ถ้าเราได้ศึกษาประวัติของพระพุทธเจ้า เราจะพบว่าในยุคพุทธกาลการสอนศาสนาพุทธ ผู้ที่ทำการสอนต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติได้จริง บรรลุธรรมจริง
ถ้าผู้ใดยังปฏิบัติไม่ได้หรือยังไม่บรรลุธรรมเค้าก็จะไม่สอน คือมีความละอายใจ หรือสอนเฉพาะในสิ่งที่ตนเข้าถึงแล้วเท่านั้น
แต่สมัยนี้ความรู้ทางธรรมถูกถ่ายทอดเผยแพร่ต่อๆกันมาโดยพระสงฆ์ที่ปฏิบัติได้จริงบ้าง ไม่ได้บ้าง ปฏิบัติได้ก็อาจได้ในระดับพื้นฐาน
อาศัยว่ารู้เช่นนี้แล้วเอามาบอกอีกทีโดยที่ตัวท่านเองไม่ได้บรรลุธรรมจริง ปฏิบัติไม่ถึง แต่ก็พยายามจะสอนซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ
ทำให้ผู้เรียนเข้าใจผิด หรือเข้าใจไม่ถูก 100% และไม่สามารถที่จะเข้าถึงการปฏิบัติและหลักธรรมได้ แล้วก็มีการถกเถียงกันไม่จบสิ้น
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธในยุคหลังไม่สามารถบรรลุธรรมได้ เพราะขาดผู้สอนที่ปฏิบัติได้จริงและบรรลุธรรมจริง
การบรรลุธรรมที่ง่ายที่สุดคือ การฟังธรรม ---> ในสมัยพุทธกาลนิยมแบบนี้เพราะมีผู้ที่ปฏิบัติได้จริงและบรรลุธรรมจริง ถึงทำได้
การบรรลุธรรมที่ยากที่สุดคือ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน(นั่งสมาธิ เดินจงกรม ใช้ปัญญาและจิตใจวิเคราะห์)
- คนพุทธสมัยนี้นิยมแบบนี้ เพราะขาดผู้ที่ปฏิบัติได้จริง บรรลุธรรมจริง หลายๆคนจึงต้องพึ่งตัวเองซึ่งมีทั้งที่ทำผิดและถูก
แต่ก็มีปัญหาคือเวลาเจอปัญหาในการปฏิบัติมักจะไม่มีใครช่วยได้
ถ้าว่ากันตามจริง พระไตรปิฎก ก็เป็นแค่หลักฐานของศาสนาพุทธชิ้นหนึ่งเท่านั้น พระไตรปิฎกไม่สามารถนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมแล้วมาบอกมาสอนใครได้
การอ่านพระไตรปิฎก เป็นแค่การอ่านเพื่อค้นหาแนวทางของการพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง บางคนก็อ่านไปงั้นๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นซึ่งไม่มีประโยชน์
ถ้าให้เลือกระหว่างพระพุทธเจ้า กับ พระไตรปิฎก ผมขอเลือกพระพุทธเจ้าดีกว่าครับ เพราะท่านสอนได้ บอกได้ ปฏิบัติได้และบรรลุธรรมจริง
ศาสนาพุทธ พูดแล้วต้องทำได้
ถ้าผู้ใดยังปฏิบัติไม่ได้หรือยังไม่บรรลุธรรมเค้าก็จะไม่สอน คือมีความละอายใจ หรือสอนเฉพาะในสิ่งที่ตนเข้าถึงแล้วเท่านั้น
แต่สมัยนี้ความรู้ทางธรรมถูกถ่ายทอดเผยแพร่ต่อๆกันมาโดยพระสงฆ์ที่ปฏิบัติได้จริงบ้าง ไม่ได้บ้าง ปฏิบัติได้ก็อาจได้ในระดับพื้นฐาน
อาศัยว่ารู้เช่นนี้แล้วเอามาบอกอีกทีโดยที่ตัวท่านเองไม่ได้บรรลุธรรมจริง ปฏิบัติไม่ถึง แต่ก็พยายามจะสอนซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ
ทำให้ผู้เรียนเข้าใจผิด หรือเข้าใจไม่ถูก 100% และไม่สามารถที่จะเข้าถึงการปฏิบัติและหลักธรรมได้ แล้วก็มีการถกเถียงกันไม่จบสิ้น
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธในยุคหลังไม่สามารถบรรลุธรรมได้ เพราะขาดผู้สอนที่ปฏิบัติได้จริงและบรรลุธรรมจริง
การบรรลุธรรมที่ง่ายที่สุดคือ การฟังธรรม ---> ในสมัยพุทธกาลนิยมแบบนี้เพราะมีผู้ที่ปฏิบัติได้จริงและบรรลุธรรมจริง ถึงทำได้
การบรรลุธรรมที่ยากที่สุดคือ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน(นั่งสมาธิ เดินจงกรม ใช้ปัญญาและจิตใจวิเคราะห์)
- คนพุทธสมัยนี้นิยมแบบนี้ เพราะขาดผู้ที่ปฏิบัติได้จริง บรรลุธรรมจริง หลายๆคนจึงต้องพึ่งตัวเองซึ่งมีทั้งที่ทำผิดและถูก
แต่ก็มีปัญหาคือเวลาเจอปัญหาในการปฏิบัติมักจะไม่มีใครช่วยได้
ถ้าว่ากันตามจริง พระไตรปิฎก ก็เป็นแค่หลักฐานของศาสนาพุทธชิ้นหนึ่งเท่านั้น พระไตรปิฎกไม่สามารถนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมแล้วมาบอกมาสอนใครได้
การอ่านพระไตรปิฎก เป็นแค่การอ่านเพื่อค้นหาแนวทางของการพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง บางคนก็อ่านไปงั้นๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นซึ่งไม่มีประโยชน์
ถ้าให้เลือกระหว่างพระพุทธเจ้า กับ พระไตรปิฎก ผมขอเลือกพระพุทธเจ้าดีกว่าครับ เพราะท่านสอนได้ บอกได้ ปฏิบัติได้และบรรลุธรรมจริง