ทอท.มึน บอร์ด ทอท.ล้มแผนแม่บทสุวรรณภูมิ เฟส 2-3 โดยไม่มีการศึกษารายละเอียดใดๆ มาก่อนทั้งที่แผนแม่บทเดิมได้ศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบกันมาจนปรุ แฉเบื้องหลังใบสั่งกลุ่มทุนการเมืองหวั่นขยายสนามบินทุบขุมทรัพย์สัมปทานดิวตี้ฟรี-ร้านค้าเชิงพาณิชย์ที่สูบเลือด ทอท.ปีละนับหมื่นล้าน
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้สั่งให้ชะลอโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2-3-4 ออกไปอย่างน้อย 10 ปี โดยให้หันไปปัดฝุ่นโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในประเทศ ที่อ้างว่าใช้เม็ดเงินลงทุนเพียง 24,000 ล้านบาทขึ้นมาดำเนินการแทน โดยอ้างว่าโครงการเดิมอาจกระทบสภาพคล่องของ ทอท.นั้นว่า มติบอร์ด ทอท.ดังกล่าวได้สร้างประหลาดใจให้กับกระทรวงคมนาคม และฝ่ายบริหาร รวมทั้งพนักงาน ทอท.เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตัดสินใจล้มแผนแม่บทโครงการขยายศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่รัฐบาล และ ทอท.พยายามผลักดันกันมานับสิบปีลงไป โดยไม่มีรายละเอียดของรายงานการศึกษาเปรียบเทียบใดๆ ประกอบการพิจารณามาก่อน
ทั้งนี้ ข้ออ้างที่ว่าการลงทุนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ที่จะปรับเป็นอาคารมัลติฟังก์ชั่นเพื่อให้รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศไปในตัวนั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความจุของสนามบินแห่งนี้ให้รองรับผู้โดยสารได้ถึง 15-20 ล้านคน เทียบเท่ากับโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่ต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินกว่า 62,000 ล้านบาทนั้น ก่อให้เกิดคำถามว่า บอร์ด ทอท.ได้ตัดสินใจลงไปบนฐานข้อมูล หรือรายงานการศึกษาจากแหล่งใดถึงได้ด่วนตัดสินใจชี้ขาดกันลงไปเช่นนี้ ในเมื่อก่อนหน้านี้ ทั้ง ทอท.และกระทรวงคมนาคมได้มีการศึกษาประเด็นการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติม กับกรณีการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2-3 เต็มรูปแบบกันจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจเดินหน้าอนุมัติแผนแม่บทโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ในเฟส 2 และ 3 ออกมา
“ประเด็นการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหรือ Domestics Terminal นี้กระทรวงคมนาคมและ ทอท.เคยมีการศึกษารายะเอียด จัดทำข้อเสนอเปรียบเทียบโดยมีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา จัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนไปหมดแล้ว ก่อนจะสรุปให้เดินหน้าแผนการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 และ 3 ที่จะทำให้สนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ได้อย่างแท้จริง แล้วจู่ๆ บอร์ด ทอท.กลับไปปัดฝุ่นหยิบเอาแฟ้มเดิมที่รัฐบาลปิดบัญชีไป กลับมาอนุมัติกันไปได้อย่างไร อีกทั้งเรื่องใหญ่ระดับชาติขนาดนี้กลับมุบมิบพิจารณากันออกไปโดยไม่มีการศึกษารายละเอียดกันมาก่อน”
ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตกันมาตลอดว่า ที่มาของบอร์ด ทอท.ชุดนี้ เป็นร่างทรงของกลุ่มทุนการเมืองที่ผูกขาดสัมทานปลอดภาษีในสนามบินและมีอิทธิพลครอบงำ ทอท.มาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายที่จะขัดขวางการขยายสนามบินสุวรรณภูมิในเฟส 2-3 ที่จะทำให้มีการกระจายตัวของผู้โดยสารออกไปจนกระทบขุมทรัพย์สัมปทานร้านปลอดภาษี และการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของกลุ่มตน เมื่อผลการประชุมบอร์ดออกมาเช่นนี้ จึงยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้เห็นว่า ความพยายามของกลุ่มทุนดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จแล้ว และตอกย้ำให้เห็นว่าการตัดสินใจของบอร์ด ทอท.นั้น หาได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ทำไปเพื่อพิทักษ์เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน
ทั้งนี้ ตามแผนแม่บทโครงการสุวรรณภูมิ เฟส 2-3 ที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมวางกรอบดำเนินการเอาไว้ก่อนหน้า ภายใต้วงเงินลงทุน 62,000 ล้านบาทนั้น มีรายละเอียดที่ครอบคลุมไปถึง 4 กลุ่มงานด้วยกันประกอบด้วย
1. งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2.16 แสนตารางเมตร พร้อมลานจอดที่สามารถจอดเครื่องบินประชิดอาคารได้ 28 หลุมจอด รองรับอากาศยานขนาด A380 ได้ 8 หลุมจอด และ B747-400 ได้ 20 หลุมจอด พร้อมระบบทางขับหรือ Taxiway และสิ่งอำนวยความสะดวก
2. การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเชื่อมต่อ Satellite Terminal พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านทิศตะวันออกพื้นที่ 1.5 หมื่นตารางเมตรและอาคารที่จอดรถ 1 อาคารพื้นที่ 3.5 หมื่นตารางเมตรวงเงิน 7,078 ล้านบาทพร้อมทางเดินเชื่อมต่อ
3. งานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภควงเงิน 2,564 ล้านบาท
4. เป็นงานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารผู้โดยสารหรือรถ APM (Automated People Mover) วงเงิน 2,897 ล้านบาท พร้อมระบบขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร (BHS)
ขณะที่แผนขยายสนามบิสนสุวรรณภูมิในเฟส 3 ที่จะดำเนินการต่อเนื่องจะก่อสร้าง Runway ที่ 3 เพิ่มเติมเพื่อให้การจัดตารางการบินหรือ Slot ขึ้น-ลงของเที่ยวบินเป็นไปอย่างคล่องตัว ไม่ก่อให้เกิดความแออัดยัดทะนาน จนเที่ยวบินขึ้น-ลง ต้องบินวนเป็นอีแร้งอีกาเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินแห่งนี้เมื่อ 3-4 ปีก่อน
“แต่แผนเพิ่มศักยภาพสนามบินแห่งนี้ที่บอร์ด ทอท.อนุมัติออกไปล่าสุดนั้น โดยการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพียงหลังเดียว ไม่ได้มีการปรับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติมจะทำให้การขยายศักยภาพของสนามบินแห่งนี้นอกจากจะเผชิญกับความแออัดตามมาแล้ว ยังสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้การขยายศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิในอนาคตสุ่มเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยขึ้นไปอีก เพราะไม่สามารถจะขยับขยายเที่ยวบินขึ้น-ลง และกระจายปริมาณผู้โดยสารออกไปจากอาคารเดิมได้”
แหล่งข่าวกล่าวว่า การตัดสินใจล้มแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิในเฟส 2-3 ในครั้งนี้ เชื่อแน่ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของสนามบินสุวรรณภูมิ และกระทบต่อสถานะการดำเนินการในอนาคตของ ทอท.อย่างแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรี สมควรจะลงมาพิจารณาด้วยตนเองก่อนจะถูกตราหน้าว่า รัฐบาลขุดนี้เป็นผู้บั่นทอนและทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติลง ด้วยความไม่รู้ทันเล่ห์กลของกลุ่มทุนการเมืองที่อยู่เบื้องหลังบอร์ด ทอท.ชุดนี้
ทอท.มึน บอร์ด ทอท.สุมหัวล้มแผนแม่บทสุวรรณภูมิ เฟส 2-3
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้สั่งให้ชะลอโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2-3-4 ออกไปอย่างน้อย 10 ปี โดยให้หันไปปัดฝุ่นโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในประเทศ ที่อ้างว่าใช้เม็ดเงินลงทุนเพียง 24,000 ล้านบาทขึ้นมาดำเนินการแทน โดยอ้างว่าโครงการเดิมอาจกระทบสภาพคล่องของ ทอท.นั้นว่า มติบอร์ด ทอท.ดังกล่าวได้สร้างประหลาดใจให้กับกระทรวงคมนาคม และฝ่ายบริหาร รวมทั้งพนักงาน ทอท.เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตัดสินใจล้มแผนแม่บทโครงการขยายศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่รัฐบาล และ ทอท.พยายามผลักดันกันมานับสิบปีลงไป โดยไม่มีรายละเอียดของรายงานการศึกษาเปรียบเทียบใดๆ ประกอบการพิจารณามาก่อน
ทั้งนี้ ข้ออ้างที่ว่าการลงทุนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ที่จะปรับเป็นอาคารมัลติฟังก์ชั่นเพื่อให้รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศไปในตัวนั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความจุของสนามบินแห่งนี้ให้รองรับผู้โดยสารได้ถึง 15-20 ล้านคน เทียบเท่ากับโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่ต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินกว่า 62,000 ล้านบาทนั้น ก่อให้เกิดคำถามว่า บอร์ด ทอท.ได้ตัดสินใจลงไปบนฐานข้อมูล หรือรายงานการศึกษาจากแหล่งใดถึงได้ด่วนตัดสินใจชี้ขาดกันลงไปเช่นนี้ ในเมื่อก่อนหน้านี้ ทั้ง ทอท.และกระทรวงคมนาคมได้มีการศึกษาประเด็นการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติม กับกรณีการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2-3 เต็มรูปแบบกันจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจเดินหน้าอนุมัติแผนแม่บทโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ในเฟส 2 และ 3 ออกมา
“ประเด็นการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหรือ Domestics Terminal นี้กระทรวงคมนาคมและ ทอท.เคยมีการศึกษารายะเอียด จัดทำข้อเสนอเปรียบเทียบโดยมีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา จัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนไปหมดแล้ว ก่อนจะสรุปให้เดินหน้าแผนการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 และ 3 ที่จะทำให้สนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ได้อย่างแท้จริง แล้วจู่ๆ บอร์ด ทอท.กลับไปปัดฝุ่นหยิบเอาแฟ้มเดิมที่รัฐบาลปิดบัญชีไป กลับมาอนุมัติกันไปได้อย่างไร อีกทั้งเรื่องใหญ่ระดับชาติขนาดนี้กลับมุบมิบพิจารณากันออกไปโดยไม่มีการศึกษารายละเอียดกันมาก่อน”
ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตกันมาตลอดว่า ที่มาของบอร์ด ทอท.ชุดนี้ เป็นร่างทรงของกลุ่มทุนการเมืองที่ผูกขาดสัมทานปลอดภาษีในสนามบินและมีอิทธิพลครอบงำ ทอท.มาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายที่จะขัดขวางการขยายสนามบินสุวรรณภูมิในเฟส 2-3 ที่จะทำให้มีการกระจายตัวของผู้โดยสารออกไปจนกระทบขุมทรัพย์สัมปทานร้านปลอดภาษี และการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของกลุ่มตน เมื่อผลการประชุมบอร์ดออกมาเช่นนี้ จึงยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้เห็นว่า ความพยายามของกลุ่มทุนดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จแล้ว และตอกย้ำให้เห็นว่าการตัดสินใจของบอร์ด ทอท.นั้น หาได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ทำไปเพื่อพิทักษ์เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน
ทั้งนี้ ตามแผนแม่บทโครงการสุวรรณภูมิ เฟส 2-3 ที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมวางกรอบดำเนินการเอาไว้ก่อนหน้า ภายใต้วงเงินลงทุน 62,000 ล้านบาทนั้น มีรายละเอียดที่ครอบคลุมไปถึง 4 กลุ่มงานด้วยกันประกอบด้วย
1. งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2.16 แสนตารางเมตร พร้อมลานจอดที่สามารถจอดเครื่องบินประชิดอาคารได้ 28 หลุมจอด รองรับอากาศยานขนาด A380 ได้ 8 หลุมจอด และ B747-400 ได้ 20 หลุมจอด พร้อมระบบทางขับหรือ Taxiway และสิ่งอำนวยความสะดวก
2. การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเชื่อมต่อ Satellite Terminal พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านทิศตะวันออกพื้นที่ 1.5 หมื่นตารางเมตรและอาคารที่จอดรถ 1 อาคารพื้นที่ 3.5 หมื่นตารางเมตรวงเงิน 7,078 ล้านบาทพร้อมทางเดินเชื่อมต่อ
3. งานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภควงเงิน 2,564 ล้านบาท
4. เป็นงานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารผู้โดยสารหรือรถ APM (Automated People Mover) วงเงิน 2,897 ล้านบาท พร้อมระบบขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร (BHS)
ขณะที่แผนขยายสนามบิสนสุวรรณภูมิในเฟส 3 ที่จะดำเนินการต่อเนื่องจะก่อสร้าง Runway ที่ 3 เพิ่มเติมเพื่อให้การจัดตารางการบินหรือ Slot ขึ้น-ลงของเที่ยวบินเป็นไปอย่างคล่องตัว ไม่ก่อให้เกิดความแออัดยัดทะนาน จนเที่ยวบินขึ้น-ลง ต้องบินวนเป็นอีแร้งอีกาเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินแห่งนี้เมื่อ 3-4 ปีก่อน
“แต่แผนเพิ่มศักยภาพสนามบินแห่งนี้ที่บอร์ด ทอท.อนุมัติออกไปล่าสุดนั้น โดยการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพียงหลังเดียว ไม่ได้มีการปรับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติมจะทำให้การขยายศักยภาพของสนามบินแห่งนี้นอกจากจะเผชิญกับความแออัดตามมาแล้ว ยังสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้การขยายศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิในอนาคตสุ่มเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยขึ้นไปอีก เพราะไม่สามารถจะขยับขยายเที่ยวบินขึ้น-ลง และกระจายปริมาณผู้โดยสารออกไปจากอาคารเดิมได้”
แหล่งข่าวกล่าวว่า การตัดสินใจล้มแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิในเฟส 2-3 ในครั้งนี้ เชื่อแน่ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของสนามบินสุวรรณภูมิ และกระทบต่อสถานะการดำเนินการในอนาคตของ ทอท.อย่างแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรี สมควรจะลงมาพิจารณาด้วยตนเองก่อนจะถูกตราหน้าว่า รัฐบาลขุดนี้เป็นผู้บั่นทอนและทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติลง ด้วยความไม่รู้ทันเล่ห์กลของกลุ่มทุนการเมืองที่อยู่เบื้องหลังบอร์ด ทอท.ชุดนี้