กกต.จับมือกศน.จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมปชต.- สร้างจิตสำนึกให้เยาวชน
วันที่ 9 มี.ค. ที่อิมแพค เมืองทองธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการจัดตั้ง ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบลรวมทั้งมีการลงนามบันทึกความร่วมมือจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว ระหว่าง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาฯ กกต. และ นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาฯ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
โดยนายประวิช รัตนเพียร กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า กกต.ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนา เยาวชนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล ขึ้นในสำนักงาน กศน. ตำบล เพื่อให้มีพลเมืองอาสา กกต. มีสถานที่ในการปรึกษาหารือ ร่วมกันวางแผนการปฏิบัติในรูปคณะกรรมการ ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาพลเมืองอาสา กกต. ให้มีศักยภาพในการทำหน้าที่ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และการเลือกตั้ง วุฒิสภาในวันที่ 30 มี.ค. กกต. จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ตระหนักถึงสิทธิหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และสนับสนุนให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง รณรงค์ให้ประชาขนออกมาใช้สิทธิ และส่วนกันสังเกตการณ์การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และภารกิจในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายว่าในเอกสารการประชุม ได้ระบุถึงแนวทางการจัดตั้งศูนย์ ดังกล่าวว่า หลักการในการดำเนินการส่วนหนึ่งระบุ ให้พลเมืองอาสา กกต. ที่เป็นแกนนำชุมชน สอดแทรกไปกับวิถีชีวิตของชุมชนของตนเอง ด้วยการทำหน้าที่วิทยากรในการประชุมกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสตรีตำบล หรือกลุ่มสตรีหมู่บ้าน และให้กรรมการศูนย์ฯ ได้รับการพิจารณาให้เป็นกกต.ท้องถิ่น กปน. หรือเป็นเครือข่ายข่าวชุมชน กรณีมีการแต่งตั้งจะได้รับการพิจารณาก่อน
จากนั้นนายประวิช ไกล่าวอีกว่า อาจารย์ประจำ กศน. จะเป็นผู้ดูแล โดยในปีนี้จะจัดตั้ง จังหวัดละ 1 ตำบล แต่เมื่อครบ 1 ปี และประเมินผลแล้วได้ผลดีปีต่อไปก็จะตัดตั้งให้ครบทุกจุดของ กศน.ทั่วประเทศที่มีอยู่ 7 พันกว่าแห่ง พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่าการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมด้านประชาธิปไตยให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์โดยอิสระ และไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในเรื่องของความขัดแย้ง
กกต ยังสมควรไปสอนเยาวชนเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอยู่อีกไหม?
วันที่ 9 มี.ค. ที่อิมแพค เมืองทองธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการจัดตั้ง ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบลรวมทั้งมีการลงนามบันทึกความร่วมมือจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว ระหว่าง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาฯ กกต. และ นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาฯ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
โดยนายประวิช รัตนเพียร กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า กกต.ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนา เยาวชนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล ขึ้นในสำนักงาน กศน. ตำบล เพื่อให้มีพลเมืองอาสา กกต. มีสถานที่ในการปรึกษาหารือ ร่วมกันวางแผนการปฏิบัติในรูปคณะกรรมการ ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาพลเมืองอาสา กกต. ให้มีศักยภาพในการทำหน้าที่ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และการเลือกตั้ง วุฒิสภาในวันที่ 30 มี.ค. กกต. จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ตระหนักถึงสิทธิหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และสนับสนุนให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง รณรงค์ให้ประชาขนออกมาใช้สิทธิ และส่วนกันสังเกตการณ์การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และภารกิจในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายว่าในเอกสารการประชุม ได้ระบุถึงแนวทางการจัดตั้งศูนย์ ดังกล่าวว่า หลักการในการดำเนินการส่วนหนึ่งระบุ ให้พลเมืองอาสา กกต. ที่เป็นแกนนำชุมชน สอดแทรกไปกับวิถีชีวิตของชุมชนของตนเอง ด้วยการทำหน้าที่วิทยากรในการประชุมกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสตรีตำบล หรือกลุ่มสตรีหมู่บ้าน และให้กรรมการศูนย์ฯ ได้รับการพิจารณาให้เป็นกกต.ท้องถิ่น กปน. หรือเป็นเครือข่ายข่าวชุมชน กรณีมีการแต่งตั้งจะได้รับการพิจารณาก่อน
จากนั้นนายประวิช ไกล่าวอีกว่า อาจารย์ประจำ กศน. จะเป็นผู้ดูแล โดยในปีนี้จะจัดตั้ง จังหวัดละ 1 ตำบล แต่เมื่อครบ 1 ปี และประเมินผลแล้วได้ผลดีปีต่อไปก็จะตัดตั้งให้ครบทุกจุดของ กศน.ทั่วประเทศที่มีอยู่ 7 พันกว่าแห่ง พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่าการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมด้านประชาธิปไตยให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์โดยอิสระ และไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในเรื่องของความขัดแย้ง