วัฒนธรรม Hipster

ต้องการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มคนลักษณะหนึ่งด้วยการวิเคราะห์ ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ และอยากรู้ความเห็นของคนอื่นๆบ้างว่าคิดเห็นกันอย่างไร
เนื่องจากล่าสุดเพิ่งได้ชมรายการ Status Story เป็นตอนที่มีการพูดถึง กลุ่มคนที่เรียกว่า Hipster จึงเกิดความคิดเห็นบางส่วนที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับข้อมูลที่นำเสนอในรายการ  

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ความแตกต่างระหว่างความหมาย/ความมุ่งหมายในการแสดงออก-และความเป็นจริงภายในของ ·Hipster

      ความหมายในเชิงอุดมคติของ·Hipster คือการเป็นนักอุดมการณ์ เช่นการแสดงตนเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักสุขภาพ กินอาหารคลีน ออกกำลังกาย ดูเป็นพวกหัวก้าวหน้า ชื่นชมงานศิลปะ ทั้งหมดนี้แสดงออกด้วยวิธีต่างๆกันไป ตามแต่ความสนใจ ซึ่งถ้ามองอย่างผิวเผินแล้วดูเป็นคนที่มีอุดมการณ์หรือจุดยืนอะไรบางอย่างที่พวกเขายึดถือเอาไว้ แต่ในความเป็นจริงของไทยฮิปสเตอร์ นั้นกลับไร้ซึ่งจุดยืนมีแต่ความกลวงเปล่า(โดยทั่วไป ไม่กล่าวถึงผู้ที่มีความเชื่ออย่างแท้จริง) เป็นเพียงการยึดติดกับรูปลักษณ์ และความหมายเชิงสัญลักษณ์ มากกว่า ทั้งที่คนกลุ่มนี้คิดว่าตัวเองคือพวกนอกกระแสแต่ผู้เขียนกลับคิดว่าเรียกว่าเป็นกระแสรองจะถูกกว่า แต่พวกคนในกลุ่มเองกลับเป็นพวกที่ตามกระแสอย่างสุดโต่งด้วยซ้ำ ผู้เขียนเคยเห็นแถวต่อคิวซื้อหนังเรื่อง MARY IS HAPPY MARY IS HAPPY ยาวที่สุดตั้งแต่เคยไปงานสัปดาร์หนังสือมา ทั้งที่บุธหนังสือที่อ่านยากขึ้นหน่อยจะแทบไม่มีคนเลย



ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้คิดว่าคนจะกลายเป็นกระแสหลัก ที่กล่าวว่าคนกลุ่มนี้ยึดถือภาพลักษณ์ภายนอกมากกว่าวิธีคิด จะเห็นได้จากฮิปสเตอร์นั้นเน้นการแต่งตัวให้ดูอาร์ตดูเท่ ซื้อของที่มี STYLE สอดรับบอกความเป็นตัวตนในแบบที่พวกเขาคิดขึ้นมา(ซึ่งคำว่าตัวตนนั้นก็คือสิ่งที่ที่คนสรรหามาประดับตัวนั่นเอง) มีการซื้อสินค้าแฟชั่นสมัยนิยมต่างมาใช้ด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นผู้มีรสนิยมทางความงามสูงกว่าผู้อื่น ในข้อนี้ผู้เขียนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเนื่องจากเป็นนักเรียนสถาปัตย์ซึ่งถือว่าเป็นสังคมที่มีสัดส่วนของฮิปสเตอร์อยู่ถือว่าสูงมากทีเดียว ในทางกลับกันก็มีผู้ที่นิยมแต่งตัวอย่างซ่อมซ่อ ,ง่ายๆเหมือนชุดนอน คิดว่าคงมีบางส่วนแต่งอย่างนั้นเพราะอยากนำเสนอว่าตนเป็นพวกไม่แคร์ต่อสายตาของสังคม ในความจริงแล้วการคิดอย่างนั้นก็เป็นลักษณะหนึ่งของการแคร์สายตาคนอื่นเหมือนกัน เนื่องจากลึกๆแล้วก็อยากให้คนมองเห็นว่าตนนั้นไม่แคร์? อีกรูปแบบหนึ่งคือเรื่องของจักรยาน การใช้จักรยานโดยตัวมันเองแล้วถือว่าเป็นพาหนะที่มีคุณประโยชน์สูงมาก (ไม่พูดถึงสภาพการสรรจรในเมืองไทย) แต่ชาวไทยฮิปสเตอร์ส่วนมากแล้วใช้จักรยานเป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคมและรสนิยมมากกว่า คนกลุ่มนี้บางครั้งมักจะมองคนอื่นอย่างเหยียดๆถือตนเหนือกว่า เช่นว่าเป็นผู้มีอุดมการณ์รักสิ่งแวดล้อมไม่ใช้พลังงานสิ้นเปลือง




อีกประเด็นหนึ่ง คนกลุ่มนี้ชอบศิลปะ? มักนิยมชื่นชมงานศิลปะที่เน้นการเสพสัมผัสได้โดยง่าย เช่น ภาพยนตร์ เพลง ภาพเขียน ภาพถ่าย ที่เห็นได้ชัดมากในยุคนี้คือมีคนนิยมถ่ายภาพกันมากขึ้น ด้วยหลายปัจจัยเช่น ราคาอุปกรณ์ที่ดีมีราคาไม่สูงมากนัก มีช่องทางในการเผยแพร่ภาพถ่ายของตัวเองมากขึ้น
เรื่องของหนัง คนกลุ่มนี้นิยมดูหนังที่คนไม่ค่อยรู้จักมากนักที่พวกเขาเรียกกันว่าเป็นหนังนอกกระแส จะเห็นได้ว่ามีการเปิดเพจวิจารณ์หนังกันอย่างกว้างขวางจนดูเหมือนว่า เป็นกระแสนิยมของยุคนี้ไปแล้วว่าดูหนังเสร็จแล้วต้องมารีวิว เนื่องจากภาพยนต์เป็นสื่อที่เสพได้ไม่ยากนัก ไม่เหมือนกับวรรณกรรม จึงมีผู้เสพที่มากกว่า สำหรับการรู้จักหนังที่คนทั่วไปไม่รู้จักนั้นดูจะเป็นความภาคภูมิใจอันสูงส่งของคนกลุ่มนี้
ส่วนการเสพสือประเภทหนังสือ นั้นจะอ่านเฉพาะพวกที่อ่านง่าย ภาพมากๆเท่ๆ ไม่มีเรื่องราวที่ลึกซึ้งให้ขบคิดมากนั้น ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่ปราศจากจุดยืนหรืออุดมการณ์ทางสังคมใดๆ จนคำว่าศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน นั้นอาจเป็นคำพูดที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ในสังคมนี้เลยที่เดียว



หนังสือที่ได้รับความนิยมเป็นพวกหนังสือภาพเก๋ๆ ถ่ายอย่างมี proportion และโทนสีของ filter ซ้ำๆตามแบบฉบับของคนแนวนี้ เน้นหนังสือความคิดเห็นสั้นๆ อย่างหนังสือของ ·Aday ,abook มากกว่าหนังสือวรรณกรรมยาวๆ ส่วนหนังสือที่นำเสนอข้อเท็จจริง ความคิดกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ อาจเป็นได้ว่าวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในยุคนี้อาจกลวงเปล่าที่สุดก็เป็นได้ เพราะเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองไม่มีความคำนึงถึงสังคมโดยรวม
เนื่องจากเป็นนักเรียนสถาปัตย์จึงขอพูดถึงการตกแต่งตามกระแสนิยมปัจจุบันเพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของ hipster โดยรวม

  

วัยรุ่นในยุคฮิปสเตอร์นิยมเสพสัญญะทางการบริโภคมากขึ้น
ร้านที่พวกเขาจะเข้าจะต้องมีสไตล์คล้ายๆลักษณะในภาพคือการย้อนยุคหน่อยๆวิเทจๆ เช่นร้านกาแฟร้านขนม ร้านอาหาร ซึ่งร้านพวกที่ราคาจะแพงขึ้นมากดังนั้นการเป็นฮิปสเตอร์จึงมี Costs of living ทีสูงกว่าคนทั่วไปอยู่มากทั้งการแต่งตัวการกิ่นอยู่ ที่ต้องมีสไตลตลอดเวลา
น่าแปลกที่ภาพลักษณ์ของเหล่า ฮิปสเตอร์ต้องการที่จะนำเสนอออกมานั้นมีความเป็นขบถหน่อยๆ แต่ในความเป็นจริงที่สัมผัสมานั้นคนเหล่านี้เกือบทั้งหมดเป็นพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ (Neoconservative) ตัวอย่างเช่นแนวคิดทางการเมืองเป็นต้น
อีกประเด็นคือ ในยุคที่การเดินทางเป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยสะดวกขึ้นมากนี้  การจะแบกเป้เดินทางไปเที่ยวในที่ ใหม่ๆแปลกๆได้รับความนิยมสูงมาก
จะเห็นได้ตามรีวิวต่างๆที่มักจะมาบอกว่าเดินทางไปที่นั่นที่นี่โดยใช้เงินน้อยนิดเดียว จนเหมือนกับเกมที่ต้องแข่งขันกันใช้เงินเที่ยวให้น้อยที่สุดโดยไม่ได้ให้ความสำคัญอยู่ที่การเดินทางท่องเที่ยวเป็นหลัก และการเที่ยวมักจะเป็นนัยยะในด้านการอวดภาพถ่ายในโซเชียลมีเดียมากทีเดียว
ฮิปสเตอส่วนใหญ่จะนิยมใช้สินค้าแบรนด์ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของตนมากกว่าคุณสมบัติของอุปกร์เช่น ใช้ไอโฟน ไอแพด แมคบุค กินสตาร์บัค โดยบางที่สินค้าแบรนด์อื่นอาจมีศักยภาพที่สูงกว่าแต่เขาจะไม่รับฟังเลยเนื่องจากศรัทธาในตัวภาพลักษณ์ของแบรนด์

ในหลายๆข้อผู้เขียนก็เป็นส่วนหนึ่งในการกระทำดังกล่าว จึงไม่ได้ตั้งใจวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นแต่ฝ่ายเดียว ในหลายๆข้อเช่นการขี่จักรยานโดยผลลัพธ์สุดท้ายแล้วก็อาจจะส่งผลดีต่อตัวผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงตามกระแส แต่ข้อเขียนนี้เขียนเพื่อทำการวิเคราะห์และต้องการความคิดเห็นอื่นๆอีก เช่นมีข้อสังเกตและกิจกรรมอื่นๆที่สะท้อนความเป็นฮิปสเตอร์ในข้ออื่นอีกบ้างหรือไม่?


...................................................................................................................................................................................

เพิ่มเติมครับ

จากที่ จขกท อทิบายไว้ในข้อเขียนเพื่อไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งและเข้าใจผิดอย่างที่บางคอมเม้นกล่าว ขอเน้นว่า
     ข้อ 1  เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
          2  ไม่ขอกล่าวถึงผู้ที่มีความเชื่อและใจรักจริงๆ ขอกล่าวถึงเฉพาะกลุ่มที่ทำตามๆเขาไป
          3  จขกท ก็เป็นในหลายๆข้อเช่น แบกเป้เที่ยว กินอาหารคลีน ออกกำลังรักสุขภาพ รักสิ่งแวดล้อม ดูหนัง
          4  ส่วนหนังสือ Abook aday ก็อ่านมามากครับ แต่เดี๋ยวนี้อ่านน้อยลงเพราะรู้สึกว่าเป็นหนังสือขายฝันซะส่วนใหญ่
          5  เรื่องที่เน้นไว้ว่า บางคนทำตามๆเขาไปแต่สุดท้ายแล้วมันก้มีประโยชน์นะครับบางกิจกรรม อันนี้ทำดีแล้วครับ
          6  จขกท ไม่ใช่ตัวแทนของเสียงฝั่งแอนตี้ ฮิปเตอร์นะครับ เรียกได้ว่าครึ่งตัวอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ
          7  บางข้อจะว่าอคติก็ว่าได้ เนื่องจากการสั่งเกตจากผู้คนรอบตัว บางที่คนกลุ่มนี้ดีแต่แต่งตัว เวลาคิดงาน brainstorm กันคิดอะไรไม่ออกเลยครับ มากอะไรดาษดื่น ไม่มีความคิดหรือวัตถุดิบทางความคิดมากพอที่จะคิดอะไรใหม่ๆได้เลย ขาดทักษะการวิเคราะแยกแยะอย่างมาก มักจะเป็นตามนี้จริงๆ ส่วนคนทั้งกลุ่ม ฮิปสเตอร์นั้นจะเป็นอย่างไร ไม่สามารถเหมา     รวมได้ครับจึงพยายามเน้นว่าไม่ขอพูดถึงคนที่มีความเชื่อจริงๆ
          8  ส่วนบอกว่าจะไปยุ่งเรื่องอะไรของเขานี่ ไม่ยุ่งนะครับเพราะว่าสไตล์ชีวิตของใครของมันจะกลวงหรือไม่กลวงก็แล้วแต่คนคิดแต่ แต่กระทู้นี้ เป็นความเห็นส่วนตัวเฉยๆ
          9  ใช้ไอโฟนนี้เรื่องเฉพาะตัวมากๆครับ แต่เป็นกรณีที่ยกตัวอย่างขึ้นมาให้เห็นภาพของ การมี Brand loyalty
         10  สังคมไทยต้องการ การคิดอย่างวิพากษ์บ้างนะครับไม่ใช้มองเป็นอะไร Stereotype ไปหมด ตัว จขกท ก็ไม่ได้มองว่า ฮิปเตอร์แย่ไปหมด เพราะตัวเองก็ทำอย่างเขา
         11  ทั้งนี้ Lifestyle ต่างๆทำให้ชีวิตมีความรุ่มรวย สนุกกับการใช้ชีวิตซึ่งดีครับ ไม่ใช่อยู่แต่ในมุมมืด ซึ่งเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้กล่าวถึงในทีนี้ เพราะกล่าวตามหัวข้อครับ อาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนทั้งหมด เพราะมันมีอีกหลายปัจจัยที่ยังพูดได้ไม่ครอบคลุมไปถึง

         *อ่านคอมเม้นสนุกดีครับบางคอมเม้นได้ข้อคิดในมุมใหม่ๆมากจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่