มีเรื่องมาปรึกษาครับ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ มันคือยังไงกันแน่แล้ว มันหมายความว่ายังไง
คือต้องอธิบายก่อนว่า ผมเองเป็น ผู้ชายอายุ 28 คนนึง มีงานทำค่อนข้างมั่นคง อยู่ จ.นึงที่ไกลจาก กทม.พอควรครับล
เมื่อประมาณเดือนกว่าๆที่แลัวผมได้รู้จักน้องคนนึง ทาง Facebook ขอใช้ชื่อย่อว่า น้องA แล้วกันนะ
น้องA เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนึง ดูไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ โพสเฟซบุคว่า "กำลังหางานทำ ที่ กทม."
ตอนนั้น เพื่อนที่ผมรู้จักกำลังรับสมัครพนักงานเพิ่มพอดี ผมเลยขอขัอมูล น้องเพื่อจะส่งให้เพื่อน แล้ววันนั้นผมอยู่กทม.พอดี
เลยนัดเจอกัน เพื่อเอาเอกสารสมัครงานครับ เจอกันก็นั่งทานข้าวกันปกติ ทำความรู้จักกัน ก็พูดคุยทำความรู้จักกันปกติ
แต่ผมก็พูดเปรยๆไวัว่า ถ้าหางานไม่ได้จริงๆ มาทำงานที่เชียงใหม่ก็ได้นะ บริษัทผมก็รับพนักงานเพิ่ม (จริงๆผมเป็นHRไปด้วยในตัว)
แต่สรุปว่า ที่บริษัทเพื่อนผม ได้พนักงานไปแล้วครับ น้องAเลยไม่ได้งานตามที่คาดหวังไว้
ผมเองก็รู้สึกเฟลๆนะ คือเป็นคนผูกพันกับคนง่าย แล้วระหว่างคุยกันเค้าก็เล่าเรื่องชีวิตต่างๆนาๆให้ฟัง
จนผมรู้สึกสงสารแล้วก็อย่าช่วยนั่นแหละ เลยถามไปว่า มาทำงานเชียงใหม่มั้ย ถ้าที่นี่ผมคอนเฟิร์มให้เรื่องงาน
เพราะเป็นแค่งาน ธุรการ เอกสาร ทำรายงานเฉยๆ ด้วยวุฒิ น้องเค้าน่าจะพอทำได้ กับเรทเงินเดือน 10,000 บาท
น้องAเลยบอกว่า ขอเวลาหางานแล้วก็ตัดสินใจอีก 1 อาทิตย์ แล้วจะให้คำตอบ เพราะน้องอยากทำงานที่ กทม.มากๆ
เล่าเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี่น้องทำงานที่ จ.นึงมา แล้วบริษัทปิดตัวเลยตกงาน มาหางานทำ กทม. มานอนกับเพื่อน
แต่ผ่านมา 2 อาทิตย์ยังหางานไม่ได้ แล้วเงินเก็บที่มี (แสนนึง) ก็โดนเพื่อนพยายามขอยืม พยายามให้ช่วยออกค่าโน่นนี่ตลอด
สุดท้ายผ่านไป 1 อาทิตย์ แต่เราคุยกันในเฟซ โทรคุยกันทุกวันนะ น้องAก็บอกว่า ตัดสินใจจะมาเชียงใหม่แล้ว
มีห้องพักราคาไม่เกิน 3-4000 จริงมั้ย แล้วไปถึงไม่รู้จักอะไรเลย จะทำยังไง ต้องซื้อมอไซมั้ยอะไรมั้ย
วันนั้นคุยกันนานมากครับ เลยสรุปว่า จะมาอยู่ที่คอนโดที่ผมพักละกัน แล้วไม่รู้คุยไปคุยมายังไง
เลยตกลงว่า มาพักที่ห้องผมละกัน ละช่วยแชร์ค่าห้องคนละครึ่ง ตอนแรกผมก็คิดว่าคงพูดเล่นๆนะ
แต่น้องเค้าจริงจังมาก เลยคุยกันเรื่องกติกาการอยู่ร่วมกันหลายๆอย่าง และ1ในข้อที่วำคัญมากก็คือ
"เป็นพี่น้องกันนะใต้องไม่ทำอะไรกัน ไม่มีเรื่องแบบนั้น" ซึ่งตอนนั้นผมก็ เฮ้ย บ้าหรอ ไม่มีหรอกน่า
เพราะผมยังไม่ได้คิดอะไรกับน้องเค้าดัวยล่ะ แล้วยังนึกตลอดว่าน้องพูดไปงั้นๆ
จนถึงวันที่น้องส่ง รูปตั๋วเครื่องบินมาให้ดู แล้วบอกว่า จองตั๋วแล้วนะ พรุ่งนี้มารับเค้าทีที่สนามบิน
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ไม่ได้ไปไหน แต่เห็นช่วงนี้กระทู้เล่าเรื่องส่วนใหญ่ ฮิตแบบนี้กัน......เกิดเล่ารวดเดียวจบ เดี๋ยวคนไม่ค่อยสนใจไม่มาช่วยออกความเห็น #โดนตบ
ตกลง เราเป็นอะไรกัน .... สำหรับเธอแลัว เธอมองผมยังไงกันแน่
คือต้องอธิบายก่อนว่า ผมเองเป็น ผู้ชายอายุ 28 คนนึง มีงานทำค่อนข้างมั่นคง อยู่ จ.นึงที่ไกลจาก กทม.พอควรครับล
เมื่อประมาณเดือนกว่าๆที่แลัวผมได้รู้จักน้องคนนึง ทาง Facebook ขอใช้ชื่อย่อว่า น้องA แล้วกันนะ
น้องA เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนึง ดูไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ โพสเฟซบุคว่า "กำลังหางานทำ ที่ กทม."
ตอนนั้น เพื่อนที่ผมรู้จักกำลังรับสมัครพนักงานเพิ่มพอดี ผมเลยขอขัอมูล น้องเพื่อจะส่งให้เพื่อน แล้ววันนั้นผมอยู่กทม.พอดี
เลยนัดเจอกัน เพื่อเอาเอกสารสมัครงานครับ เจอกันก็นั่งทานข้าวกันปกติ ทำความรู้จักกัน ก็พูดคุยทำความรู้จักกันปกติ
แต่ผมก็พูดเปรยๆไวัว่า ถ้าหางานไม่ได้จริงๆ มาทำงานที่เชียงใหม่ก็ได้นะ บริษัทผมก็รับพนักงานเพิ่ม (จริงๆผมเป็นHRไปด้วยในตัว)
แต่สรุปว่า ที่บริษัทเพื่อนผม ได้พนักงานไปแล้วครับ น้องAเลยไม่ได้งานตามที่คาดหวังไว้
ผมเองก็รู้สึกเฟลๆนะ คือเป็นคนผูกพันกับคนง่าย แล้วระหว่างคุยกันเค้าก็เล่าเรื่องชีวิตต่างๆนาๆให้ฟัง
จนผมรู้สึกสงสารแล้วก็อย่าช่วยนั่นแหละ เลยถามไปว่า มาทำงานเชียงใหม่มั้ย ถ้าที่นี่ผมคอนเฟิร์มให้เรื่องงาน
เพราะเป็นแค่งาน ธุรการ เอกสาร ทำรายงานเฉยๆ ด้วยวุฒิ น้องเค้าน่าจะพอทำได้ กับเรทเงินเดือน 10,000 บาท
น้องAเลยบอกว่า ขอเวลาหางานแล้วก็ตัดสินใจอีก 1 อาทิตย์ แล้วจะให้คำตอบ เพราะน้องอยากทำงานที่ กทม.มากๆ
เล่าเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี่น้องทำงานที่ จ.นึงมา แล้วบริษัทปิดตัวเลยตกงาน มาหางานทำ กทม. มานอนกับเพื่อน
แต่ผ่านมา 2 อาทิตย์ยังหางานไม่ได้ แล้วเงินเก็บที่มี (แสนนึง) ก็โดนเพื่อนพยายามขอยืม พยายามให้ช่วยออกค่าโน่นนี่ตลอด
สุดท้ายผ่านไป 1 อาทิตย์ แต่เราคุยกันในเฟซ โทรคุยกันทุกวันนะ น้องAก็บอกว่า ตัดสินใจจะมาเชียงใหม่แล้ว
มีห้องพักราคาไม่เกิน 3-4000 จริงมั้ย แล้วไปถึงไม่รู้จักอะไรเลย จะทำยังไง ต้องซื้อมอไซมั้ยอะไรมั้ย
วันนั้นคุยกันนานมากครับ เลยสรุปว่า จะมาอยู่ที่คอนโดที่ผมพักละกัน แล้วไม่รู้คุยไปคุยมายังไง
เลยตกลงว่า มาพักที่ห้องผมละกัน ละช่วยแชร์ค่าห้องคนละครึ่ง ตอนแรกผมก็คิดว่าคงพูดเล่นๆนะ
แต่น้องเค้าจริงจังมาก เลยคุยกันเรื่องกติกาการอยู่ร่วมกันหลายๆอย่าง และ1ในข้อที่วำคัญมากก็คือ
"เป็นพี่น้องกันนะใต้องไม่ทำอะไรกัน ไม่มีเรื่องแบบนั้น" ซึ่งตอนนั้นผมก็ เฮ้ย บ้าหรอ ไม่มีหรอกน่า
เพราะผมยังไม่ได้คิดอะไรกับน้องเค้าดัวยล่ะ แล้วยังนึกตลอดว่าน้องพูดไปงั้นๆ
จนถึงวันที่น้องส่ง รูปตั๋วเครื่องบินมาให้ดู แล้วบอกว่า จองตั๋วแล้วนะ พรุ่งนี้มารับเค้าทีที่สนามบิน
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ไม่ได้ไปไหน แต่เห็นช่วงนี้กระทู้เล่าเรื่องส่วนใหญ่ ฮิตแบบนี้กัน......เกิดเล่ารวดเดียวจบ เดี๋ยวคนไม่ค่อยสนใจไม่มาช่วยออกความเห็น #โดนตบ