จากกระทู้ใน dek-d
ใครหนักกว่ากัน ? เทียบชัดๆ ตารางสอนมัธยม 4 ประเทศ (ไทย, อังกฤษ, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้)
มีเด็กหลายคนบอกว่า การบ้าน เยอะ บางคนบอก เรียนไม่รู้เรื่อง หลายเหตุผล
ทังเรื่องมาตรฐานการเรียนที่ แต่ละโรงเรียนต่างกัน การจัดวิชาก็ต่างกันอีก ฟังๆไปแล้วดูเหมือน โรงเรียนไทยเราจะไม่มีมาตราฐานที่ชัดเจนเลย
เหมือนสอนแบบตัวใครตัวมัน ไร้ระบบ อย่างหน้าตื่นตันน้ำตาร่วงจริงๆ
ผู้เขียนอ่านๆดูแล้วก็พอจะทำความเข้าใจนักเรียนบางคนอยู่บ้างที่ต้องใช่บริการจ้างทำการบ้าน
แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าสมัยไหนๆมันก็มีอยู่แล้วหรือ???
ที่เด็กๆเรียนแล้วเกิดวงจรหน้าเศร้าในปัจจุบัน ผู้เขียนคิดว่า
1 เราไม่ได้เรียนให้คิดเป็น หรือที่เรียกว่า แบบบูรณาการ ความรู้ทุกอย่างมันเชื่อมโยงต่อกัน เป็นเหตุ - ผล
เช่น
วิชา 1 เราจำว่าแถบนี้มีการทำเหมืองเยอะ อาชีพในแถบนั้น
วิชา 2 เราไปเรียนว่า แถบนี้มีภูมิประเทศอย่างไร มาจะไหน เกิดจากการดันตัวอะไรยังไง
วิชา 3 เราเรียนว่าดินแบบไหนทำให้เกิดแร่อะไร
เราได้จำ 3 วิชาที่เป็นเรื่องเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่ถ้าเราเอามาโยงตั้งแต่รากฐานว่ามันมาอย่างไร เป็นผลให้เกิดไรอะไร ทำให้เกิดเหมืองอะไร เราก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจสถานที่นี้ 1 ที่ ไม่ว่าเราจะศึกษาสถานที่อื่นอย่างไร เราก็จะเข้าใจได้ ออกความคิดเห็นได้เลย รากฐานเดียวกัน ไม่ใช่จำ ที่สุดท้ายต้องลืม
วีธีการเรียนการสอนแบบบุรณาการมีให้เห็นมากขึ้นในหลายๆ โรงเรียน แนวใหม่ ปัจจุบัน
ตอนที่ดิฉันสอบเอ็นก็ได้โรงเรียนกวดวิชาแบบบุรณาการนี่สอนให้ผ่านมาได้
เสียดายตอนนี้จำชื่อโรงเรียนไม่ได้แล้ว เป็นโรงเรียนสอนสังคม จำได้แต่อยู่ถนนนครไชยศรี ดุสิต กรุงเทพ ใกล้ๆกับโรงเรียครูสมศรี
หรือ ก็ยังมีโรงเรียนอื่นๆ ที่สอน เช่น ดรุณสิขาลัย (
http://e-school.kmutt.ac.th/newsDetail.php?NewsID=50 ) เป็นต้น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาอ้างอิงการเรียนการสอนของรัฐได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ตามเค้า แต่ก็รู้ว่า กระบวนการเรียนรู้ของคนเป็นอย่างไร
2 ครูคิดว่าตัวเองเป็นครู ทำตัวเป็นครู มีศักศรีความเป็นครูค้ำคอ
พ่อแม่เดียวนี้เป็นกระแสนิยมว่า พยายามเป็นเพื่อนของลูกมากขึ้น ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น????
ก็เป็นเหตุผลเดียวกับการที่ครูควรจะปรับตาม การที่คุณไม่ได้แสดงตัวด้วยศักศรีของคุณว่าคุณเป็นพ่อแม่ หรือเป็นครู ก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวตน และคุณค่าของการเป็นผู้ให้ของคุณจะตกต่ำ หรือด้อยค่าลงไป
การที่เด็กเรียนกับพี่ๆที่สถานกวดวิชาเข้าใจมากกว่าครูที่โรงเรียน เพราะพวกเค้าไม่ได้พยายามทำตัวเป็นครู พวกเค้ารับฟังว่าเด็กไม่เข้าใจอย่างไร
อย่าง เพื่อน และพี่
พวกเค้ายินดีอธิบายเด็กมากขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฟังการแสดงความคิดเห็น โต้เถียง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ไม่ว่าพวกเค้าจะรู้ เข้าใจหรือไม่ พวกเค้าก็จะหามาให้เด็กๆในครั้งหน้าของการสอน
และยินดีปรับการสอนของพวกเค้าให้เด็กเข้าใจมากขึ้น ในห้องสอนแต่ละห้องที่เด็กๆต่างกัน
ครูจะทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้นได้อย่างไรถ้าครูไม่ฟังพวกเค้าให้มากขึ้น
เด็กๆที่ครูสอนต่างหากที่สามารถสอนให้ครูสอนได้ดีมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น มีความสุข และสนุกมากขึ้น
ไม่ใช่ว่าครูบอกว่าตัวเองเป็นครู ครูของครูก็สอนมาอย่างนี้ เด็กมีหน้าที่ต้องเข้าใจ ถ้าไม่ ก็ต้องไปค้นคว้าเพิ่มเติม
การค้นคว้าเพิ่มเติมเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนต้องทำ
แต่การที่ครูพูดอย่างนี้ก็หมายด้วยว่าครูทำให้การสอนของครูไร้ค่าสำหรับเด็กๆ
ในเมื่อเด็กๆไม่เข้าใจ ในชัวโมงที่ครูสอน ไม่ได้หมายความว่า
คุณค่าการสอนของครู= การไม่ได้พูดอะไรเลยในห้องเรียนของครู อย่างนั้นหรอ????
และคร้ังหน้า ครูก็สอนอย่างเดิมๆ ไม่ว่าผ่านไปกี่สิบปีของการเป็นครูของตัวเอง
รักษามาตราฐาน สอนอย่างไรก็อย่างนั้น
ครูต่างหากที่ลดทอนคุณค่าของการเป็นครูของตัวเอง
คุณทำให้เด็กมองห้องเรียนของครูไร้ค้า เพราะเค้าไม่เข้าใจครู เค้าไม่สนใจเรียน ไม่อยากเรียน และหลับในห้องเรียน
ถ้าพวกเค้าไม่ได้คิดว่าห้องเรียนของครูไร้ค่าจริง พวกเค้าต้องตอบแทนด้วยการเรียนอย่างกระตือรือร้น มีความสุข และจริงจังไม่ใช่หรือ????
2-3 ชม ของการเรียนที่สถานเรียนพิเศษถึงได้เป็นช่วงเวลาที่ควรแก่การเสียเงินเพิ่มขึ้น ทั้งที่เด็กนอนหลับในห้องเรียนของครู อย่างไรล่ะ
3 ทั้งหมด 2 ข้อเบื่องต้น ทำให้ชั่วโมงการเรียนมากและน่าเบื่อ เด็กกลับบ้าน 1-2 ทุ่มทุกวัน แล้วเด็กจะเอาเวลาที่ไหนไปทำกิจกรรม งานกลุ่ม โครงการกลุ่ม ศึกษาที่ห้องสมุด
พวกเค้ากลับมาบ้าน พวกเค้าต้องทานข้าว อาบน้ำ คุณไม่คิดว่ากิจกรรมกับครอบครัวสำคัญหรือ???
การนั่งพร้อมหน้ากันของครอบครัวครบทุกคนในแต่ละวันไม่สำคัญหรือ???
มีสักกี่บ้านที่มีเวลามาเล่าเรื่อสนุกที่ตัวเองเจอ แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ตัดเรื่องของครอบครัวไป เด็กต้องทำการบ้าน และถึงเวลานี้ พวกเด็กก็เต็มกลืน พวกเค้าอยากนอนแล้ว
อยากพักสมอง ถ้าไม่นอนพวกเค้าก้อยากทำให้สิ่งที่ชอบบ้าง
สิ่งที่ชอบต่างหากที่เป็นอนาคตของพวกเค้า อนาคตพวกเค้าจะทำอะไร เป็นคนแบบไหน ก็บอกได้จากสิ่งที่พวกเค้าชอบ พวกเค้ารัก
ในห้องเรียน ในโรงเรียน แทบไม่มีอะไรที่พวกเค้าเลือกได้เองเลย
เป้นวิชาที่ครูเลือกให้ เพื่อนที่สุดท้ายก็อยู่ในสังคมที่พ่อแม่เลือกให้
บางที่ เรียนพิเศษ พ่อแม่ก็เลือกให้ เรียนพิเศษวิชาอะไร พ่อแม่ก็เลือกให้
อะไรคือสิ่งที่พวกเค้าเลือกเองอย่างแท้จริง
จินตนาการและความฝันอยู่ที่ไหน???? เป้าหมายของตัวเองอยู่ที่ไหน????
เด็กหลายคนไม่รู้ว่าโตขึ้นตัวเองจะทำอะไรดี จะเป็นยังไง
อะไรคืออาชีพในฝันของตัวเอง
ในเมื่อไม่มีเป้าหมายแล้ว พวกเด็กจะเรียนไปเพื่ออะไร??? กำลังใจในการเรียนอยู่ทีไหน
การหาความรู้เพิ่มโดยไม่มีความสนใจ หรือเป้าหมาย
เด็กไทยกลายเป็นแมลงที่ไม่มีหัว มันอาจจะไม่ตาย แต่ชนไปเรื่ย



แล้วคุณๆล่ะ คิดเห็นอย่างไร
นโยบายลดการบ้านของรัฐนี่มันอะไรกัน!!! ทำไมเด็กไทยเรียนไม่รู้เรื่อง?
ใครหนักกว่ากัน ? เทียบชัดๆ ตารางสอนมัธยม 4 ประเทศ (ไทย, อังกฤษ, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้)
มีเด็กหลายคนบอกว่า การบ้าน เยอะ บางคนบอก เรียนไม่รู้เรื่อง หลายเหตุผล
ทังเรื่องมาตรฐานการเรียนที่ แต่ละโรงเรียนต่างกัน การจัดวิชาก็ต่างกันอีก ฟังๆไปแล้วดูเหมือน โรงเรียนไทยเราจะไม่มีมาตราฐานที่ชัดเจนเลย
เหมือนสอนแบบตัวใครตัวมัน ไร้ระบบ อย่างหน้าตื่นตันน้ำตาร่วงจริงๆ
ผู้เขียนอ่านๆดูแล้วก็พอจะทำความเข้าใจนักเรียนบางคนอยู่บ้างที่ต้องใช่บริการจ้างทำการบ้าน
แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าสมัยไหนๆมันก็มีอยู่แล้วหรือ???
ที่เด็กๆเรียนแล้วเกิดวงจรหน้าเศร้าในปัจจุบัน ผู้เขียนคิดว่า
เช่น
วิชา 1 เราจำว่าแถบนี้มีการทำเหมืองเยอะ อาชีพในแถบนั้น
วิชา 2 เราไปเรียนว่า แถบนี้มีภูมิประเทศอย่างไร มาจะไหน เกิดจากการดันตัวอะไรยังไง
วิชา 3 เราเรียนว่าดินแบบไหนทำให้เกิดแร่อะไร
เราได้จำ 3 วิชาที่เป็นเรื่องเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่ถ้าเราเอามาโยงตั้งแต่รากฐานว่ามันมาอย่างไร เป็นผลให้เกิดไรอะไร ทำให้เกิดเหมืองอะไร เราก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจสถานที่นี้ 1 ที่ ไม่ว่าเราจะศึกษาสถานที่อื่นอย่างไร เราก็จะเข้าใจได้ ออกความคิดเห็นได้เลย รากฐานเดียวกัน ไม่ใช่จำ ที่สุดท้ายต้องลืม
วีธีการเรียนการสอนแบบบุรณาการมีให้เห็นมากขึ้นในหลายๆ โรงเรียน แนวใหม่ ปัจจุบัน
ตอนที่ดิฉันสอบเอ็นก็ได้โรงเรียนกวดวิชาแบบบุรณาการนี่สอนให้ผ่านมาได้
เสียดายตอนนี้จำชื่อโรงเรียนไม่ได้แล้ว เป็นโรงเรียนสอนสังคม จำได้แต่อยู่ถนนนครไชยศรี ดุสิต กรุงเทพ ใกล้ๆกับโรงเรียครูสมศรี
หรือ ก็ยังมีโรงเรียนอื่นๆ ที่สอน เช่น ดรุณสิขาลัย ( http://e-school.kmutt.ac.th/newsDetail.php?NewsID=50 ) เป็นต้น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาอ้างอิงการเรียนการสอนของรัฐได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ตามเค้า แต่ก็รู้ว่า กระบวนการเรียนรู้ของคนเป็นอย่างไร
พ่อแม่เดียวนี้เป็นกระแสนิยมว่า พยายามเป็นเพื่อนของลูกมากขึ้น ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น????
ก็เป็นเหตุผลเดียวกับการที่ครูควรจะปรับตาม การที่คุณไม่ได้แสดงตัวด้วยศักศรีของคุณว่าคุณเป็นพ่อแม่ หรือเป็นครู ก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวตน และคุณค่าของการเป็นผู้ให้ของคุณจะตกต่ำ หรือด้อยค่าลงไป
การที่เด็กเรียนกับพี่ๆที่สถานกวดวิชาเข้าใจมากกว่าครูที่โรงเรียน เพราะพวกเค้าไม่ได้พยายามทำตัวเป็นครู พวกเค้ารับฟังว่าเด็กไม่เข้าใจอย่างไร
อย่าง เพื่อน และพี่
พวกเค้ายินดีอธิบายเด็กมากขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฟังการแสดงความคิดเห็น โต้เถียง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ไม่ว่าพวกเค้าจะรู้ เข้าใจหรือไม่ พวกเค้าก็จะหามาให้เด็กๆในครั้งหน้าของการสอน
และยินดีปรับการสอนของพวกเค้าให้เด็กเข้าใจมากขึ้น ในห้องสอนแต่ละห้องที่เด็กๆต่างกัน
ครูจะทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้นได้อย่างไรถ้าครูไม่ฟังพวกเค้าให้มากขึ้น
เด็กๆที่ครูสอนต่างหากที่สามารถสอนให้ครูสอนได้ดีมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น มีความสุข และสนุกมากขึ้น
ไม่ใช่ว่าครูบอกว่าตัวเองเป็นครู ครูของครูก็สอนมาอย่างนี้ เด็กมีหน้าที่ต้องเข้าใจ ถ้าไม่ ก็ต้องไปค้นคว้าเพิ่มเติม
การค้นคว้าเพิ่มเติมเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนต้องทำ
แต่การที่ครูพูดอย่างนี้ก็หมายด้วยว่าครูทำให้การสอนของครูไร้ค่าสำหรับเด็กๆ
ในเมื่อเด็กๆไม่เข้าใจ ในชัวโมงที่ครูสอน ไม่ได้หมายความว่า
คุณค่าการสอนของครู= การไม่ได้พูดอะไรเลยในห้องเรียนของครู อย่างนั้นหรอ????
และคร้ังหน้า ครูก็สอนอย่างเดิมๆ ไม่ว่าผ่านไปกี่สิบปีของการเป็นครูของตัวเอง
รักษามาตราฐาน สอนอย่างไรก็อย่างนั้น
ครูต่างหากที่ลดทอนคุณค่าของการเป็นครูของตัวเอง
คุณทำให้เด็กมองห้องเรียนของครูไร้ค้า เพราะเค้าไม่เข้าใจครู เค้าไม่สนใจเรียน ไม่อยากเรียน และหลับในห้องเรียน
ถ้าพวกเค้าไม่ได้คิดว่าห้องเรียนของครูไร้ค่าจริง พวกเค้าต้องตอบแทนด้วยการเรียนอย่างกระตือรือร้น มีความสุข และจริงจังไม่ใช่หรือ????
2-3 ชม ของการเรียนที่สถานเรียนพิเศษถึงได้เป็นช่วงเวลาที่ควรแก่การเสียเงินเพิ่มขึ้น ทั้งที่เด็กนอนหลับในห้องเรียนของครู อย่างไรล่ะ
พวกเค้ากลับมาบ้าน พวกเค้าต้องทานข้าว อาบน้ำ คุณไม่คิดว่ากิจกรรมกับครอบครัวสำคัญหรือ???
การนั่งพร้อมหน้ากันของครอบครัวครบทุกคนในแต่ละวันไม่สำคัญหรือ???
มีสักกี่บ้านที่มีเวลามาเล่าเรื่อสนุกที่ตัวเองเจอ แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ตัดเรื่องของครอบครัวไป เด็กต้องทำการบ้าน และถึงเวลานี้ พวกเด็กก็เต็มกลืน พวกเค้าอยากนอนแล้ว
อยากพักสมอง ถ้าไม่นอนพวกเค้าก้อยากทำให้สิ่งที่ชอบบ้าง
สิ่งที่ชอบต่างหากที่เป็นอนาคตของพวกเค้า อนาคตพวกเค้าจะทำอะไร เป็นคนแบบไหน ก็บอกได้จากสิ่งที่พวกเค้าชอบ พวกเค้ารัก
ในห้องเรียน ในโรงเรียน แทบไม่มีอะไรที่พวกเค้าเลือกได้เองเลย
เป้นวิชาที่ครูเลือกให้ เพื่อนที่สุดท้ายก็อยู่ในสังคมที่พ่อแม่เลือกให้
บางที่ เรียนพิเศษ พ่อแม่ก็เลือกให้ เรียนพิเศษวิชาอะไร พ่อแม่ก็เลือกให้
อะไรคือสิ่งที่พวกเค้าเลือกเองอย่างแท้จริง
จินตนาการและความฝันอยู่ที่ไหน???? เป้าหมายของตัวเองอยู่ที่ไหน????
เด็กหลายคนไม่รู้ว่าโตขึ้นตัวเองจะทำอะไรดี จะเป็นยังไง
อะไรคืออาชีพในฝันของตัวเอง
ในเมื่อไม่มีเป้าหมายแล้ว พวกเด็กจะเรียนไปเพื่ออะไร??? กำลังใจในการเรียนอยู่ทีไหน
การหาความรู้เพิ่มโดยไม่มีความสนใจ หรือเป้าหมาย
เด็กไทยกลายเป็นแมลงที่ไม่มีหัว มันอาจจะไม่ตาย แต่ชนไปเรื่ย