วันนี้ผมพึ่งตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกและผมอยากระบาย บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตผมให้ทุกคนฟัง
ผมมีภรรยาที่เป็นลูกของแม่เลี้ยงผม ผมรู้สึกแย่ที่พ่อแม่ผมเลิกกัน แต่เพราะยังเด็ก ก็ทำใจยอมรับมัน
แม่เลี้ยงมีลูกติดสองคน ภรรยาผมเป็นลูกคนโต เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเราได้ 9-10 ปี ด้วยความใกล้ชิดเราจึงได้เสียกัน คนในครอบครัวก็ต้องยอมรับ
เพราะเราอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว แต่ภรรยาผมตั้งท้องในขณะที่ผมเรียนชั้นม.6 เราเก็บลูกไว้ ผมไปเรียนมหาลัยที่ผมได้โควต้านักกีฬา
ผมมีเพื่อนฝูง มีความสุข เที่ยวเตร่เฮฮา ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะมีพ่อที่มีรายได้เยอะคอยเลี้ยงตัวผมและลูกเมียผมได้ กลับบ้านเสาร์อาทิตย์เราก็อยู่ด้วยกัน
จนผมเรียนจบ ก็กลับบ้านช่วยพ่อจัดคิวงาน พ่อให้เงินผม ผมก็ใช้จ่าย อยากได้อะไรก็ขอพ่อ เมียผมต้องการอะไรก็จะหามาให้ จนเรามีลูกอีกคน
ดูเหมือนทุกอย่างจะมีความสุขดี ....แต่ลึกๆแม่เลี้ยงผมหรือในสถานะแม่ยายผมด้วย จะคอยกีดกันไม่ให้ผมมีส่วนจัดการเรื่องเงิน บ้าน หรือเป็นเจ้าของอะไรก็ตามที่พ่อผมซื้อ
ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือมีสิทธิ์ใช้รถของพ่อ โดยที่แม่เลี้ยงผมไม่เห็นดีด้วย แต่ผมไม่คิดมาก อยู่ได้ อะไรก็ได้ เพราะผมมีลูกสองคนที่ตัวติดกับผมตลอด แต่น้องสาวผมทนไม่ไหว
ต้องแยกไปอยู่ข้างนอกกับสามีของน้อง ผมจะเป็นฝ่ายดูแลลูกเป็นหลักหลังจากที่ผมเรียนจบ เมียผมออกไปทำงานนอกบ้าน ด้วยเหตุผลว่าเบีออยู่แต่ในบ้าน เธอทำงานขายบัตรเครดิต
จนเมื่อกิจการของพ่อผมมีปัญหา เกิดอุบัติเหตุในการส่งสินค้า มีคนตายตอนนั้นมีข่าวลงหนังสือพิมพ์ พ่อผมต้องขายทุกอย่างที่มีมาชดใช้ กิจการล้มละลาย
บ้านที่ซื้อไว้ราคาหลักเจ็ดล้านไม่มีเงินจะส่ง ปัญหาเริ่มเกิด เมียกับแม่เลี้ยงผมเริ่มเปลี่ยนไป มีเรื่องทะเลาะกันตลอด ตอนนั้นผมต้องเป็นคนขับรถเอง จากที่เคยคอยคุมคิวงาน ได้รถกระบะมาไว้ส่งของ พอมีรายได้ แต่ก็ไม่พอรายจ่าย พ่อผมเริ่มเครียด เจ็บป่วย แต่เราก็คิดจะสู้ ยังไงก็จะต้องพากันรอด แต่แล้วพวกผมก็ได้รู้ว่าเราสองคนพ่อลูกคิดผิด เมียกับแม่เลี้ยงผมหาทางตีจาก ไปหาสิ่งที่ดีกว่าโดยสมัครบริการรับจัดหาคู่ชาวต่างชาติ ทั้งคู่หาฝรั่งมาช่วยเลี้ยงเพราะคิดว่าผมกับพ่อไม่มีปัญญาแล้ว ที่ผมรู้ เพราะแม่เลี้ยงเค้าหาได้ก่อน เค้ามาบอกพ่อผมว่าจะขอเลิก เพราะจะไปอยู่เมืองนอกกับฝรั่งที่ติดต่อกัน แม่เลี้ยงผมเตรียมเดินทางเก็บของ ไปเรียนภาษา ในที่สุดพ่อผมทนความกดดันไม่ไหว จึงเส้นเลือดในสมองแตกตาย จบชีวิตไปอย่างทรมาน
สิ่งที่ผมได้รู้จากงานศพพ่อคือเมียผมก็ได้ทำอย่างที่แม่เลี้ยงผมทำ คุยกับฝรั่ง หาคนมารับเลี้ยงดูต่างกันที่ว่า เมียผมยังหาคนจริงจังด้วยไม่ได้
ผมขอร้องให้เค้าหยุดเพื่อลูก และผมจะลืมทุกอย่างซะ หลังงานศพพ่อผม แม่เลี้ยงก็ได้นำงานช่วยงานศพไปอยู่เมืองนอกกับฝรั่ง
แน่นอน น้องสาวผมไม่ยอม แต่สุดท้ายผมก็ให้เงินไปเพราะคิดว่าผมยังมีแรงหาใหม่ มีคนที่พระคุณกับผมสางสารผม เลยออกรถมาไห้ผมไว้ส่งของ
แต่ผมต้องใช้คืนเค้าทุกเดือน หลังจากนั้นผมก็สู้ทำงานหนักทุกอย่าง วิ่งส่งของ จัดงานให้ทันกับไปรับลูก ดูแลลูก เพราะเมียผมกลับบ้านก็ดึกแล้ว
เมียมักจะอารมเสียใส่ผมเสมอเวลาหาเงินไม่พอใช้ ค่าบ้านเราก็ไม่ส่งจนถูกยึด มีหมายศาลให้เราย้ายออก แต่เราไม่มีทางไป
เป็นแบบนี้เรื่อยมา ช่วงไหนที่แม่เลี้ยงผมกลับมาเพื่อต่อวีซ่า เราก็แทบจะต่างคนต่างอยู่ เวลาเธอต้องการให้ผมทำอะไรก็จะพูดดี เวลาผมไม่มีให้
เธอก็จะเปลี่ยนเป็นคนล่ะคน
ระหว่างนั้นผมก็ได้เริ่มมีเฟส ผมคุยกับเพื่อนมหาลัย ลงรูปลูกมีการแซวกัน สนุกสนาน ไม่มีใครรู้ว่าผมทุกข์แค่ไหน
จนมีรุ่นน้องคนนึง ที่เรารู้จักกันสมัยเรียนทักเข้ามาชมลูกว่าน่ารัก ทักทายผม ชวนผมคุยเรื่องรอนมหาลัย
ทั้งๆที่เราไม่สนิทกันเลย รู้จักเพียงผิวเผิน .... เราคุยกันอย่างสนุกสนานแบบพี่น้อง ผมเริ่มใช้น้องเป็นที่พึ่งเวลาผมเครียด
เราเริ่มคุยกันผ่านบีบี แต่ก็แค่แบบพี่น้อง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น .....จนผมบังเอิญมีเหตุไปใช้คอมที่บ้าน ปกติผมไม่เคยแตะ
งานส่งของขับรถไม่จำเป็นต้องใช้คอม ผมเจอสิ่งที่ทำให้เจ็บปวด เมียผมคุยกับฝรั่งผ่านทางเฟสบุ้ค ทั้งทาง msn
เมียที่ผมรัก ลงรูปถ่ายตัวเองในเฟสที่เปิดเผยหน้าอกรูปร่างของตัวเอง เธอถ่ายบิกินี่แบบเซกซี่ ถ่ายภาพโชว์หน้าอก เห็นหัวนมให้ฝรั่งดู
คุยกันข้อความแต่ละข้อความนี่แทบจะเรียกว่าคุยกันแต่เรื่องอย่างว่า มีการนัดเจอเป็นบางคนด้วย
ผมสติแตก ทะเลาะกับเมียผมอย่างรุนแรง ผมถามหาความจริง เค้ายอมรับ แต่คนที่นัดเจอกัน เมียผมบอกไม่เคยเจอแค่นัดกันเฉยๆ
ผมพังคอมพิวเตอร์ทิ้ง ทะเลาะกัน จนตำรวจมา ผมผลักเธอไปชนกับโต๊ะ ผมสาบานว่าทำแค่นั้น เพราะเธอต้องการจะบังคอมไม่ให้ผมทุบทิ้ง
ตำรวจมาเธอแจ้งข้อหาว่าผมพยายามทำร้ายร่างกาย น้องสาวผมต้องมาดูลูกให้ หลังจากวันนั้นเราไม่พูดกัน ต่างคนต่างอยู่ ผมคิดว่ายังไงเราต้องเลิกกัน
แต่เราทั้งคู่ไม่มีทางไป จึงต้องอยู่ และอีกส่วนนึงผมยังตัดเธอไม่ขาด .....ตอนนั่นเองที่ผมยึดรุ่นน้องคนที่ผมคุยด้วยเป็นที่พึ่ง ผมเล่าให้เธอฟัง
เธอปลอบใจผม รุ่นน้องคนนี้เป็นคนเงียบๆไม่โดเด่น ผมด้วยความที่ตอนเรียนชอบคนเฮฮา จึงไม่เคยสุงสิงกับน้องคนนี้เลย แต่เธอกลับเป็นคนเดียวที่รับฟัง
คอยปลอบ ให้กำลังใจผม จนเราเริ่มคิดอะไรกันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง .... หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็กลับไปคืนดีกับเมีย เพราะลูกผมขอร้อง เมียผมก็ยอม เราคุยกันบอกว่าจะเริ่มกันใหม่
แต่กับรุ่นน้องผมก็ยังคุย เราคุยกันทุกเรื่อง แต่รุ่นน้องผมไม่รู้เรื่องว่าผมกับเมียได้ตกลงคืนดีกันแล้ว ผมผิดเองที่ไม่บอกเธอ
ในขณะที่กับเมีย เราเหินห่างกันมาก .... เวลาผมไม่มีเงิน รุ่นน้องจะให้ความช่วยเหลือ เธอให้เงินผมไปจ่ายค่าน้ำไฟ หรือเวลาลูกผมต้องจ่ายค่าเทอม ผมไม่พอเธอก็จะช่วย
จนผมนัดเจอกับเธอแล้วได้เสียกัน ผมบอกเลิกเธอในครั้งที่สองที่เราได้เสียกัน เพราะผมกลัวเมียจะจับได้ เธอเคยบอกผมถ้ามีปัญหาอะไรก็ตามจะพาลูกไปอยู่ต่างประเทศ
กับผู้ชายที่จะรับเลี้ยงเธอ รุ่นน้องผมยอมจากไปแต่โดยดี เธอร้องไห้ แต่ก็ยอมไป เธอรู้ว่าผมคืนดีกับเมีย น้องเค้าเสียใจมาก แต่ก็ยอมไปเพื่อผม ผ่านไปได้แค่สองอาทิตย์
ผมก็ทนกับความเหงาทางใจไม่ไหว ถึงแม้ผมจะคืนดีกับเมีย แต่เราก็ห่างเหิน เหมือนอยู่กันเพราะลูก มีอะไรกันนับครั้งได้ ผมจึงกลับไปคุยกับรุ่นน้องอีก
เธอรักผมมาก ยอมคุยกับผม และไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย นอกจากจะงอนผมบ้างเวลาที่ผมไม่ติดต่อไป .... เธอยังคอยช่วยค่าใช้จ่ายผม ให้เงินผมหลักแสนไปผ่อนรถส่งของให้หมด
ผมยอมรับว่าตอนแรกผมไม่รักรุ่นน้อวคนนี้เลย แค่เหงาแล้วเครียด เลยหาคนคุยด้วย แต่สิ่งที่เธอทำผมก็เริ่มรักไปทีละนิด เธออยากมีลูกมาก จนวันนึงเธอตั้งท้องได้สามเดือน
เธอนำเงินเก็บมาดาวน์รถให้ผม และขอให้ผมพาเธอไปพักผ่อนบ้าง ผมพาเธอไปแต่คืนนั้น ผมโดนเมียโทรตามกลับบ้าน โดยความที่รักเมียมากกว่า ผมจึงพาเธอขับรถกลับมา ทั้งที่เส้นทางสวนผึ้งเป็นภูเขาลาดชัน ทางมันมาก น้องเค้าขอร้องให้ผมอย่าพึ่งกลับ ขอให้กลับตอนรุ่งเช้า เพราะเธอกลัวมาก ผมขับรถด้วยความเร็ว เธอร้องไห้ไปตลอดทาง ผมสงสารเธอ แต่ก็กลัววเมียทิ้งมากกว่า เมื่อเธอถึงบ้าน ผมก็ขาดการติดต่อเธอสองสามวัน แล้วผมก็รู้ว่า เธอเสียใจมาก จากการเดินทาง เกิดการกระทบกระเทือน และเธอจิตใจแย่มากจนเกิดแท้งลูก
ผมเลวมากที่ทำแบบนั้น ทำเธอเสียใจ เธอขอเลิกกับผม บอกว่าผมไม่ได้รักเธอเลย ทั้งๆที่เธอยอมหมดแล้วทุกอย่าง ผมมันเลววมาก แต่ผมยังเลวไม่ถึงที่สุด
หลังจากนั้นผมเฝ้าง้องอนจนรุ่นน้องผมใจอ่อน ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ทะเลาะบ้างดีกันบ้าง งอนบ้าง แต่เธอรักผม ยอมผมทุกอย่าง เวลาไปดูหนัง กินข้าว ค่าน้ำมันรถเธอจ่ายทุกครั้ง
สิ่งไม่ดีของเธอคือเธอจะหวงผมมาก ขี้หึง งอนอย่างรุนแรงเวลาผมหายไป และขอเลิกทุกครั้งเวลาเธอโกรธ แต่เราไม่เคยเลิกกันเลย บางทีโมโหมาก เธอก็จะสติหลุด โทรหาผม ทั้งๆที่เราตกลงว่าจะไม่โทรหากัน บางทีผมโกรธเพราะกลัวเมียจับได้ก็จะท้าเธอเลิกเหมือนกัน แต่เราก็คืนดีกันทุกครั้ง
เธอขอมีลูก เพราะเธออยากมีลูกไว้เป็นตัวแทนผม เธอสัญญาว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและเลี้ยงดูลูกเอง ผมยอมครับ ในที่สุดเรามีลูกสาวด้วยกันคนนึง ผมไม่ต้องจ่ายเงินอะไรเลย เธอดูแลเองหมด และทำตามที่บอกจริงๆ แต่ก็ยังมีปัญหากับผมเป็นระยะๆ เราติดต่อกันแค่ทางไลน์ทุกวัน ผมหายไปนานเราก็จะทะเลาะกัน บางวันเธอถึงขนาดขอเลิก
เธอบอกทนไม่ไหวแล้ว จะหึงผมถ้ารู้ว่าผมไปไหนกับครอบครัว ทั้งๆที่เธอก็เป็นคนให้ค่าใช้จ่ายกับผมเวลาผมพาเมียกับลูกไปเที่ยว ลำพังผมหาเงินไม่พอไปเที่ยวหรอก
เธอจะบอกว่าอยากเห็นผมมีความสุข แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ไม่มีโอกาสไปกับผม หรืออยู่เป็นครอบครัวกับผม ลูกสาวเราพึ่งคลอดได้เดือนเดียว ผมจะไปหาลูกแค่วันจันทร์ครึ่งเช้า
เธอก็เสียใจ แต่ก็อดทน ผมคิดแบบนั้น ทำไงได้ผมยังรักเมียและกลัวเสียลูกสองคนไป แต่อาทิตย์ที่แล้วผมกับเจอข้อความที่เมียผมติดต่อกับฝรั่งอีกแล้ว
เมียผมยังคุย ยังคงนัดหมายทยังคงอยากไปอยู่เมืองนอก อยากมีชีวิตที่ดี ทั้งๆที่ผมพยายามทุกอย่าง .... รวมถึงทำร้ายรุ่นน้องด้วย
ผมควรจะทำยังไงดี เมียที่ผมรัก กับ คนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อผม หรือผมเองที่เลวเกินกว่าจะทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้
ผมเจ็บปวดกับคนที่ผมรัก และผมไม่มีทางออก
ผมมีภรรยาที่เป็นลูกของแม่เลี้ยงผม ผมรู้สึกแย่ที่พ่อแม่ผมเลิกกัน แต่เพราะยังเด็ก ก็ทำใจยอมรับมัน
แม่เลี้ยงมีลูกติดสองคน ภรรยาผมเป็นลูกคนโต เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเราได้ 9-10 ปี ด้วยความใกล้ชิดเราจึงได้เสียกัน คนในครอบครัวก็ต้องยอมรับ
เพราะเราอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว แต่ภรรยาผมตั้งท้องในขณะที่ผมเรียนชั้นม.6 เราเก็บลูกไว้ ผมไปเรียนมหาลัยที่ผมได้โควต้านักกีฬา
ผมมีเพื่อนฝูง มีความสุข เที่ยวเตร่เฮฮา ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะมีพ่อที่มีรายได้เยอะคอยเลี้ยงตัวผมและลูกเมียผมได้ กลับบ้านเสาร์อาทิตย์เราก็อยู่ด้วยกัน
จนผมเรียนจบ ก็กลับบ้านช่วยพ่อจัดคิวงาน พ่อให้เงินผม ผมก็ใช้จ่าย อยากได้อะไรก็ขอพ่อ เมียผมต้องการอะไรก็จะหามาให้ จนเรามีลูกอีกคน
ดูเหมือนทุกอย่างจะมีความสุขดี ....แต่ลึกๆแม่เลี้ยงผมหรือในสถานะแม่ยายผมด้วย จะคอยกีดกันไม่ให้ผมมีส่วนจัดการเรื่องเงิน บ้าน หรือเป็นเจ้าของอะไรก็ตามที่พ่อผมซื้อ
ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือมีสิทธิ์ใช้รถของพ่อ โดยที่แม่เลี้ยงผมไม่เห็นดีด้วย แต่ผมไม่คิดมาก อยู่ได้ อะไรก็ได้ เพราะผมมีลูกสองคนที่ตัวติดกับผมตลอด แต่น้องสาวผมทนไม่ไหว
ต้องแยกไปอยู่ข้างนอกกับสามีของน้อง ผมจะเป็นฝ่ายดูแลลูกเป็นหลักหลังจากที่ผมเรียนจบ เมียผมออกไปทำงานนอกบ้าน ด้วยเหตุผลว่าเบีออยู่แต่ในบ้าน เธอทำงานขายบัตรเครดิต
จนเมื่อกิจการของพ่อผมมีปัญหา เกิดอุบัติเหตุในการส่งสินค้า มีคนตายตอนนั้นมีข่าวลงหนังสือพิมพ์ พ่อผมต้องขายทุกอย่างที่มีมาชดใช้ กิจการล้มละลาย
บ้านที่ซื้อไว้ราคาหลักเจ็ดล้านไม่มีเงินจะส่ง ปัญหาเริ่มเกิด เมียกับแม่เลี้ยงผมเริ่มเปลี่ยนไป มีเรื่องทะเลาะกันตลอด ตอนนั้นผมต้องเป็นคนขับรถเอง จากที่เคยคอยคุมคิวงาน ได้รถกระบะมาไว้ส่งของ พอมีรายได้ แต่ก็ไม่พอรายจ่าย พ่อผมเริ่มเครียด เจ็บป่วย แต่เราก็คิดจะสู้ ยังไงก็จะต้องพากันรอด แต่แล้วพวกผมก็ได้รู้ว่าเราสองคนพ่อลูกคิดผิด เมียกับแม่เลี้ยงผมหาทางตีจาก ไปหาสิ่งที่ดีกว่าโดยสมัครบริการรับจัดหาคู่ชาวต่างชาติ ทั้งคู่หาฝรั่งมาช่วยเลี้ยงเพราะคิดว่าผมกับพ่อไม่มีปัญญาแล้ว ที่ผมรู้ เพราะแม่เลี้ยงเค้าหาได้ก่อน เค้ามาบอกพ่อผมว่าจะขอเลิก เพราะจะไปอยู่เมืองนอกกับฝรั่งที่ติดต่อกัน แม่เลี้ยงผมเตรียมเดินทางเก็บของ ไปเรียนภาษา ในที่สุดพ่อผมทนความกดดันไม่ไหว จึงเส้นเลือดในสมองแตกตาย จบชีวิตไปอย่างทรมาน
สิ่งที่ผมได้รู้จากงานศพพ่อคือเมียผมก็ได้ทำอย่างที่แม่เลี้ยงผมทำ คุยกับฝรั่ง หาคนมารับเลี้ยงดูต่างกันที่ว่า เมียผมยังหาคนจริงจังด้วยไม่ได้
ผมขอร้องให้เค้าหยุดเพื่อลูก และผมจะลืมทุกอย่างซะ หลังงานศพพ่อผม แม่เลี้ยงก็ได้นำงานช่วยงานศพไปอยู่เมืองนอกกับฝรั่ง
แน่นอน น้องสาวผมไม่ยอม แต่สุดท้ายผมก็ให้เงินไปเพราะคิดว่าผมยังมีแรงหาใหม่ มีคนที่พระคุณกับผมสางสารผม เลยออกรถมาไห้ผมไว้ส่งของ
แต่ผมต้องใช้คืนเค้าทุกเดือน หลังจากนั้นผมก็สู้ทำงานหนักทุกอย่าง วิ่งส่งของ จัดงานให้ทันกับไปรับลูก ดูแลลูก เพราะเมียผมกลับบ้านก็ดึกแล้ว
เมียมักจะอารมเสียใส่ผมเสมอเวลาหาเงินไม่พอใช้ ค่าบ้านเราก็ไม่ส่งจนถูกยึด มีหมายศาลให้เราย้ายออก แต่เราไม่มีทางไป
เป็นแบบนี้เรื่อยมา ช่วงไหนที่แม่เลี้ยงผมกลับมาเพื่อต่อวีซ่า เราก็แทบจะต่างคนต่างอยู่ เวลาเธอต้องการให้ผมทำอะไรก็จะพูดดี เวลาผมไม่มีให้
เธอก็จะเปลี่ยนเป็นคนล่ะคน
ระหว่างนั้นผมก็ได้เริ่มมีเฟส ผมคุยกับเพื่อนมหาลัย ลงรูปลูกมีการแซวกัน สนุกสนาน ไม่มีใครรู้ว่าผมทุกข์แค่ไหน
จนมีรุ่นน้องคนนึง ที่เรารู้จักกันสมัยเรียนทักเข้ามาชมลูกว่าน่ารัก ทักทายผม ชวนผมคุยเรื่องรอนมหาลัย
ทั้งๆที่เราไม่สนิทกันเลย รู้จักเพียงผิวเผิน .... เราคุยกันอย่างสนุกสนานแบบพี่น้อง ผมเริ่มใช้น้องเป็นที่พึ่งเวลาผมเครียด
เราเริ่มคุยกันผ่านบีบี แต่ก็แค่แบบพี่น้อง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น .....จนผมบังเอิญมีเหตุไปใช้คอมที่บ้าน ปกติผมไม่เคยแตะ
งานส่งของขับรถไม่จำเป็นต้องใช้คอม ผมเจอสิ่งที่ทำให้เจ็บปวด เมียผมคุยกับฝรั่งผ่านทางเฟสบุ้ค ทั้งทาง msn
เมียที่ผมรัก ลงรูปถ่ายตัวเองในเฟสที่เปิดเผยหน้าอกรูปร่างของตัวเอง เธอถ่ายบิกินี่แบบเซกซี่ ถ่ายภาพโชว์หน้าอก เห็นหัวนมให้ฝรั่งดู
คุยกันข้อความแต่ละข้อความนี่แทบจะเรียกว่าคุยกันแต่เรื่องอย่างว่า มีการนัดเจอเป็นบางคนด้วย
ผมสติแตก ทะเลาะกับเมียผมอย่างรุนแรง ผมถามหาความจริง เค้ายอมรับ แต่คนที่นัดเจอกัน เมียผมบอกไม่เคยเจอแค่นัดกันเฉยๆ
ผมพังคอมพิวเตอร์ทิ้ง ทะเลาะกัน จนตำรวจมา ผมผลักเธอไปชนกับโต๊ะ ผมสาบานว่าทำแค่นั้น เพราะเธอต้องการจะบังคอมไม่ให้ผมทุบทิ้ง
ตำรวจมาเธอแจ้งข้อหาว่าผมพยายามทำร้ายร่างกาย น้องสาวผมต้องมาดูลูกให้ หลังจากวันนั้นเราไม่พูดกัน ต่างคนต่างอยู่ ผมคิดว่ายังไงเราต้องเลิกกัน
แต่เราทั้งคู่ไม่มีทางไป จึงต้องอยู่ และอีกส่วนนึงผมยังตัดเธอไม่ขาด .....ตอนนั่นเองที่ผมยึดรุ่นน้องคนที่ผมคุยด้วยเป็นที่พึ่ง ผมเล่าให้เธอฟัง
เธอปลอบใจผม รุ่นน้องคนนี้เป็นคนเงียบๆไม่โดเด่น ผมด้วยความที่ตอนเรียนชอบคนเฮฮา จึงไม่เคยสุงสิงกับน้องคนนี้เลย แต่เธอกลับเป็นคนเดียวที่รับฟัง
คอยปลอบ ให้กำลังใจผม จนเราเริ่มคิดอะไรกันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง .... หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็กลับไปคืนดีกับเมีย เพราะลูกผมขอร้อง เมียผมก็ยอม เราคุยกันบอกว่าจะเริ่มกันใหม่
แต่กับรุ่นน้องผมก็ยังคุย เราคุยกันทุกเรื่อง แต่รุ่นน้องผมไม่รู้เรื่องว่าผมกับเมียได้ตกลงคืนดีกันแล้ว ผมผิดเองที่ไม่บอกเธอ
ในขณะที่กับเมีย เราเหินห่างกันมาก .... เวลาผมไม่มีเงิน รุ่นน้องจะให้ความช่วยเหลือ เธอให้เงินผมไปจ่ายค่าน้ำไฟ หรือเวลาลูกผมต้องจ่ายค่าเทอม ผมไม่พอเธอก็จะช่วย
จนผมนัดเจอกับเธอแล้วได้เสียกัน ผมบอกเลิกเธอในครั้งที่สองที่เราได้เสียกัน เพราะผมกลัวเมียจะจับได้ เธอเคยบอกผมถ้ามีปัญหาอะไรก็ตามจะพาลูกไปอยู่ต่างประเทศ
กับผู้ชายที่จะรับเลี้ยงเธอ รุ่นน้องผมยอมจากไปแต่โดยดี เธอร้องไห้ แต่ก็ยอมไป เธอรู้ว่าผมคืนดีกับเมีย น้องเค้าเสียใจมาก แต่ก็ยอมไปเพื่อผม ผ่านไปได้แค่สองอาทิตย์
ผมก็ทนกับความเหงาทางใจไม่ไหว ถึงแม้ผมจะคืนดีกับเมีย แต่เราก็ห่างเหิน เหมือนอยู่กันเพราะลูก มีอะไรกันนับครั้งได้ ผมจึงกลับไปคุยกับรุ่นน้องอีก
เธอรักผมมาก ยอมคุยกับผม และไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย นอกจากจะงอนผมบ้างเวลาที่ผมไม่ติดต่อไป .... เธอยังคอยช่วยค่าใช้จ่ายผม ให้เงินผมหลักแสนไปผ่อนรถส่งของให้หมด
ผมยอมรับว่าตอนแรกผมไม่รักรุ่นน้อวคนนี้เลย แค่เหงาแล้วเครียด เลยหาคนคุยด้วย แต่สิ่งที่เธอทำผมก็เริ่มรักไปทีละนิด เธออยากมีลูกมาก จนวันนึงเธอตั้งท้องได้สามเดือน
เธอนำเงินเก็บมาดาวน์รถให้ผม และขอให้ผมพาเธอไปพักผ่อนบ้าง ผมพาเธอไปแต่คืนนั้น ผมโดนเมียโทรตามกลับบ้าน โดยความที่รักเมียมากกว่า ผมจึงพาเธอขับรถกลับมา ทั้งที่เส้นทางสวนผึ้งเป็นภูเขาลาดชัน ทางมันมาก น้องเค้าขอร้องให้ผมอย่าพึ่งกลับ ขอให้กลับตอนรุ่งเช้า เพราะเธอกลัวมาก ผมขับรถด้วยความเร็ว เธอร้องไห้ไปตลอดทาง ผมสงสารเธอ แต่ก็กลัววเมียทิ้งมากกว่า เมื่อเธอถึงบ้าน ผมก็ขาดการติดต่อเธอสองสามวัน แล้วผมก็รู้ว่า เธอเสียใจมาก จากการเดินทาง เกิดการกระทบกระเทือน และเธอจิตใจแย่มากจนเกิดแท้งลูก
ผมเลวมากที่ทำแบบนั้น ทำเธอเสียใจ เธอขอเลิกกับผม บอกว่าผมไม่ได้รักเธอเลย ทั้งๆที่เธอยอมหมดแล้วทุกอย่าง ผมมันเลววมาก แต่ผมยังเลวไม่ถึงที่สุด
หลังจากนั้นผมเฝ้าง้องอนจนรุ่นน้องผมใจอ่อน ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ทะเลาะบ้างดีกันบ้าง งอนบ้าง แต่เธอรักผม ยอมผมทุกอย่าง เวลาไปดูหนัง กินข้าว ค่าน้ำมันรถเธอจ่ายทุกครั้ง
สิ่งไม่ดีของเธอคือเธอจะหวงผมมาก ขี้หึง งอนอย่างรุนแรงเวลาผมหายไป และขอเลิกทุกครั้งเวลาเธอโกรธ แต่เราไม่เคยเลิกกันเลย บางทีโมโหมาก เธอก็จะสติหลุด โทรหาผม ทั้งๆที่เราตกลงว่าจะไม่โทรหากัน บางทีผมโกรธเพราะกลัวเมียจับได้ก็จะท้าเธอเลิกเหมือนกัน แต่เราก็คืนดีกันทุกครั้ง
เธอขอมีลูก เพราะเธออยากมีลูกไว้เป็นตัวแทนผม เธอสัญญาว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและเลี้ยงดูลูกเอง ผมยอมครับ ในที่สุดเรามีลูกสาวด้วยกันคนนึง ผมไม่ต้องจ่ายเงินอะไรเลย เธอดูแลเองหมด และทำตามที่บอกจริงๆ แต่ก็ยังมีปัญหากับผมเป็นระยะๆ เราติดต่อกันแค่ทางไลน์ทุกวัน ผมหายไปนานเราก็จะทะเลาะกัน บางวันเธอถึงขนาดขอเลิก
เธอบอกทนไม่ไหวแล้ว จะหึงผมถ้ารู้ว่าผมไปไหนกับครอบครัว ทั้งๆที่เธอก็เป็นคนให้ค่าใช้จ่ายกับผมเวลาผมพาเมียกับลูกไปเที่ยว ลำพังผมหาเงินไม่พอไปเที่ยวหรอก
เธอจะบอกว่าอยากเห็นผมมีความสุข แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ไม่มีโอกาสไปกับผม หรืออยู่เป็นครอบครัวกับผม ลูกสาวเราพึ่งคลอดได้เดือนเดียว ผมจะไปหาลูกแค่วันจันทร์ครึ่งเช้า
เธอก็เสียใจ แต่ก็อดทน ผมคิดแบบนั้น ทำไงได้ผมยังรักเมียและกลัวเสียลูกสองคนไป แต่อาทิตย์ที่แล้วผมกับเจอข้อความที่เมียผมติดต่อกับฝรั่งอีกแล้ว
เมียผมยังคุย ยังคงนัดหมายทยังคงอยากไปอยู่เมืองนอก อยากมีชีวิตที่ดี ทั้งๆที่ผมพยายามทุกอย่าง .... รวมถึงทำร้ายรุ่นน้องด้วย
ผมควรจะทำยังไงดี เมียที่ผมรัก กับ คนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อผม หรือผมเองที่เลวเกินกว่าจะทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้