะเหมือนกับกระสุนแบบ 7.63 ม.ม. ของปืนพกมานลิคอร์ โมเดล 1896
ปืนบอร์ชาร์ดท์ จะยิงได้ผลดีต้องใช้กระสุนแบบ 7.65 ม.ม บอร์ชาร์ดท์โดยเฉพาะ แต่จะใช้กระสุน .30 (7.63 ม.ม) เมาเซอร์ยิงแทนก็ได้ผลในขั้นพึงพอใจได้เช่นกัน ดังนั้นจึงยอมรับใช้ให้กระสุน 7.63 ม.ม เมาเซอร์ยิงในปืนนี้กันทั่วไป
ปืนนี้ผลิตออกจำหน่ายในตลาดโลกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1893 โดยบริษัท Loewe ซึ่งก็ทำให้บริษันี้ร่ำรวยมหาศาลขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถมีทุนซื้อกิจการของบริษัท Deutsche Metall Patronenfabrik แห่ง Karlsruhe ไว้ได้ในกำมือ และรวมกันเป็นบริษัทใหม่อันมีสมญาว่า The Deutsche Waffen and Manitionsfabriken เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1897 และตั้งแต่นั้นมา ปืนบอร์ชาร์ดท์ก็ได้ตีตราผู้สร้างใหม่ในนาม “ DWM” ซึ่งมีโรงงานสร้างอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ส่วนกระสุนสำหรับปืนก็สร้างขึ้นจากบริษัทเดียวกันนี้ แต่ให้โรงงานซึ่งอยู่ที่ชานเมือง Karlsruhe เป็นแหล่งผลิต
เพื่อการยิงในระยะไกล ปืนบอร์ชาร์ดท์อาศัยการเสริมสะพานท้ายและอาศัยแผ่นรองแก้ม ซึ่งสามารถถอดออกและประกอบเข้าเมื่อเวลาใดก็ได้ ดังนั้นปืนนี้จึงได้จัดอยู่ในจำพวก “คาร์บายน์”
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894 หนังสือพิมพ์อเมริกันนามว่า The Boston Herald ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการทดลองปืน “บอร์ชาร์ดท์” ว่า
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน วันวาน ต่อหน้าคณะกรรมการสรรพาวุธแห่งกองทัพเรืออเมริกัน ได้มีการทดลองปืน “บอร์ชาร์ดท์” โดยการเสนอของ ยอร์จ ลูเกอร์ ได้ผลสรุปว่าอนาคตของปืนนี้มีหวังรุ่งเรืองไปไกล ผลของการยิงปรากฏว่าปืนนี้สามารถยิงได้ 24 นัดติดต่อกันในเวลา 34 3/4 วินาที โดยปราศจากการขัดลำ ปืนนี้ส่งกระสุนหัวแข็งเปลือกนิคเกิลจากแม็กกาซินจุ 8 ลูก ถูกเป้าหมายที่ระยะ 110 ฟุตทุกนัด (กระสุนนี้ ภายหลังมีชื่อเรียกในอเมริกาว่า The Luger Rimless Type)
พึงสังเกตว่า ประการแรกมิใช่ฮูโก แต่เป็นยอร์จ ลูเกอร์ เองที่นำปืนเข้าไปในสหรัฐฯ และประการที่สองกระสุนที่ใช้ยิงนั้นชาวอเมริกันขนานนามว่า “แบบลูเกอร์ไม่มีริม” ดังนั้นจึงพอจะเป็นเหตุผลได้ดีทีเดียวว่า “ยอร์จ ลูเกอร์” เป็นผู้กว้างขวางมากในตลาดอาวุธปืนในสมัยนั้น แต่ความเป็นผู้กว้างขวางของยอร์จ ลูเกอร์เป็นอีกแบบหนึ่งต่างหาก มิใช่เป็นแบบเดียวกันกับ “ผู้กว้างขวางในประเทศไทย”
ผลของการทดลองของกองทัพเรืออเมริกันครั้งนั้นเป็นที่พึงพอใจ และหนังสือพิมพ์ก็สนับสนุนว่าดี แต่ถึงกระนั้นคณะกรรมการของกองทัพเรือผู้พิจารณาก็มิได้สนใจ เพราะเหตุผลอันใด ไม่มีผู้ใดทราบได้ (ในทัศนะของข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็นเป็นส่วนตัวว่า เพราะอเมริกานิยมใช้กระสุนหัวโตๆ)

.
แสดงความคิดเห็น
.... ปืน พาราฯ ... พาราฯ .. คืออะไรครับ ???
หรือว่าปืนนี้ .. เอาไปใช้ในสวนยาง(พารา) ...
อ้อเรื่อง .. นกนอก นกใน อะไรนี้ด้วย ..
ขอหลายๆความเห็น .. ช่วยใขข้อข้องใจให้ที ..