สาส์นขอโทษถึงชุมชนจักรยานเรื่องสกู๊ปข่าว
---------------------------------------------
ก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนนะครับว่า ไม่ใช่การตีโพยตีพายของตัวผมเองที่สกู๊ปข่าวตัวเองไม่ได้ออกอากาศ
แต่เป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องมาชี้แจงให้กับผู้ที่ผมขอสัมภาษณ์หรือขอถ่ายทำทราบ
ขอเกริ่นเรื่องให้ฟังก่อนนะครับ ผมชื่ออิทธิพล บารมีเกรียงไกร เป็นจิตอาสารณรงค์เรื่องจักรยาน
โดยล่าสุด 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ตัดสินใจสมัครเป็นทีมประชาสัมพันธ์ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย
เพราะรู้สึกศรัทธาในแนวคิดการรณรงค์เรื่องจักรยานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
ไม่ได้มีเงินเดือนประจำ มีบ้างคือค่าเดินทาง แต่เนื่องจากชมรมฯมีทีมทำงานเพียงไม่กี่คนแต่ต้องทำงาน
ระดับประเทศ ดังนั้นหน้าที่อะไรที่ช่วยได้ผมจึงทำหมด ทั้งช่าง วิทยากร ตัวแทนชมรมฯลงพื้นที่ ฯลฯ
เมื่อได้เป็นทีมประชาสัมพันธ์(ฟังดูหรูว่าทีม จริงๆด้านสื่อภาพถ่ายภาพเคลื่อนไหวผมทำคนเดียวทั้งหมด)
และสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ซึ่งเป็นผู้ใช้จักรยาน
ที่มีอยู่มากที่สุดของประเทศ แต่พวกเขาเข้าถึงสื่อได้น้อยที่สุดจึงพยายามหาช่องทางที่จะกระจายข่าว
หรือเรื่องราวของเขาเหล่านั้นให้ออกสู่สาธารณะบ้าง
เห็นทีวีสาธารณะช่องหนึ่งเปิดโอกาสให้นำเสนอข่าวภาคพลเมือง 3 นาทีรู้สึกสนใจมากๆจึงสมัครสมาชิก
และขอส่งสกรุ๊ปข่าวให้ตรวจสอบ ทีมงานให้คำแนะนำดีมากๆครับ จึงได้ออกอากาศไปเกิน 20 ตอนแล้ว
เมื่อประมาณเดือนกว่าๆที่ผ่านมา น้องทีมงานข่าวได้โทรหาผมและบอกว่ามีรายการใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
ให้นักข่าวภาคพลเมืองผลิต เพื่อเป็นการพัฒนาฝีมือในการผลิต แจ้งว่ารายการมีเวลาประมาณ 25 นาที
โดยเห็นว่าเราทำเรื่องจักรยานอยู่แล้วเลยอยากให้นำเสนอเรื่องนี้
ผมยอมรับเลยว่ารู้สึกดีใจมากที่จะมีโอกาสได้ขยายเวลาไปมากกว่า 3 นาที จึงนำเรื่องนี้เข้าปรึกษา
กรรมการชมรมฯเพื่อขอถ่ายทำในพื้นที่ที่ชมรมฯได้ทำเรื่องชุมชนจักรยาน ทางชมรมฯเห็นว่ามีประโยชน์
ด้านการประชาสัมพันธ์ และเป็นช่วงเวลาที่กรรมการชมรมฯจะลงพื้นที่นั้นพอดี ผมจึงขอโอกาสขอลง
ไปถ่ายทำด้วย โดยได้ให้ทางทีมงานชมรมฯขออนุญาตสัมภาษณ์ผู้นำท้องถิ่น ทั้ง นายก อบต.
ผอ.สำนักงานทางหลวงชนบนบทพื้นที่ เจ้าอาวาส และชาวบ้าน และมาขอสัมภาษณ์อีกสองพื้นที่
คือพื้นที่ ต.เขาพระ จ.สุพรรณบุรี และเขตภาษีเจริญ กทม.
หลังจากกลับถึง กทม.ขณะตัดต่อเตรียมส่งงานให้ทางสถานี น้องทีมงานก็โทรมาตามว่าดำเนินการ
ไปถึงไหนแล้วจึงได้รีบตัดต่อลำดับภาพและส่งให้สถานี เวลาผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์น้องทีมงาน
โทรมาบอกว่าลักษณะรายการเปลี่ยนไป ข่าวของผมอาจจะไม่ได้ออกอากาศ แต่จะตัดให้สั้นลง
เพื่อเป็นสกู๊ปข่าวเสริมเรื่องที่จะออกแทน เพราะยังเป็นเรื่องของจักรยานเหมือนเดิม
พร้อมกับขอโทษที่ไม่สามารถนำออกอากาศได้ ขณะนั้นผมยังอยู่ต่างจังหวัดครับเลยรับปากว่า
กลับมาจะตัด 3 นาทีให้ เมื่อกลับถึง กทม.น้องทีมงานโทรมาตามผมจึงได้ตัด 3 นาทีส่งให้
แต่วันนั้นติดรายการของ คสช.พอดีจึงยังไม่ได้ออก เรื่องมีเท่านี้ครับ ผมไม่ได้ติดใจอะไรเพราะรู้ว่า
เรื่องจักรยานใครนำเสนอก็มีประโยชน์ต่อผู้ใช้จักรยานทั้งนั้น
เวลาผ่านไป 2-3 วันผมรู้สึกผิดที่เวลาขอสัมภาษณ์เขาแล้ว เมื่อเขาถามว่าถ่ายไปทำอะไร?ผมได้แจ้ง
ทางผู้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเอาไปทำสกรุ๊ปข่าวออกอากาศรายการนี้ช่องนี้
เมื่อไม่ได้ออกอากาศจึงขอใช้สาส์นเปิดผนึกฉบับนี้เป็นการกราบขอโทษทุกท่านที่ได้ขอสัมภาษณ์
มาด้วยนะครับ แต่ก็ได้ตัดต่อเป็นคลิปสั้นเผยแพร่ทางยูทูป ความยาว 7 นาทีกว่าๆครับ
ขอแสดงความขอโทษ
อิทธิพล บารมีเกรียงไกร
18 สิงหาคม 2557
.
สาส์นขอโทษถึงชุมชนจักรยานเรื่องสกู๊ปข่าว
---------------------------------------------
ก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนนะครับว่า ไม่ใช่การตีโพยตีพายของตัวผมเองที่สกู๊ปข่าวตัวเองไม่ได้ออกอากาศ
แต่เป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องมาชี้แจงให้กับผู้ที่ผมขอสัมภาษณ์หรือขอถ่ายทำทราบ
ขอเกริ่นเรื่องให้ฟังก่อนนะครับ ผมชื่ออิทธิพล บารมีเกรียงไกร เป็นจิตอาสารณรงค์เรื่องจักรยาน
โดยล่าสุด 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ตัดสินใจสมัครเป็นทีมประชาสัมพันธ์ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย
เพราะรู้สึกศรัทธาในแนวคิดการรณรงค์เรื่องจักรยานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
ไม่ได้มีเงินเดือนประจำ มีบ้างคือค่าเดินทาง แต่เนื่องจากชมรมฯมีทีมทำงานเพียงไม่กี่คนแต่ต้องทำงาน
ระดับประเทศ ดังนั้นหน้าที่อะไรที่ช่วยได้ผมจึงทำหมด ทั้งช่าง วิทยากร ตัวแทนชมรมฯลงพื้นที่ ฯลฯ
เมื่อได้เป็นทีมประชาสัมพันธ์(ฟังดูหรูว่าทีม จริงๆด้านสื่อภาพถ่ายภาพเคลื่อนไหวผมทำคนเดียวทั้งหมด)
และสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ซึ่งเป็นผู้ใช้จักรยาน
ที่มีอยู่มากที่สุดของประเทศ แต่พวกเขาเข้าถึงสื่อได้น้อยที่สุดจึงพยายามหาช่องทางที่จะกระจายข่าว
หรือเรื่องราวของเขาเหล่านั้นให้ออกสู่สาธารณะบ้าง
เห็นทีวีสาธารณะช่องหนึ่งเปิดโอกาสให้นำเสนอข่าวภาคพลเมือง 3 นาทีรู้สึกสนใจมากๆจึงสมัครสมาชิก
และขอส่งสกรุ๊ปข่าวให้ตรวจสอบ ทีมงานให้คำแนะนำดีมากๆครับ จึงได้ออกอากาศไปเกิน 20 ตอนแล้ว
เมื่อประมาณเดือนกว่าๆที่ผ่านมา น้องทีมงานข่าวได้โทรหาผมและบอกว่ามีรายการใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
ให้นักข่าวภาคพลเมืองผลิต เพื่อเป็นการพัฒนาฝีมือในการผลิต แจ้งว่ารายการมีเวลาประมาณ 25 นาที
โดยเห็นว่าเราทำเรื่องจักรยานอยู่แล้วเลยอยากให้นำเสนอเรื่องนี้
ผมยอมรับเลยว่ารู้สึกดีใจมากที่จะมีโอกาสได้ขยายเวลาไปมากกว่า 3 นาที จึงนำเรื่องนี้เข้าปรึกษา
กรรมการชมรมฯเพื่อขอถ่ายทำในพื้นที่ที่ชมรมฯได้ทำเรื่องชุมชนจักรยาน ทางชมรมฯเห็นว่ามีประโยชน์
ด้านการประชาสัมพันธ์ และเป็นช่วงเวลาที่กรรมการชมรมฯจะลงพื้นที่นั้นพอดี ผมจึงขอโอกาสขอลง
ไปถ่ายทำด้วย โดยได้ให้ทางทีมงานชมรมฯขออนุญาตสัมภาษณ์ผู้นำท้องถิ่น ทั้ง นายก อบต.
ผอ.สำนักงานทางหลวงชนบนบทพื้นที่ เจ้าอาวาส และชาวบ้าน และมาขอสัมภาษณ์อีกสองพื้นที่
คือพื้นที่ ต.เขาพระ จ.สุพรรณบุรี และเขตภาษีเจริญ กทม.
หลังจากกลับถึง กทม.ขณะตัดต่อเตรียมส่งงานให้ทางสถานี น้องทีมงานก็โทรมาตามว่าดำเนินการ
ไปถึงไหนแล้วจึงได้รีบตัดต่อลำดับภาพและส่งให้สถานี เวลาผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์น้องทีมงาน
โทรมาบอกว่าลักษณะรายการเปลี่ยนไป ข่าวของผมอาจจะไม่ได้ออกอากาศ แต่จะตัดให้สั้นลง
เพื่อเป็นสกู๊ปข่าวเสริมเรื่องที่จะออกแทน เพราะยังเป็นเรื่องของจักรยานเหมือนเดิม
พร้อมกับขอโทษที่ไม่สามารถนำออกอากาศได้ ขณะนั้นผมยังอยู่ต่างจังหวัดครับเลยรับปากว่า
กลับมาจะตัด 3 นาทีให้ เมื่อกลับถึง กทม.น้องทีมงานโทรมาตามผมจึงได้ตัด 3 นาทีส่งให้
แต่วันนั้นติดรายการของ คสช.พอดีจึงยังไม่ได้ออก เรื่องมีเท่านี้ครับ ผมไม่ได้ติดใจอะไรเพราะรู้ว่า
เรื่องจักรยานใครนำเสนอก็มีประโยชน์ต่อผู้ใช้จักรยานทั้งนั้น
เวลาผ่านไป 2-3 วันผมรู้สึกผิดที่เวลาขอสัมภาษณ์เขาแล้ว เมื่อเขาถามว่าถ่ายไปทำอะไร?ผมได้แจ้ง
ทางผู้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเอาไปทำสกรุ๊ปข่าวออกอากาศรายการนี้ช่องนี้
เมื่อไม่ได้ออกอากาศจึงขอใช้สาส์นเปิดผนึกฉบับนี้เป็นการกราบขอโทษทุกท่านที่ได้ขอสัมภาษณ์
มาด้วยนะครับ แต่ก็ได้ตัดต่อเป็นคลิปสั้นเผยแพร่ทางยูทูป ความยาว 7 นาทีกว่าๆครับ
ขอแสดงความขอโทษ
อิทธิพล บารมีเกรียงไกร
18 สิงหาคม 2557
.