คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
มีความเห็น 2 ทาง ทางหนึ่งเห็นว่าการวางของในชั้นวางสินค้าเป็นเพียงการโฆษณาเชื้อเชิญให้เข้าทำสัญญา เมื่อผู้บริโภคหยิบสินค้าจากชั้นวางนำมาจ่ายเงินที่เคาเตอร์จึงเป็นการเสนอทำสัญญา เมื่อพนักงานเรียกเก็บเงินค่าสินค้าจึงเป็นการสนอง สัญญาซื้อขายเกิดในช่วงนี้เอง คู่สัญญามีหน้าที่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายคือฝ่ายผู้ขายส่งมอบสินค้า ฝ่ายผู้ซื้อชำระเงิน
ส่วนความเห็นอีกแนวหนึ่งมองว่า การวางสินค้าของห้างเป็นการเสนอขายสินค้า เมื่อเราหยิบสินค้าเป็นการสนองตอบคำเสนอ โดยทั่วไปสัญญาย่อมเกิดขึ้นแล้ว เรามีหน้าที่ชำระราคาสินค้า ไม่อาจเอาสินค้ากลับคืนชั้นวางได้ เพียงแต่การซื้อขายในห้างสรรพสินค้านี้เราตีความสัญญาได้ว่าโดยปกติประเพณีแล้วผู้ขายยังไม่เรียกให้ผู้ซื้อปฏิบัติหน้าที่ส่งมอบ และยังคงยอมให้ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาได้ บ้างก็มองว่าแม้การหยิบสินค้าจากชั้นจะเป็นการสนองตอบต่อคำเสนอ แต่เมื่อการสนองตอบนั้นยังไปไม่ถึงเคาเตอร์คิดเงินก็เป็นกรณีที่การสนองยังไปไม่ถึงผู้เสนอ สัญญาจึงยังไม่เกิด
-ที่มา http://www.tulawcenter.org/law-clinic/content/66
ส่วนผมเห็นตามทางแรกเหมือนคุณ Barrister-65 ว่าการวางของขายไม่ใช่การทำคำเสนอ แต่เป็นเพียงการทำคำเชิญชวนให้ทำคำเสนอ การหยิบสินค้าจึงเป็นการทำเสนอ เมื่อพนักงานขายทำคำสนอง สัญญาจึงเกิด เพราะคนขายก็ยังมีสิทธิที่จะไม่ขายสินค้า คือ ไม่ทำคำสนอง ก็ได้ เช่น เยาวชนมาซื้อเบียร์ตอนเที่ยงคืน คนขายย่อมไม่ขายให้ได้ ดังนั้นแค่หยิบของสัญญายังไม่เกิดครับ ต้องให้คนขายตกลงขายด้วย
ส่วนกรณีรถประจำทาง ผมเห็นว่า สัญญาเกิดเมื่อเดินขึ้นรถครับ เพราะรถประจำทางจอดที่ป้าย ไม่ต้องโบก เจอป้ายก็ต้องจอดอยู่ดี ไม่เหมือนแท็กซี่
โบกแท็กซี่ให้จอด ขึ้นรถแล้วบอกว่าจะไปไหน แท็กซี่ปฏิเสธไม่ไปก็ได้ แบบนี้สัญญาไม่เกิด
แต่รถประจำทางยังไงก็ต้องไปตามทาง จึงเป็นการทำคำเสนอให้มาใช้บริการขึ้นรถ จะปฏิเสธให้บริการคงไม่ได้ เมื่อเดินขึ้นรถก็เป็นการทำคำสนอง ไม่ต้องรอให้รถออกตัว ครับ
ส่วนความเห็นอีกแนวหนึ่งมองว่า การวางสินค้าของห้างเป็นการเสนอขายสินค้า เมื่อเราหยิบสินค้าเป็นการสนองตอบคำเสนอ โดยทั่วไปสัญญาย่อมเกิดขึ้นแล้ว เรามีหน้าที่ชำระราคาสินค้า ไม่อาจเอาสินค้ากลับคืนชั้นวางได้ เพียงแต่การซื้อขายในห้างสรรพสินค้านี้เราตีความสัญญาได้ว่าโดยปกติประเพณีแล้วผู้ขายยังไม่เรียกให้ผู้ซื้อปฏิบัติหน้าที่ส่งมอบ และยังคงยอมให้ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาได้ บ้างก็มองว่าแม้การหยิบสินค้าจากชั้นจะเป็นการสนองตอบต่อคำเสนอ แต่เมื่อการสนองตอบนั้นยังไปไม่ถึงเคาเตอร์คิดเงินก็เป็นกรณีที่การสนองยังไปไม่ถึงผู้เสนอ สัญญาจึงยังไม่เกิด
-ที่มา http://www.tulawcenter.org/law-clinic/content/66
ส่วนผมเห็นตามทางแรกเหมือนคุณ Barrister-65 ว่าการวางของขายไม่ใช่การทำคำเสนอ แต่เป็นเพียงการทำคำเชิญชวนให้ทำคำเสนอ การหยิบสินค้าจึงเป็นการทำเสนอ เมื่อพนักงานขายทำคำสนอง สัญญาจึงเกิด เพราะคนขายก็ยังมีสิทธิที่จะไม่ขายสินค้า คือ ไม่ทำคำสนอง ก็ได้ เช่น เยาวชนมาซื้อเบียร์ตอนเที่ยงคืน คนขายย่อมไม่ขายให้ได้ ดังนั้นแค่หยิบของสัญญายังไม่เกิดครับ ต้องให้คนขายตกลงขายด้วย
ส่วนกรณีรถประจำทาง ผมเห็นว่า สัญญาเกิดเมื่อเดินขึ้นรถครับ เพราะรถประจำทางจอดที่ป้าย ไม่ต้องโบก เจอป้ายก็ต้องจอดอยู่ดี ไม่เหมือนแท็กซี่
โบกแท็กซี่ให้จอด ขึ้นรถแล้วบอกว่าจะไปไหน แท็กซี่ปฏิเสธไม่ไปก็ได้ แบบนี้สัญญาไม่เกิด
แต่รถประจำทางยังไงก็ต้องไปตามทาง จึงเป็นการทำคำเสนอให้มาใช้บริการขึ้นรถ จะปฏิเสธให้บริการคงไม่ได้ เมื่อเดินขึ้นรถก็เป็นการทำคำสนอง ไม่ต้องรอให้รถออกตัว ครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอสอบถามเพิ่มเติมความเข้าใจ เรื่อง นิติกรรมและสัญญา ครับ
เกี่ยวกับวิชาดังกล่าวนี้มาครับ ซึ่งผมเองไม่แน่ใจกับคำตอบจากโจทย์ดังกล่าว อยากรบกวนท่านผู้มีความรู้ทุกท่านช่วยชี้แนวและเสริมความเข้าใจให้กับ
ผมด้วยครับ
โจทย์มีดังนี้ครับ
ทุกกรณีใน 4 ข้อเกิดขึ้นในร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11
ข้อ 1. ก. เข้าไปซื้อมาม่าคัพ 1 cup แล้ว ฉีกฝาออกเพื่อเติมน้ำร้อน ถามว่า นิติกรรมเกิดขึ้นตอนไหน เพราะเหตุผลอะไร?
ข้อ 2. ข. เข้าไปซื้อสเลอปี้(น้ำโค้กที่ปั่นกับน้ำแข็ง) นิติกรรมเกิดขึ้นตอนไหน (ดึงแก้วออกมา กดน้ำลง จ่ายเงิน)
ข้อ 3. ค. ซื้อหนังสือพิมพ์
ข้อ 4. ง. ซื้อลิโพ 1 ขวดและทำการเปิดกินก่อนจะไปจ่ายเงิน
ข้อ 5 นี่สถานที่ภายนอกครับ
ในกรณีเราขึ้นรถประจำทาง เราโบกรถประจำทาง แล้วรถประจำทางจอด เราขึ้นรถเรียบร้อย กระเป๋ารถเมล์มาเก็บเงิน ถามว่า นิติกรรมเกิดขึ้นตอนไหน
ที่สำคัญครับ ผมยังไม่ได้คำตอบจาก อาจารย์ผู้สอนเลย ท่านถามว่า เราเข้าไปซื้อของใน 7-11 นิติกรรมเกิดขึ้นตอนไหน
ผมตอบไปหลายอย่างแต่อาจารย์ไม่ยอมเฉลยซักที เลยตีโจทย์ข้ออื่นไม่ถูกเลยจึงอยากรบกวนพี่ๆ น้องๆ ที่มีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างช่วยชี้แนวให้หน่อยครับ
อยากจะเข้าใจมากกว่านี้เพราะบางทีคิดเองอาจจะไม่ถูก
ขอบพระคุณไว้ล่วงหน้าทุกคำชี้แนะครับ