(เอาบทความมาฝาก)วิกฤติถูมู่เป่า..ราชวงศ์หมิงกระอักเลือด

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านบทความทุกท่าน วันนี้ ผมอยากจะนำเสนอ ว่า ราชวงศ์หยวนเหนือ ที่หนีขึ้นไปที่มองโกเลียนั้น
หาได้อ่อนแอ ไร้กำลังโดยสิ้นเชิงแบบที่หลายคนเข้าใจหรอกครับ


มองโกลแตกออกเป็น 3 เผ่าครับ ในช่วงต้นราชวงศ์หมิง ต่อมา มองโกลเผ่าออยแร็ต (Oirat) ก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น
ด้วยความแข็งแกร่งของแม่ทัพนาม เอเซน ผู้ซึ่งมีท่าที่เป็นมิตรกับราชวงศ์หมิงในช่วงแรกครับ

เอเซนนะ อยากฟึ้นฟูราชวงศ์มองโกล เริ่มจากการปราบปรามพึ้นที่ในมองโกลเอง และมักส่งขบวนบรรณาการ และพ่อค้า
มายังราชวงศ์หมิง เป็นจำนวนมาก และนั่นตามธรรมเนียมของจีน ทำให้จีนเองต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต้อนรับขบวนทูตเพิ่มขึ้น
(ตามปกติ จีนจะต้องส่งของตอบแทนคณะทูตให้มาก เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระอำนาจจักรพรรดิครับ)

ปกติ จักรวรรดิหมิงจะใช้กลยุทธ์เสึ้ยมให้ชนเผ่าต่างๆในมองโกเลียแตกแยกกันเองครับ
เพราะเชื่อว่าถ้าคนภายในเกิดแตกแยกกัน ก็ไม่มีทางชนะศึกภายนอกได้ แต่นั่นไม่ได้ผล กับผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างเอเซน


แต่ต่อมาก็ได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น... จะอะไรซะอีกครับ ก็กรณีการโกงกิน คอรัปชั่นนั่นเอง
ทำให้ทูติมองโกลเกิดความไม่พอใจ จึงรายงานไปยังเอเซน เอเซนก็ให้ทูติเดิน จม มาหาหมิงอิงจงว่าว่า
"เฮ้ย คนของทางเราไม่ได้รับความเป็นธรรม คุณต้องตรวจสอบขุนนางของคุณสิ
จับไอ้คนโกงบรรณาการมาให้มองโกลประหารซะ"

แต่จักรพรรดิหมิงอิงจงไม่สนใจ นี่คือการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของพระองค์...

ในเวลานั้น หมิงอิงจง จักรพรรดิหนุ่มวัย 23 ชันษา แห่งราชวงศ์หมิงทรงหวาดวิตกเรื่องการสงครามเป็นอันมาก เนื่องจากกองทัพที่ประจำอยู่ชายแดนนั้น ถูกทัพหว่าล่าตีแตกพ่ายยับเยิน พระองค์จึงทรงเรียกตัวราชครูหวางเจิ้นมาเข้าพบ เพื่อหารือเรื่องการศึก
หวางเจิ้นเป็นชาวเมืองเว่ยโจว ถูกส่งเข้าวังมาเป็นขันทีตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นคนฉลาดมีไหวพริบดี ทั้งยังรู้หนังสือ จักรพรรดิหมิงเซวียนจงจึงให้เขาทำหน้าที่รับใช้องค์รัชทายาทจูฉีเจิ้น จนเมื่อหมิงเซวียนจงสวรรคต รัชทายาทจูฉีเจิ้นขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหมิงอิงจงด้วยพระชนมายุเพียง 9 พรรษา หวางเจิ้นก็ได้กลายเป็นราชครูและเป็นที่ไว้วางพระทัยของหมิงอิงจงเป็นอย่างมาก


ทว่าหวางเจิ้นนั้นแท้จริงเป็นคนโฉดชั่ว เบื้องหน้าเขาทำเป็นจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์แต่ลับหลังตั้งกลุ่มอำนาจของตน กระทำการฉ้อราษฏร์บังหลวง ใช้อิทธิพลข่มเหงขุนนางและราษฏร กำจัดผู้ที่ไม่เห็นด้วย ยักยอกงบประมาณแผ่นดิน ทั้งยังซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ จนราชการแผ่นดินวิปริตแปรปรวน แม้กระทั่งเหตุผลหนึ่ง ที่ทัพหว่าล่าเข้ารุกรานครั้งนี้ ก็เป็นเพราะหวางเจิ้นยักยอกของกำนัลที่จะส่งไปยังเผ่าหว่าล่าจนทำให้เกิดความขัดแย้งและลุกลามกลายเป็นสงคราม ด้วยการกระทำที่สกปรก อย่างเช่นการปิดการค้าชายแดน


เมื่อเข้าเฝ้าแล้ว หวางเจิ้นได้กราบทูลให้หมิงอิงจงเสด็จนำทัพไปปราบข้าศึกด้วยพระองค์เอง โดยอ้างว่า “พวกหว่าล่าเป็นแต่ชนป่าเถื่อนโง่เขลา หากโอรสสวรรค์ทรงนำทัพใหญ่บุกเข้าไปปราบปรามถึงแดนของพวกมันด้วยพระองค์เองแล้วไซร้ พวกมันย่อมหวาดกลัวจนหนีไปหมดสิ้นเป็นแน่”

หมิงอิงจงเห็นดีด้วยกับข้อเสนอของหวางเจิ้น แม้ว่าเหล่าขุนนางผู้ใหญ่จะคัดค้านก็มิทรงฟัง พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ระดมไพร่พล 500,000 นายและยกทัพออกจากนครเป่ยจิงทันที ทว่ากองทัพที่พระองค์ทรงนำไปนั้น ถูกเรียกรวมพลในเวลาจำกัด ไพร่พลอาวุธยังไม่ได้เตรียมพร้อมดี ทำให้การสั่งการสับสน อีกทั้งเมื่อเดินทัพออกนอกด่านยงกวนแล้ว เกิดสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกหนัก ไพร่พลไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมป้องกันมา จึงพากันหนาวสั่นด้วยน้ำฝนและล้มป่วยลงเป็นอันมาก แถมราชวงศ์หมิงตอนนั้น มีระบบการขนส่งเสบียงที่แย้เอามากๆ

บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ที่ตามเสด็จ ต่างรู้สึกถึงอันตรายจากการออกศึกโดยปราศจากความพร้อมเช่นนี้ จึงพากันกราบทูลขอร้องให้จักรพรรดิเสด็จกลับทว่าหวางเจิ้นกลับด่าว่าขุนนางเหล่านั้นว่า ขี้ขลาดและสั่งลงโทษให้ทุกคนคุกเข่าตลอดทั้งคืน

เมื่อเอเซนทราบว่าทัพหมิงออกนอกด่านมาโจมตีพวกตน จึงใช้ยุทธิวิธีล่อให้ข้าศึกไล่ตามโดยแสร้งถอยทัพเพื่อรอโอกาสทำลายฝ่ายตรงข้าม ขณะที่หมิงอิงจงไม่มีความรู้เรื่องการสงคราม กลับเชื่อแต่คำพูดหวางเจิ้นคนโฉด พระองค์จึงทรงเร่งเคลื่อนทัพไล่ตามข้าศึกจนเสบียงอาหารเริ่มขาดแคลน ไพร่พลป่วยเจ็บล้มตาย เกิดความปั่นป่วนขึ้นในกองทัพ

(หวางเจิ่นไม่ใช่ข้าราชการสายการทหาร หมิงอิงจงแทบไม่เคยไปตรวจสนามรบจริง ผลคือซวยครับ)

หลังจากที่ได้ทราบความเป็นไปของข้าศึกแล้ว ข่านเอเซนก็จัดทหารม้าหนึ่งหมื่นซุ่มรอไว้บนเขาและเข้าล้อมตีทัพหน้าของฝ่ายต้าหมิงที่ไล่ตามทัพหว่าล่าเข้ามาในช่องเขานั้น ก่อนจะกวาดล้างทหารหมิงได้ทั้งทัพ
ข่าวความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของทัพหน้าทำให้ หมิงอิงจงทรงตระหนกยิ่ง ข้างขันทีหวางเจิ้นเองก็ตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นเมื่อคนสนิทของเขาแนะให้รีบถอยทัพ หวางเจิ้นจึงรีบกราบทูลจักรพรรดิตามนั้น หมิงอิงจงจึงทรงมีรับสั่งให้ถอยทัพกลับไปทางเว่ยโจว

ทว่าเว่ยโจวนั้นเป็นบ้านเกิดของหวางเจิ้น ทั้งยังเป็นเมืองที่เขาสะสมอิทธิพล ทรัพย์สินไว้เป็นอันมาก หวางเจิ้นเกรงว่า หากกองทัพใหญ่ถอยผ่านเว่ยโจว เรือกสวนไร่นาจำนวนมากมายของเขาในเมืองนั้นจะได้รับความเสียหาย จึงกราบทูลให้จักรพรรดิเปลี่ยนเส้นทางถอย โดยย้อนกลับขึ้นไปทางทิศเหนือแทน
การเปลี่ยนเส้นทางถอยทำให้ไพร่พลต้าหมิงต่างอิดโรย ประกอบกับอากาศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หนำซ้ำเสบียงอาหารก็แทบไม่มีเหลือ ทหารจึงล้มตายลงเป็นอันมาก ซากศพเกลื่อนกลาดตลอดเส้นทางที่ถอยทัพ ขณะนั้น เอเซนได้นำทัพม้าชั้นเยี่ยมจำนวน 20,000 นายข้ามกำแพงใหญ่ไล่ติดตามทัพหมิง และตามทันที่เซวียนฝู่ หวางเจิ้นสั่งแม่ทัพจูหย่งนำทหารม้า 30,000 นาย ออกต้านข้าศึก ทว่ากลับพ่ายแพ้ยับเยิน จูหย่งตายในที่รบ ทหาร 30,000 คนไม่มีเหลือรอดแม้แต่คนเดียว


ในเวลานั้นเอง กองทัพใหญ่ของต้าหมิงได้ถอยมาถึงถู่มู่เป่า หรือ (ป้อม ถู่มู่) ทว่าหวางเจิ้นเป็นห่วงทรัพย์สินที่ตนรีดไถจากหัวเมืองรายทางรวมกว่า 1,000 คันรถ ที่ยังตามมาไม่ครบ จึงสั่งให้กองทัพหยุดรอที่นั่น
ถู่มู่เป่าเป็นที่สูง ไม่มีน้ำ ส่วนแหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดซึ่งอยู่ห่างไป 8 กิโลเมตรก็ถูกทัพหว่าล่ายึดเอาไว้ พวกทหารพยายามขุดดินลงไปลึกกว่า 20 ฟุต ก็ยังหาน้ำไม่ได้ ทำให้มีไพร่พลล้มตายด้วยขาดน้ำเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันทัพม้าของเอเซนก็ตามมาถึงและเข้าโจมตีกองทัพหมิงอย่างดุเดือด บรรดาแม่ทัพนายกองนำไพร่พลเข้าต้านทานสุดชีวิต จนบาดเจ็บล้มตายไปนับไม่ถ้วน

หลังจากปะทะกันได้ไม่กี่วัน เอเซนก็ส่งคนมาเจรจาสงบศึก ทั้งจักรพรรดิหมิงอิงจงและหวางเจิ้นดีใจมาก รีบส่งทูตไปเจรจากับอีกฝ่ายโดยยินยอมรับข้อเสนอของฝ่ายหว่าล่าทุกประการ หลังจากเจรจาเรียบร้อยแล้ว หวางเจิ้นก็สั่งให้ย้ายค่ายไปยังแหล่งน้ำ  ด้วยความกระหายน้ำ ทำให้บรรดาทหารต่างเร่งรีบไปจนไม่เป็นขบวนทว่าแผนสงบศึกของเอเซนนั้น แท้จริงเป็นกลลวง ซึ่งหลังจากที่เอเซนได้ทราบว่าทัพหมิงเร่งรีบไปยังแหล่งน้ำโดยขาดการระแวดระวัง เขาก็รีบนำทัพม้าบุกเข้าโจมตีทันที ทหารหมิงที่อดอยาก และขาดผู้นำเข็มแข็ง ถูกสังหารตายแบบไม่ได้โต้ตอบแบบมีประสิทธิภาพเลย


ทัพหว่าล่าเข้าโจมตีทัพหมิงอย่างดุเดือด ทหารหมิงล้มตายกลาดเกลื่อน กองทัพใหญ่แตกพ่ายยับเยิน เลือดไหลนองไปทั่วสมรภูมิ ไพร่พลทั้งกองทัพพินาศย่อยยับ จักรพรรดิหมิงอิงจงถูกทหารหว่าล่าจับเป็นเชลย ส่วนหวางเจิ้นถูกพานจง แม่ทัพรักษาพระองค์ใช้ลูกตุ้มเหวี่ยงใส่ศรีษะ จนกระโหลกแตกตาย มันสมองสาดกระจาย เนื่องจากแค้นใจที่หวางเจิ้นนำความพินาศมาสู่กองทัพ ทว่าพานจงและเหล่าแม่ทัพรวมทั้งขุนนางอีก 50 คนที่ตามเสด็จก็ถูกทหารหวมองโกลรุมสังหารจนหมด

ศึกครั้งนี้นำความอัปยศมาสู่ราชวงศ์หมิง เนื่องจากการนำทัพที่ไร้ประสิทธิภาพทำให้กองทัพมหึมาของต้าหมิงถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ส่วนองค์จักรพรรดิต้องตกเป็นเชลยของข้าศึก ในประวัติศาสตร์จีนเรียก เหตุการณ์ครั้งนี้ว่า กรณี ถู่มู่เป่า
(ทหารหมิงเยอะกว่ามากจริง แต่ขาดเสบียง เอาคนรบไม่เป็นมาบัญชาการทัพ แถมระบบทหารหมิงช่วงนั้นกลัวพวกทหารเลวทรยศ
เลยไม่ได้ฝึกฝน หรือแจกอาวุธดีๆ ให้ใช้ ผลคือโดนยิงตายอย่างง่ายๆ นี่ละครับ)

หลังจากชนะศึก เอเซนได้รวบรวมทัพใหญ่พร้อมด้วยรี้พล 100,000 นายเข้าตีนครเป่ยจิง ในยามนั้นเนื่องจากสถานการณ์คับขัน อวี๋เชียน เสนาบดีกลาโหมพร้อมกับเหล่าขุนนางต่างเล็งเห็นว่าบ้านเมืองไม่ควรขาดประมุข จึงไปเข้าเฝ้ากราบทูลพระพันปีให้ยก จูฉวีอี้ พระอนุชาของหมิงอิงจงขึ้นเป็นจักรพรรดิเพื่อรับศึก

จูฉวีอี้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหมิงจิ่งตี้ จากนั้นก็ทรงแต่งตั้งให้อวี๋เชียนเป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับศึกหว่าล่า ซึ่งอวี๋เชียนก็ได้ระดมทหารและชาวเมืองเข้าต่อสู้ป้องกันนครเป่ยจิงอย่างเข้มแข็งจนทัพมองโกลไม่อาจตีเมืองได้ ทั้งยังต้องสูญเสียไพร่พลมากมายจนต้องล่าถอยกลับไป


จากนั้นไม่นาน ข่านเอเซนก็ปล่อยหมิงอิงจงกลับมา ซึ่งหลังจากกลับมาแล้ว พระองค์ได้ถูกกักบริเวณเอาไว้ตามพระบัญชาของหมิงจิ่งตี้  แต่จากนั้นแปดปี หมิงจิ่งตี้ก็ประชวรหนัก หมิงอิงจงจึงถือโอกาสยึดอำนาจกลับคืนและกักบริเวณหมิงจิ่งตี้ไว้ ซึ่งต่อจากนั้นไม่นานก็สิ้นพระชนม์ ส่วนอวี๋เชียนที่เคยนำทัพปกป้องนครเป่ยจิงนั้น หมิงอิงจงทรงพิโรธที่เขาสนับสนุนหมิงจิ่งตี้ให้ขึ้นครองราชย์ จึงให้นำตัวอวี๋เชียนไปประหาร ซึ่งเหตุการณ์ทำให้ประชาชนทั้งแผ่นดินต่างพากันสลดใจกับชะตากรรมของขุนนางผู้ภักดีต่อบ้านเมืองเช่นเขา

หลังจากการรบชนะ 2 ปี เอเซนได้ตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้นำแห่งหยวนเหนือ และเป็นยุคผงานของมองโกลตะวันตก


จบแล้วครับ!

http://en.wikipedia.org/wiki/Esen_taishi
http://www.komkid.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2/
http://ccsenet.org/journal/index.php/ass/article/viewFile/2472/2319
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่