สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมา 16 ปี
เธอเดินไม่ไหว ฟันร่วงหมดปาก และไม่มีแรงแม้แต่จะเห่า
ทุก ๆ ครั้งที่กินอาหาร ต้องป้อนด้วยมือเท่านั้น ไม่งั้นเธอจะไม่กิน และจะพูดไป เธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอาหารของเธออยู่ตรงไหน
คนที่เกลียดเธอมากที่สุดคือแม่ของผม แต่แม่ก็ดูแล เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เธอ อาบน้ำให้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน จนวันสุดท้ายของชีวิต
แม่จะบ่นว่า เธอนี่มันร้ายกาจ ชอบทำยุ่ง ชอบจุ้นจ้าน แต่แม่ก็ไม่เคยตีมัน หรือพูดคำหยาบใส่มันเลยแม้แต่ทีเดียว
5 วันก่อนที่เธอจะจากไป หลังจากกลับมาจากโรงเรียน เธอนอนอยู่หน้าตู้เย็น มองผมด้วยตาที่ขุ่นมัว ผมเข้าใจว่า เธอแค่ได้กลิ่น และได้ยินเสียงของผมเดินมา
แต่การแสดงความดีใจอย่างสุดขีดของเธอ ทำได้แค่เพียงยกหางขึ้นมา ครึ่งเดียว....มันคงเต็มที่สำหรับเธอแล้ว
ผมป้อนอาหารกระป๋อง รสตับให้เธอกินทีละคำ ทีละคำ ลูบไปยังขนสีขาว ที่ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังสวยงามอยู่เสมอ จะแตกต่างตรงที่เมื่อ 15 ปีก่อนเธอตัวอ้วนใหญ่ แต่วันนี้เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น
"ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด ถ้าฉันไม่อยู่บ้านตอนเธอจะไป ไม่ต้องรอนะ เหนื่อยมามากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอก"
ผมลูบหัว ลูบตัวจนเธอหลับไป......ห้าวันหลังจากนั้น เธอจากไปอย่างสงบ ในช่วงสาย ๆ
ที่บ้านพาไปทำบุญที่วัด และจัดงานศพให้ โดยจัดโต๊ะจีนเลี้ยงพระด้วย
ร่างของเธอ ถูกเผา และเถ้ากระดูกถูกนำไปโปรยลงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่เดียวกับพี่สาวคนโตของผม โดยแม่เป็นคนจัดการทั้งหมด
พวกเราพยายามทำใจกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เรารู้ว่าวันนึงเธอต้องจากเราไป พวกเรารู้ดี.....
ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว......ความรู้สึกที่เรามีต่อเธอ ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมครับ ส่วนทำใจได้หรือไม่ หากเพื่อน ๆ อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว คงจะเจอคำตอบ
แด่การจากไปของ หมาน้อยในตะเกียงวิเศษ
เธอเดินไม่ไหว ฟันร่วงหมดปาก และไม่มีแรงแม้แต่จะเห่า
ทุก ๆ ครั้งที่กินอาหาร ต้องป้อนด้วยมือเท่านั้น ไม่งั้นเธอจะไม่กิน และจะพูดไป เธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอาหารของเธออยู่ตรงไหน
คนที่เกลียดเธอมากที่สุดคือแม่ของผม แต่แม่ก็ดูแล เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เธอ อาบน้ำให้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน จนวันสุดท้ายของชีวิต
แม่จะบ่นว่า เธอนี่มันร้ายกาจ ชอบทำยุ่ง ชอบจุ้นจ้าน แต่แม่ก็ไม่เคยตีมัน หรือพูดคำหยาบใส่มันเลยแม้แต่ทีเดียว
5 วันก่อนที่เธอจะจากไป หลังจากกลับมาจากโรงเรียน เธอนอนอยู่หน้าตู้เย็น มองผมด้วยตาที่ขุ่นมัว ผมเข้าใจว่า เธอแค่ได้กลิ่น และได้ยินเสียงของผมเดินมา
แต่การแสดงความดีใจอย่างสุดขีดของเธอ ทำได้แค่เพียงยกหางขึ้นมา ครึ่งเดียว....มันคงเต็มที่สำหรับเธอแล้ว
ผมป้อนอาหารกระป๋อง รสตับให้เธอกินทีละคำ ทีละคำ ลูบไปยังขนสีขาว ที่ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังสวยงามอยู่เสมอ จะแตกต่างตรงที่เมื่อ 15 ปีก่อนเธอตัวอ้วนใหญ่ แต่วันนี้เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น
"ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด ถ้าฉันไม่อยู่บ้านตอนเธอจะไป ไม่ต้องรอนะ เหนื่อยมามากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอก"
ผมลูบหัว ลูบตัวจนเธอหลับไป......ห้าวันหลังจากนั้น เธอจากไปอย่างสงบ ในช่วงสาย ๆ
ที่บ้านพาไปทำบุญที่วัด และจัดงานศพให้ โดยจัดโต๊ะจีนเลี้ยงพระด้วย
ร่างของเธอ ถูกเผา และเถ้ากระดูกถูกนำไปโปรยลงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่เดียวกับพี่สาวคนโตของผม โดยแม่เป็นคนจัดการทั้งหมด
พวกเราพยายามทำใจกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เรารู้ว่าวันนึงเธอต้องจากเราไป พวกเรารู้ดี.....
ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว......ความรู้สึกที่เรามีต่อเธอ ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมครับ ส่วนทำใจได้หรือไม่ หากเพื่อน ๆ อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว คงจะเจอคำตอบ
แด่การจากไปของ หมาน้อยในตะเกียงวิเศษ
แสดงความคิดเห็น
สัตว์เลี้ยงที่รักจากไป มีวิธีทำใจกันยังไงบ้างคะ
อยู่ด้วยกันมาประมาณ 4 ปี จนประมาณ 1 เดิอนสุดท้ายน้องมีอาการอ้วก บ่อย เราก็คิดว่าเป็นอาการปกติของแมว แล้วอีกอย่างแมวเราอีกตัวก็ป่วยเป็น นิ่วและปอด ก็เลยดูแลแมวป่วยเป็นพิเศษ (มันคือความผิดของเราใช่มั้ยคะ TT) จนช่วงหลังน้องไม่ค่อยกินข้าว ผอมลง เลยพาน้องไปหาหมอที่ รพ. สัตว์เกษตร หมอตรวจดู เราเพิ่งเห็นว่าน้องตัวเหลือง ตา หู เหลืองมาก อัลตร้าซาวด์แล้วพบว่าน้องเป็นท่อน้ำดีโต หมอให้ยาขยายท่อน้ำดี แล้วก็ให้ให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง หมอบอกแนวทางการรักษาว่าให้กินยา ถ้าไม่ดีขึ้นให้ตัดท่อน้ำดีทิ้งคะ เราฟังดูแล้วก็คิดว่าเดี๋ยวน้องก็คงหาย.....
อาทิตย์ที่ 2 ไปหาหมอก็ไม่ดีขึ้น ก็ได้ยาเพิ่มมา แล้วก็ให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง และต้องบังคับให้ทานอาหาร โดยผสมอาหารเหลว l/d กับน้ำฉีดเข้าปาก น้องกินยายากมากเลย กัดจนยาแตก ดูทรมานมากเลย เราสงสารน้องเลยไม่กล้าบังคับคะ มันเป็นความผิดของเราเองที่ไม่บังคับน้องให้กินยา ฮือๆๆ อาทิตย์ที่ 3 อาการเหมือนจะแย่ลงน้องดูซึมๆ ตัวยังเหลือง คุณหมอแนะนำให้ยาเข้าทางเส้นเลือด และแนะนำให้Admit เพราะจะได้ไม่ต้องเดินทางมาให้น้ำเกลือทุกวัน..... เราก็แอบเป็นห่วงน้องเพราะเราไม่เคยจะห่างกัน และตั้งใจจะไปเยี่ยมทุกวันเลยคะ และสุดท้ายน้องจะต้องกลับบ้านมาเล่นด้วยกันเช้าวันต่อมาคุณหมอโทรมาบอกว่าน้องหยุดหายใจ และกำลังปั๊มหัวใจอยู่เดี๋ยวจะโทรกลับมาอีกที คุณพระ !!! เราตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะอาหารที่เห็นล่าสุดเหมือนน้องไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้น เราทำอะไรไม่ถูกเลย สักพักคุณหมอก็โทรกลับมาอีก เราไม่กล้าแม้แต่จะรับสาย สุดท้ายก็กลั้นใจรับแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่คอ สุดท้ายก็เค้นเสียงออกมาว่า “ว่ายังไงคะคุณหมอ”แล้วคุณหมอก็บอกว่าตอนนี้น้องกลับมาหายใจแล้ว แต่อาการยังน่าเป็นห่วง เราถามคุณหมอว่าน้องเป็นขนาดนี้ได้ยังไง คุณหมอบอกว่าน้องเป็นดีซ่านมานานจนตอนนี้ไปทำลายอวัยวะส่วนต่างๆ และสมอง T Tเราถามหมอไปตรงๆว่าน้องมีโอกาสรอดมั้ย คุณหมอตอบว่าน้อยมากไม่ถึง 10% คำถามสุดท้ายหมอถามว่าถ้าน้องหยุดหายใจอีกจะให้ยื้อไว้หรือไม่ เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดในชีวิตอีกคำถามนึง แต่เรายังทำใจไม่ได้เลยบอกหมอว่า “ยื้อไว้คะ”
หลังจากนั้นก็รีบอาบน้ำไปโรงพยาบาล กลัวจับใจว่าจะไปไม่ทันดูใจกัน พอไปถึงน้องสภาพของน้องคือ มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ในคอลล่าร์และสายยน้ำเกลือ มีดวงตาที่เหม่อลอยแต่พอเห็นเราตาเค้าก็โตขึ้นและมีอาการตอบสนองนิดหน่อย เราลูบตัวน้องด้วยมือที่สั่น และร้องไห้ สงสารน้องมากคะ สรุปเราได้อยู่ด้วยกันสักพัก ช่วงบ่ายเราไปกินข้าวกลับมาหมอถอดคอลล่าร์ เราเห็นนน้องนอนอยู่ เราเลยไปเรียกชื่อพร้อมกับจับตัวน้องเบาๆ น้องก็ดีใจคะ ยายามลุกขึ้นมาหาเราเราก็เลยกอดน้องไว้จับมือน้องให้น้องนอนอยู่อย่างนั้น (พอเราจะเอามืออดน้องก็จิกเล็บเลยคะ ไม่ได้คิดไปเองเพราะลองทำประมาณเกือบ 10 ครั้งได้) หลังจากนั้นคุณหมอก็บอกว่าจะย้ายน้องไป ICU พอเราเห็นเจ้าหน้าที่อุ้มน้องเราก็ขออุ้มคะ เรากอดน้องไว้แน่นและบอกน้องว่าให้สู้นะ พี่รออยู่ น้องก็ร้องเบาๆ และซบที่คอ หมอก็บอกว่าเราส่งน้องได้แค่หน้าห้อง ICU เราห็นั่งรออยุ่หน้าห้อง ประมาณไม่เกิน 5 นาที คุณหมอก็เดินมาบอกว่าน้องหยุดหายใจอีกครั้งและกำลังปั๊มหัวใจอยู่ เราร้องไห้อีกครั้งและขอคุณหมอเข้าไปดูน้อง เราเห็นน้องแล้วก็เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ น้ำตาไหลพรากเลยยยย ขอเล่าแค่นะคะ เริ่มสะเทือนใจเดี๋ยวจะร้องไห้ที่ทำงาน 555
สุดท้ายนี้ อยากฝากเพื่อนๆ ว่า
1.อยากให้สังเกตอาการของน้องหมา และน้องแมวให้ดีนะคะว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย เช่น ซึม ไม่กินอาหาร อาเจียนบ่อย สีผิวหนัง หู เหงือกเป็นปกติมั้ย ถ้ามีอาการน่าสงสัยให้รีบพาไปหาหมอเลยนะคะ เพราะหมอบอกว่าแมวจะซ่อนอาการจะแสดงอาการเมือเป็นหนักแล้ว และการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่สำคัญ มากกก
2. ถ้าน้องไม่สบายต้องบังคับน้องให้กินข้าว กินยา ต่อให้เค้าจะงอนเราก็ตาม แต่เราก็ต้องทำเพื่อเค้า
3. รักและดูแลน้องแมว และคนที่คุณรักให้ดีทีสุดเพราะ เวลาไม่เคยพอ ความตายไม่เคยบอกเราล่วงหน้า มันจะมาแบบให้เราไม่ทันดั้งตัว
ขออภัยด้วยถ้าพิมพ์อะไรผิดไปคะ และขอบคุณทุกคนที่อ่านและหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทาสแมวไม่มากก็น้อยนะคะ
เล่าซะยาวเลยคิดภึงน้อง อยากรู้ว่าเพื่อนๆมีวิธีทำใจกันยังไงบ้างคะ