ก่อนอื่น ที่เราใช้คำนี้ เพราะ เรา เพิ่งได้รับการแต่งตั้งบรรจุให้เป็นครูผู่ช่วย เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
ให้รู้จัก กันคราวๆก่อนนะค่ะ สำหรับครูผู้ช่วยคนนี้ ว่าก่อนจะมาเป็นครู ผ่านอะไรมาบ้าง
เรียนจบสายครูโดนตรงค่ะ เอกการสอนชีววิทยา (เพราะชีวะ คือชีวิต ฉันจึงเลือกเรียนเอกนี้)
ผ่านการสอบ บรรจุมาแล้ว2 ครั้ง ขึ้นบัญชีทั้ง2 ครั้ง
แต่กว่าจะได้ขนาดนี้ อ่านหนังสือ ดูข่าว แทบอ๊วกออกมาเป็นตัวหนังสือ อ่านๆ จดๆ อยู่หลายเดือนเลยละค่ะ (พร้อมกับการเป็นครูอัตราจ้าง ที่เงินเดือน 12000)จริงๆตอนจบใหม่เคยพูดไว้ว่าถ้าไม่ได้ 15000 จะไม่เป็น 555 สุดท้าย ความฝันกะความโลกความจริงมันไม่ใช่ค่ะ เปลี่ยนความคิดกะทันหันค่ะ ว่า ถึงไม่ได้ 15000 แต่ก็ยังได้เป็นครูสอนชีวะ ว่ะ
สอบบรรจุได้เมื่อปีที่แล้ว ลำดับ ไม่ถึงที่ 10 แต่เพิ่งจะโดนเรียก มาบรรจุ
เราบรรจุที่ รร.มัธยม ระดับอำเภอ มีนักเรียน 3พันกว่าคน
เรื่องบรรจุที่ไหนไม่เท่าไร ค่ะ
เพราะก่อนที่จะมาบรรจุเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าคงได้บรรจุที่ รร.ที่สภาพคงไม่พร้อมในหลายๆด้านแน่นอน(ทุรกันดารนะค่ะ) มันเป็นสัจธรรมของครูบรรจุทุกคนนะค่ะ ที่จะต้องไปบรรจุในที่ขาดแคลนครู (อารมณ์ครูดอยนะค่ะ)
แต่ที่ไหนได้ ตัวเองดันได้บรรจุที่ รร.ระดับอำเภอแห่งหนึ่ง ในภาคอิสาน ซึ่งเป็น รร.ที่ใหญ่พอสมควร เลยคิดว่าโชคดีจัง น่าจะได้สอนตรงตามที่จบมาแน่เลย
วันแรกที่มาบรรจุ ผอ.ติดประเมิน รร.ไม่ได้มาตอนรับ
วันที่ 2 ได้รับตารางสอน ซึ่งก็แปลกใจนิดๆว่า ในตารางเค้าจัดให้เราสอน วิชาวิทยาศาสตร์ (ที่รวมชีวะ เคมี ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์) ม.2 ซะส่วนใหญ่ ส่วนชีวะที่เราจบมาโดยตรง มีให้แค่ 6 คาบ/สัปดาห์ และเป็นวิชาที่ถนัดและรู้เรื่องและแน่นกะเนื้อหามากกว่าพวกเคมี ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ แน่นอนเราเริ่มแอบเครียด ว่าจะสอนเด็กม.ต้นยังไงหว่า เรายอมรับเลย ว่าเจอแบบนี้ เราถึงบางอ้อ เลยว่าทำไมการศึกษาไทยถึงเป็นแบบนี้ (เอาง่ายๆนะคะ เรียนครู 5 ปีไม่เคยแตะ ดาราศาสตร์เลย แล้วจะถ่ายทอดความรู้ให้เด็กเข้าใจยังไง เเอบเครียด) อาทิตย์หนึ่ง เราได้สอน 20 คาบ(วิทย์ ม.2 14 คาบ/สัปดาห์)และสอนเสริม/พบนร.ที่ประจำชั้น อีก 5 คาบ รวม 1 วัน จะสอนอยู่ 4-5 คาบ หรือ เกือบ 5 ช.ม/วัน
หลังจากนั้น ก็จะมีฝ่ายโน้นนี่นั้นที่ รร.แย่งตัวครูใหม่ไปช่วยงาน เรา โดนวิชาการกะสวนพฤษศาสตร์แย่งตัวให้ไปลงงานพิเศษ ถ้าดูจากงานแบบนี้ แน่นอนเราเหมาะกะการศึกษาพืชมากกว่างานเอกสาร แต่ป่าวค่ะ ปรากฎว่าเราต้องไปช่วยงานวิชาการ พูดง่ายๆคือ มีเวลาว่างนอกจากการสอนก็ลงไปทำงานที่ วิชาการ หลังเลิกเรียนก็ไปช่วยงานที่วิชาการ กว่าจะได้กลับบ้านที่ก็ 6โมงเย็นหรือ ทุ่มกว่าๆ
ยัง ยังไม่หมดนะคะ เราต้องโดนสหกรณ์ดึงตัวไปช่วยขายของด้วย ซึ่งเราได้เวรวันพุธ ซึ่งขายตั้งแต่ 7.00-8.00 เข้าแถว เรามีสอน ตั้งแต่ 8.30-10.10 น. พัก 50 นาที ทานข้าว หลังจากนั้น 11.00-12.40 น. ขายของ แล้วขึ้นมาสอนต่ออีกเกือบ 2 ช.ม พัก แล้วก็สอนเสริมหรือไม่ก็พบนักเรียนประจำชั้น แล้วก็ไปขายของ นับตัง จัดของ แล้วก็ลงไปช่วยงานวิชาการ
เอาง่ายๆ คือถึงห้องสลบค่ะ เวลาเตรียมสอน แทบจะไม่มีแรงเหลือลุกขึ้นมาเตรียม (จริงๆสำหรับครูใหม่แบบเรา น่าจะให้เวลาศึกษาเตรียมการสอนกว่านี้หน่อย แต่สิ่งที่เราคิด ในโลกความเป็นจริงมันทำไม่ได้ค่ะ) ถ้าคุณได้รับมอบหมายงานแล้วคุณไม่ทำตาม คุณจะโดน สายตาพิฆาต ที่แบบว่าไม่ต้องได้ยินเสียงด่า แต่แค่มองหน้า คำด่าก็ปรากฎออกมาเลย แบบนี้นะค่ะ 555
ที่เรา มาเล่าวันนี้ไม่ได้อะไรกะ รร.นะคะ เพียงแค่เห็นหลายคน ชอบโทษโน้นนี่นั้นว่า การศึกษาไทยทำไมถอยหลังลงคลองจัง เป็นที่ใครกันแน่ ผู้ใหญ่ ครูใหญ่ ครูเล็ก หรือครูเด็กๆ แบบเรา หรือ ตัวนักเรียน หรือสังคมกันแน่ แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ แน่นอนคะ มันเป็นมาตั้งแต่บรรจุคนลงมาแล้วค่ะ รร.ขาดเอกวิทย์ทั่วไป แต่คุนกลับเรียกเอกชีวะมาแทน ซึ่ง อาจจะเข้าใจกันว่า จบสายวิทย์มา น่าจะสอนวิทย์ได้ แต่ความจริงแล้วสอนได้ค่ะ แต่ถนัดไหม ไม่เลย ที่เรียนชีวะมาได้ใช้นิดเดียว นอกนั้นอ่านทำความเข้าใจใหม่หมด ซึ่งมีเวลาให้ศึกษาเยอะมากกกกกกกกกกก เห้อ จริงๆครูไทยไม่ได้โง่หรอกค่ะ แต่เพราะมันมีปัญหาแบบนี้ไงค่ะ
ครูหนึ่งคนต้อง สอน ต้องทำงานพิเศษ ต้องดูแลเด็ก(ตามเด็กมาเรียนให้จบ จับเด็กโดดเรียน เคลียปัญหาเด็กตีกัน ชู้สาว เด็กบ้านยากจนต้องออกไปทำงาน ช่วยเด็กแก้ 0 เยี่ยมบ้านเด็ก บลา บลา ) ต้องขายของ วันหนึ่งงานสอนกะงานพิเศษพอๆกัน เวลาตรวจงานเด็กแทบไม่มี งานเตรียมสอนก็เกือบเป็นได้เเค่ฝัน
ถ้าครูหนึ่งคน มีหน้าที่ สอน แล้วก็สอนในสิ่งที่ตนเองถนัด มีเวลาพัฒนาสื่อการสอน มีเวลาหากิจกรรมการสอนที่สนุกๆมากระตุ้นให้นักเรียนสนใจ เราเป็นครูคนหนึ่งที่ไม่ชอบสอนทฤษฏีเท่าไร เราชอบสอนให้เด็กทำการทดลองให้เค้าได้เห็นได้สัมผัสโดยตรง แต่มาเจอแบบนี้ เป็นได้แค่ฝันค่ะ เวลาเตรียมแลบไม่มีค่ะ หมดไปกะงานเอกสาร
เห็นหลายคนชอบ อ้างประเทศที่มีระบบการศึกษาดี เราก็ไม่รู้ว่าครูประเทศนั้น มีงานนอกเยอะแบบครูไทยไหม เท่านั้นเอง """"""""
ก้าวแรกของครูผู้ช่วย
ให้รู้จัก กันคราวๆก่อนนะค่ะ สำหรับครูผู้ช่วยคนนี้ ว่าก่อนจะมาเป็นครู ผ่านอะไรมาบ้าง
เรียนจบสายครูโดนตรงค่ะ เอกการสอนชีววิทยา (เพราะชีวะ คือชีวิต ฉันจึงเลือกเรียนเอกนี้)
ผ่านการสอบ บรรจุมาแล้ว2 ครั้ง ขึ้นบัญชีทั้ง2 ครั้ง
แต่กว่าจะได้ขนาดนี้ อ่านหนังสือ ดูข่าว แทบอ๊วกออกมาเป็นตัวหนังสือ อ่านๆ จดๆ อยู่หลายเดือนเลยละค่ะ (พร้อมกับการเป็นครูอัตราจ้าง ที่เงินเดือน 12000)จริงๆตอนจบใหม่เคยพูดไว้ว่าถ้าไม่ได้ 15000 จะไม่เป็น 555 สุดท้าย ความฝันกะความโลกความจริงมันไม่ใช่ค่ะ เปลี่ยนความคิดกะทันหันค่ะ ว่า ถึงไม่ได้ 15000 แต่ก็ยังได้เป็นครูสอนชีวะ ว่ะ
สอบบรรจุได้เมื่อปีที่แล้ว ลำดับ ไม่ถึงที่ 10 แต่เพิ่งจะโดนเรียก มาบรรจุ
เราบรรจุที่ รร.มัธยม ระดับอำเภอ มีนักเรียน 3พันกว่าคน
เรื่องบรรจุที่ไหนไม่เท่าไร ค่ะ
เพราะก่อนที่จะมาบรรจุเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าคงได้บรรจุที่ รร.ที่สภาพคงไม่พร้อมในหลายๆด้านแน่นอน(ทุรกันดารนะค่ะ) มันเป็นสัจธรรมของครูบรรจุทุกคนนะค่ะ ที่จะต้องไปบรรจุในที่ขาดแคลนครู (อารมณ์ครูดอยนะค่ะ)
แต่ที่ไหนได้ ตัวเองดันได้บรรจุที่ รร.ระดับอำเภอแห่งหนึ่ง ในภาคอิสาน ซึ่งเป็น รร.ที่ใหญ่พอสมควร เลยคิดว่าโชคดีจัง น่าจะได้สอนตรงตามที่จบมาแน่เลย
วันแรกที่มาบรรจุ ผอ.ติดประเมิน รร.ไม่ได้มาตอนรับ
วันที่ 2 ได้รับตารางสอน ซึ่งก็แปลกใจนิดๆว่า ในตารางเค้าจัดให้เราสอน วิชาวิทยาศาสตร์ (ที่รวมชีวะ เคมี ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์) ม.2 ซะส่วนใหญ่ ส่วนชีวะที่เราจบมาโดยตรง มีให้แค่ 6 คาบ/สัปดาห์ และเป็นวิชาที่ถนัดและรู้เรื่องและแน่นกะเนื้อหามากกว่าพวกเคมี ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ แน่นอนเราเริ่มแอบเครียด ว่าจะสอนเด็กม.ต้นยังไงหว่า เรายอมรับเลย ว่าเจอแบบนี้ เราถึงบางอ้อ เลยว่าทำไมการศึกษาไทยถึงเป็นแบบนี้ (เอาง่ายๆนะคะ เรียนครู 5 ปีไม่เคยแตะ ดาราศาสตร์เลย แล้วจะถ่ายทอดความรู้ให้เด็กเข้าใจยังไง เเอบเครียด) อาทิตย์หนึ่ง เราได้สอน 20 คาบ(วิทย์ ม.2 14 คาบ/สัปดาห์)และสอนเสริม/พบนร.ที่ประจำชั้น อีก 5 คาบ รวม 1 วัน จะสอนอยู่ 4-5 คาบ หรือ เกือบ 5 ช.ม/วัน
หลังจากนั้น ก็จะมีฝ่ายโน้นนี่นั้นที่ รร.แย่งตัวครูใหม่ไปช่วยงาน เรา โดนวิชาการกะสวนพฤษศาสตร์แย่งตัวให้ไปลงงานพิเศษ ถ้าดูจากงานแบบนี้ แน่นอนเราเหมาะกะการศึกษาพืชมากกว่างานเอกสาร แต่ป่าวค่ะ ปรากฎว่าเราต้องไปช่วยงานวิชาการ พูดง่ายๆคือ มีเวลาว่างนอกจากการสอนก็ลงไปทำงานที่ วิชาการ หลังเลิกเรียนก็ไปช่วยงานที่วิชาการ กว่าจะได้กลับบ้านที่ก็ 6โมงเย็นหรือ ทุ่มกว่าๆ
ยัง ยังไม่หมดนะคะ เราต้องโดนสหกรณ์ดึงตัวไปช่วยขายของด้วย ซึ่งเราได้เวรวันพุธ ซึ่งขายตั้งแต่ 7.00-8.00 เข้าแถว เรามีสอน ตั้งแต่ 8.30-10.10 น. พัก 50 นาที ทานข้าว หลังจากนั้น 11.00-12.40 น. ขายของ แล้วขึ้นมาสอนต่ออีกเกือบ 2 ช.ม พัก แล้วก็สอนเสริมหรือไม่ก็พบนักเรียนประจำชั้น แล้วก็ไปขายของ นับตัง จัดของ แล้วก็ลงไปช่วยงานวิชาการ
เอาง่ายๆ คือถึงห้องสลบค่ะ เวลาเตรียมสอน แทบจะไม่มีแรงเหลือลุกขึ้นมาเตรียม (จริงๆสำหรับครูใหม่แบบเรา น่าจะให้เวลาศึกษาเตรียมการสอนกว่านี้หน่อย แต่สิ่งที่เราคิด ในโลกความเป็นจริงมันทำไม่ได้ค่ะ) ถ้าคุณได้รับมอบหมายงานแล้วคุณไม่ทำตาม คุณจะโดน สายตาพิฆาต ที่แบบว่าไม่ต้องได้ยินเสียงด่า แต่แค่มองหน้า คำด่าก็ปรากฎออกมาเลย แบบนี้นะค่ะ 555
ที่เรา มาเล่าวันนี้ไม่ได้อะไรกะ รร.นะคะ เพียงแค่เห็นหลายคน ชอบโทษโน้นนี่นั้นว่า การศึกษาไทยทำไมถอยหลังลงคลองจัง เป็นที่ใครกันแน่ ผู้ใหญ่ ครูใหญ่ ครูเล็ก หรือครูเด็กๆ แบบเรา หรือ ตัวนักเรียน หรือสังคมกันแน่ แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ แน่นอนคะ มันเป็นมาตั้งแต่บรรจุคนลงมาแล้วค่ะ รร.ขาดเอกวิทย์ทั่วไป แต่คุนกลับเรียกเอกชีวะมาแทน ซึ่ง อาจจะเข้าใจกันว่า จบสายวิทย์มา น่าจะสอนวิทย์ได้ แต่ความจริงแล้วสอนได้ค่ะ แต่ถนัดไหม ไม่เลย ที่เรียนชีวะมาได้ใช้นิดเดียว นอกนั้นอ่านทำความเข้าใจใหม่หมด ซึ่งมีเวลาให้ศึกษาเยอะมากกกกกกกกกกก เห้อ จริงๆครูไทยไม่ได้โง่หรอกค่ะ แต่เพราะมันมีปัญหาแบบนี้ไงค่ะ
ครูหนึ่งคนต้อง สอน ต้องทำงานพิเศษ ต้องดูแลเด็ก(ตามเด็กมาเรียนให้จบ จับเด็กโดดเรียน เคลียปัญหาเด็กตีกัน ชู้สาว เด็กบ้านยากจนต้องออกไปทำงาน ช่วยเด็กแก้ 0 เยี่ยมบ้านเด็ก บลา บลา ) ต้องขายของ วันหนึ่งงานสอนกะงานพิเศษพอๆกัน เวลาตรวจงานเด็กแทบไม่มี งานเตรียมสอนก็เกือบเป็นได้เเค่ฝัน
ถ้าครูหนึ่งคน มีหน้าที่ สอน แล้วก็สอนในสิ่งที่ตนเองถนัด มีเวลาพัฒนาสื่อการสอน มีเวลาหากิจกรรมการสอนที่สนุกๆมากระตุ้นให้นักเรียนสนใจ เราเป็นครูคนหนึ่งที่ไม่ชอบสอนทฤษฏีเท่าไร เราชอบสอนให้เด็กทำการทดลองให้เค้าได้เห็นได้สัมผัสโดยตรง แต่มาเจอแบบนี้ เป็นได้แค่ฝันค่ะ เวลาเตรียมแลบไม่มีค่ะ หมดไปกะงานเอกสาร
เห็นหลายคนชอบ อ้างประเทศที่มีระบบการศึกษาดี เราก็ไม่รู้ว่าครูประเทศนั้น มีงานนอกเยอะแบบครูไทยไหม เท่านั้นเอง """"""""