มรดกของอารยธรรมต่างๆ

กระทู้คำถาม
สิ่งที่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส ลุ่มแม่น้ำไนล์ กรีก โรมัน ถ่ายทอดให้แก่โลกตะวันตก
และอรายธรรมลุ่มแม่น้ำหวงเหอ และลุ่มแม่นำ้สินธุ ถ่ายทอดให้แก่โลกตะวันออก มีอะไรบ้าง

ขอช่วยยกตัวอย่างมานิดหน่อย พอจุดประเด็น ให้หน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
คณิตศาสตร์ชั้นสูง เมโสโปเตเมีย --> อียิปต์ --> กรีก --> อาหรับ ดาราศาสตร์นี่ไม่ทราบนะคะว่าจากไหนไปไหน แต่น่าจะเหมือนคณิตศาสตร์ค่ะ แต่กรีกจะละเอียดสุดแล้วกระมัง เห็นว่าทั้งหมดเป็นดาวในซีกโลกเหนือ

ปราชญ์กรีกต้องไปเรียนที่อียิปต์ เลขฐาน 60 (พวกวินาที นาที ของนาฬิกา พวกการวัดมุมต่าง ๆ ทำไมสามเหลี่ยมด้านเท่าจึงมีมุมละ 60 องศา ทำไมมุมรวมกันของสี่เหลี่ยมจึงเป็น 360 ล้วนเป็นพื้นฐานมาจากอู่เมโสโปเตเมีย น่าจะชาวบาบิโลน)

ชาวอียิปต์รู้ว่าโลกกลมมาแต่โบราณ จากการคำนวณเงาแสงอาทิตย์และคานบ่อน้ำ ขณะในคัมภีร์ของคริสต์ศาสนายังเชื่อว่าโลกแบนอยู่เลย

ชาวอียิปต์เก่งเคมีมาก สะตุเกลือสีต่าง ๆ ที่มีสรรพคุณต่าง ๆ การทำน้ำหอม การหมักไวน์ การทอผ้าลินินมาชุบยางไม้ พันเป็นมัมมี่

ชาวฮีทไทท์ (อู่เมโสโปเตเมีย) ค้นพบเหล็ก ขณะที่ส่วนต่าง ๆ ของโลก เช่น อียิปต์ จีน ยังใช้สำริด เหล็กคงทนกว่า เกิดยุคเหล็กขึ้นมาแทนที่ ตอนชาวฮีทไทท์รุกรานอียิปต์ อาวุธชาวอียิปต์เป็นสำริด สู้อาวุธที่ทำจากเหล็กไม่ได้

ปราชญ์กรีกมีหลายสำนัก เป็นยุคเริ่มใช้เหตุและผล เป็นพื้นฐานให้ชาวตะวันตกหลุดพ้นจากยุคมืด (หรือยุคกลาง ยุคที่ศาสนาเป็นใหญ่ คนงมงายในพระเจ้า ล่าแม่มด ฯลฯ) หันกลับมานับถือตัวเอง (นับถือความเป็นมนุษย์) อีกครั้ง เรื่องปรัชญานี่เดี๊ยนไม่แม่น จะมีศิษย์-อาจารย์ดัง ๆ ก็เช่น เพลโต-อาร์คีมีดีส-โซเครทีส อาร์คีมีดีสก็ที่ค้นพบถ้วยยูเรก้า พีธากอรัส ที่คิดค้นทฤษฎีคณิตศาสตร์

กระดาษที่ชาวกรีกใช้ มาจากกกพาพีรัส (รากศัพท์ของคำว่า paper) เป็นภูมิปัญญาอียิปต์ นำก้านกกที่ขึ้นมากมายในแม่น้ำไนล์มาทุบ ๆๆ ตากแห้ง

อักษรรูปลิ่ม คูนิฟอร์ม จากอู่เมโสโปเตเมีย โดยชาวสุเมเรียน เดิมนั้นใช้ก้านกกหั่นขวาง จิ้มจารลงบนดินเหนียวในลุ่มแม่น้ำ จากนั้นน่าจะนำไปเผาไฟ เป็นพื้นฐานของการเขียนอักษรแบบสะกดคำ (ไม่ใช้อักษรภาพ) ในเวลาต่อมา ทั้งของตะวันออกและตะวันตก อักษรกรีกก็รับไปจากตรงนี้ แม้กระทั่งไทย

ประติมากรรมแบบกรีก จะทำได้เหมือนจริงมาก มีอิทธิพลต่อศิลปะอินเดีย ซึ่งกระจายสู่ตะวันออกในเวลาต่อมา รูปปั้นหรือแกะสลัก จะเห็นริ้วผ้าและเส้นลายมือชัดเจน พวกเทวตำนานบางอย่างของอินเดียรับมาจากกรีก เช่น พระลักษมี จะคล้าย ๆ กำเนิดเทพีอะโฟรไดท์ เป็นต้น

ในเทพนิยายกรีกมีการทอผ้าแล้ว เทพีอาเธนาสาปคนที่ท้าทายพระนางให้กลายเป็นแมงมุม ทอใยไปตลอดชีวิต การทอผ้าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าจะรับมาจากอินเดียมากกว่าจากจีน แต่ถ้าเป็นกี่กระตุกน่าจะเป็นภูมิปัญญาจีน

เข็มเย็บผ้าและกรรไกรเป็นภูมิปัญญาจีน กระดาษแบบร่อนเยื่อก็เป็นภูมิปัญญาจีน เกิดหลังกระดาษกกของอียิปต์น่าจะหลายร้อยปีหรือนานกว่านั้น เดิมนั้นจีนสลักลงบนกระดูกสัตว์หรือกระดองเต่า เรียกอักษรกระดูก ต่อมาจึงใช้พวกติ้วไม้ไผ่ ชาวอาหรับจับเชลยชาวจีนได้ 2 คน บังคับให้เชลยบอกวิธีทำกระดาษ จากนั้นจึงปล่อยตัวไป ต่อมาอาหรับสามารถสร้างโรงงานกระดาษได้ ทำให้ความรู้และวิทยาการแพร่หลาย วิทยาการส่วนใหญ่รับมาจากกรีก ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการของตะวันตกก็เอาจากภาษาอาหรับไปแปลกลับเยอะเหมือนกัน จีนคิดประดิษฐ์หมึกใช้ ภายหลังอินเดียรับไป กลายเป็น Indian Ink

กระดาษยังถูกนำไปประดิษฐ์เป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างทำเป็นกระดาษเงินกระดาษทอง ทำเป็นร่ม พัด (พัดจีบนี่ญี่ปุ่นเคลมว่าตัวเองคิดค้นนะคะ) โคมไฟ โคมลอย บานประตู-หน้าต่าง เพื่อกันลมหนาว แต่โปร่งแสงพอแสงลอดได้ ห่อขนม ฯลฯ

การดื่มชา เป็นการค้นพบของชาวจีน ว่าเป็นใบไม้ตกในหม้อต้มน้ำ ซึ่งการบริโภคต่างจากชาอัสสัม (พืชตระกูลเดียวกันกับชาจีน ต่างกันทางชีววิทยาอย่างไรไปหาอ่านเองนะคะ) ที่นำมาหมักเป็นเมี่ยง เคี้ยวเล่นเอาคาเฟอีนกันในแถบประเทศพม่าและไทย อังกฤษนำชาไปปลูกทั้งในอินเดียและศรีลังกา วัฒนธรรมดื่มชายามบ่าย Tea Break ของอังกฤษ ส่วนญี่ปุ่นก็มีพิธีชงชา (เขียว) ส่วนชาเขียว ชาอู่หลง ชาฝรั่ง หมักใบชาต่างกันอย่างไรก็ไม่ทราบนะคะ การหมักน่าจะค้นพบโดยฝรั่ง โดยให้เอนไซม์หมักจนทั่วก่อน ค่อยมาทำแห้ง แต่ชาอู่หลงของจีน คือชาเขียวกึ่งหมัก ชาเขียวคือคั่วเลย

ลุ่มแม่น้ำสินธุ จะเป็นพวกศาสนา-ปรัชญา ชาดก เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พุทธหินยาน มหายาน วชิรยาน ประติมากรรม ปฏิมากรรม อักษร ชาดกนี่ว่ากันว่าติดตัวชาวยิปซี นำไปเผยแพร่ยังโลกตะวันตก นิทานอีสปบางเรื่องน่าจะเคยเป็นชาดกของตะวันออกมาก่อน อีสปจำมาเล่าอีกที ระบำฟลามิงโกของสเปนก็มีอิทธิพลอินเดียผ่านชาวยิปซี การไหว้แพร่มาจากอินเดีย

ลุ่มแม่น้ำฮวงโห จะเป็นขงจื๊อและเต๋าเป็นหลัก (ปรัชญามีว่าอย่างไร ปรัชญาจีนสายอื่นว่าอย่าง ก็ลองหาอ่านเองนะคะ) แพร่ไปสู่ประเทศที่รับวัฒนธรรมจีน (Sinosphere ที่จริงมีอีกหลาย Sphere เช่น Indosphere ลองไล่หาแผนที่ดูนะคะ บางคนก็มองไม่เหมือนกัน) ชินโตของญี่ปุ่นนั้น "โต" ก็คือ "เต๋า"

ภาษาสันสกฤต-บาลี แพร่กระจายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นคำยืมหลายคำของ ชวา-มลายู มอญ-เขมร ถือเป็นภาษาสูง ใช้ตั้งชื่อต่าง ๆ ตำนานหลายอย่างมีการรับมาครอบกับความเชื่อเดิม หรือต่อเติมเสริมแต่งใหม่ ยกตัวอย่าง ตำนานแถนชีรูน้ำเต้าของชาวลาว จะคล้ายกับกำเนิดวรรณะทั้ง 4 จากอวัยวะต่าง ๆ ของพระพรหม

ชาวจีนใช้ตะเกียบ เลยกินอาหารเส้น พวกขนมลอดช่อง ซ่าหริ่มของไทย ขนมนึ่งหลายชนิด อาจรับมาจากแหลมมลายู โดยชาวบ้าบ๋า-ย่าหยา คือ จีนผสมมลายู อาหารเส้นของอิตาลี พวกราวิโอลี (เหมือนจะมีอีกอย่าง ที่คล้ายเกี๊ยวกว่านี้รึเปล่าคะ) น่าจะได้รับอิทธิพลจากจีนผ่านเส้นทางสายไหม ไอศกรีมก็เหมือนกัน

กะทินั้นกินกันในอินเดียใต้และศรีลังกา แพร่มาสู่ทางใต้ของไทยขึ้นมา แต่ขึ้นไม่ถึงภาคเหนือและภาคอีสาน น่าจะกินกันในสมัยหลังมากกว่า

การหมักน้ำปลา (garum) ดองปลากะตัก ทำกันมาตั้งแต่สมัยกรีก การค้นพบสบู่ คอนกรีต ก็ตั้งแต่สมัยโรมัน การทำนาเกลือน่าจะเป็นภูมิปัญญาจีน

การหมักดอง ดองหวานเป็นภูมิปัญญายุโรป ดองเปรี้ยวเป็นภูมิปัญญาจีน ดองเค็มนี่ไม่ทราบนะคะ ชาวจีนหมักน้ำส้มสายชูเป็น รู้จักการทำผักดอง การทำผักดองแพร่เข้าสู่ยุโรปสมัยเจงกีสข่าน ภายหลังชาวเกาหลีค้นพบวิธีหมักกิมจิ

อินเดียค้นพบน้ำตาล ภูมิปัญญาแพร่เข้าสู่จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เดิมนั้นใช้วิธีนวด แต่รายละเอียดเดี๊ยนไม่ทราบนะคะ ยุโรปทำโรงงานน้ำตาลได้

อินเดียใช้ผงกะหรี่ จีนใช้ผงพะโล้ บ้านเราใช้เครื่องสด จีนมีจับชีพจรและฝังเข็ม สมุนไพรบ้านเราก็รับทั้งจีนและอินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นยาจีนกันมาก การทอด การผัด (ใช้กระทะ) การนึ่งอาหาร น่าจะแพร่มาจากจีน

ภายหลังตะวันตกทอผ้าไหมใช้เอง ไม่ทราบเหมือนกันว่ายุคไหน การทอผ้าไหม การใช้ดินปืน หมากรุกมาจากอินเดีย หมากล้อมมาจากจีน ส่วนเกมการละเล่นอื่น ๆ ไม่รู้ค่ะ แต่ของจีนจะมีของเล่นแบบเป็นกลให้ใช้เชาวน์ปัญญาหลายอย่าง ที่ตะวันตกรับไป บางอย่างจีนก็เคลมได้ บางอย่างโด่งดังเพราะตะวันตก ซึ่งไม่ทราบที่มาเหมือนกัน ว่าคิดเองแล้วบังเอิญเหมือนรึเปล่า

ลูกคิดนี่เหมือนว่าจีนกับอาหรับจะเคลม แต่ก่อนหน้านั้น การใช้พวกลูกหินช่วยคิดมีมาก่อนแล้ว ตัวเลขฮินดู-อารบิค ที่กลายเป็นตัวเลขสากล ใช้กันทั่วโลกอยู่ทุกวันนี้ ว่ากันว่ามาจากรอยกีบเท้าอูฐ

อันไหนผิดพลาด ตกหล่นไป ก็ขออภัยค่ะ ตรวจสอบข้อมูลเองนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่