สวัสดีครับ กระทู้ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมโดยตรงครับ เป็นการลงให้เพื่อน เพราะเค้าไม่มี ID ใน Pantip หากมีการกระทบ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ยังสามารถผ่านผมเป็นคนกลางได้ครับ
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งครับเป็นเพื่อนสมัยมัธยม ในช่วงเข้ามหาวิทยาลัย เธอประสบอุบัติเหตุ โดยการนั่งโดยสารไปกับเพื่อน 5 คน ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งดื่มเบียร์คนเดียวและเป็นคนขับรถจนประสบอุบัติเหตุ คนขับที่ดื่มเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อนผมบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีก 3 คน บาดเจ็บเล็กน้อย
สุดท้ายแล้ว เพื่อนผมรอดครับ แต่ กระดูกทับเส้นประสาท ทำให้กึ่งอัมพาต เดินไม่ได้ มือใช้งานได้เพียงแค่ขยับและจิ้มๆ คือกำไม่ค่อยได้ครับ ทุกวันนี้ เธอต้องใช้ชีวิตผ่านรถเข็นครับ
ก่อนเข้าประเด็น ผมอยากเสริมนิดนึงครับ มีหลายคนประมาท กับการดื่มสุราแล้วขับรถครับ คุณไม่เคยนึกหรอกครับ จนกระทั่งอุบัติเหตุเกิด คนอื่นที่เค้าไม่ได้ดื่มกับคุณเค้าอาจต้องมารับเคราะห์ จนถึงเวลานั้น อะไรก็มาชดใช้ให้กันไม่ได้หรอกครับ ดังนั้น ดื่มแล้วอย่าขับนะครับ หรือถ้ารู้ตัวว่าต้องดื่ม คุณก็อย่าเอารถไปดีกว่าครับ
เข้าเรื่องนะครับ เพื่อนผม เค้ามาบ่นในกรุ๊ปไลน์ ว่า เจอเรื่องแปลกๆและไม่เป็นธรรมจากบริษัทรถเข็นไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ผมให้เธอเรียบเรียงให้ผม เพื่อผมจะได้ช่วยลงถามใน Pantip ให้ เผื่อมีใครจะช่วยแนะนำเธอได้บ้างว่าต้องทำยังไงต่อไป ต่อไปนี้เป็นข้อความที่เธอพิมพ์ โดยผมแต่งเติมให้ดูทางการยิ่งขึ้นซึ่งเราใช้เวลาพอสมควรในการสนทนาครับ
"ดิฉันได้รับการอนุมัติรับรถเข็ญไฟฟ้าคนพิการจากโครงการผู้พิการบนท้องถนน มางบจากการประมูลทะเบียนเลขสวย ของกรมขนส่ง
ทางกรมขนส่งแจ้งงบมา ไม่เกิน 8 หมื่นบาท มาให้และให้ทางดิฉันเลือกรถเข็นเองตามงบประมาณที่ให้ ซึ่งมีบริษัททำการเสนอราคามาจำนวนหนึ่ง ในที่นี้ขอกล่าวถึง 2 บริษัท คือบริษัท A และ B
บริษัท A ทางตัวแทนบ.ไม่เคยติดต่อหรือยื่นแคตตาล็อคของรถเข็ญให้ดูเลย
บริษัท B ได้ยื่นใบเสนอราคา และแคตตาล็อค
ดิฉันจึงตัดสินใจเลือกรถเข็นไฟฟ้าจาก บริษัท B โดยวันยื่นขอดิฉันให้คุณพ่อเป็นคนทำเอกสารให้ ซึ่งคุณพ่อได้เพียงเอาเอกสารมาจากโรงพยาบาล เป็นเอกสารที่ถ่ายเอกสารมาไม่ชัด ชื่อรุ่น รถ ก็ไม่ชัดเจน ดิฉันเคยติดต่อแค่บริษัท B จึงเซ็นต์เอกสารไปโดยไม่ชะล่าใจอะไร
แต่เมื่อถึงวันรับมอบดิฉัน ได้ไปพร้อมกับทาง บ. B แต่พอไปถึงที่รับมอบกลับไปเจอกับทาง บ. A ที่ไม่เคยติดต่อกันเลย โดยเค้าบอกว่าทางญาติผู้พิการเป็นคนนำเอกสารมาเลือกเอง ซึ่งพูดตามตรงวันนั้นคุณพ่อของดิฉันได้ไปขอเอกสารกับทางโณงพยาบาลและได้ฉบับนี้มา ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกับ บ. A เลย
ทางบริษัท B แจ้งว่า ไม่เป็นไรที่จังหวัดอื่นเค้าสามารถเปลี่ยนความจำนงได้ในวันรับมอบในกรณีรถไม่ตรงกับความต้องการหรือความเหมาะสมของผู้พิการ
ดิฉันจึงได้ได้ขอเปลี่ยนรถมารับกับ บ. B ที่เลือก แต่ทางขนส่งไม่ให้เปลี่ยนทั้งๆที่ระหว่างที่คุยตกลงกันทางขนส่งเอกก็เห็นความไม่ชัดเจนของ บ.A แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนรถเข็ญไฟฟ้าได้ทั้งๆที่ ในร่างโครงการก็มีบอกว่าอุปกรณ์ต้องเหมาะและคนพิการสามารถใช้งานได้ วันรับมอบนั้นดิฉันนั่งรถ บ.A ไม่ค่อยได้ ดูยังไงก็คงไม่เหมาะ จึงขอให้เปลี่ยนเพราะใช้ไม่ได้ พอจะเข้าพิธีมอบ ทางขนส่งบอกให้นั่งๆไปก่อน ค่อยเคลียกันทีหลัง จึงเข้าพิธีถ่ายรูป ต้องยิ้มแย้มกันอย่างงงๆ สุดท้ายพอจบพิธีดิฉันถูกกึ่งบังคับให้ต้องรับรถไป ไม่มีใครมาสนใจ เพราะไม่งั้นก็ถือว่าจะไม่ได้อะไร ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นสเป็ครถเลย
ภายหลังสืบทราบมาว่า ราคาของรถ บ. A ถูกกว่า บ. B มาก ซึ่งจะทำให้มีส่วนต่างของงบที่เหลือพอสมควร แต่ทั้งนี้ ดิฉันจะไม่ขอกล่าวอะไรเพิ่มเติม แค่เพียงสงสัย แต่ดิฉันไม่มีหลักฐานอะไร
รถเข็ญไฟฟ้าบริษัท A มีประกัน1ปี ได้รับรถเข็ญประมาณปลายเดือนมกราคม2555 เมื่อปลายเดือนมกราคมปี2556 รถไฟฟ้าก็เสีย (หมดประกันก็เจ๊งเลย)
ดิฉันได้ติดต่อทาง บ.A เพื่อส่งซ่อม ซ่อมเสด ทางบ.ได้ส่งกลับมาบอกว่ามีปัญหาที่มอเตอร์นิดหน่อย ก่อนหน้าที่ทางบ.จะส่งรถกลับคืนมา ดิฉันได้โอนเงินค่าซ่อมไปให้ก่อน แต่พอรถมาถึงสภาพมีการแกะแต่รถไม่สามารถใช้งานได้เลย ดิฉันได้ติดต่อกลับไปทาง บ. ไปใหม่ สุดท้ายเค้าจึงโอนค่าซ่อมที่เคยโอนไปให้คืน และ ทาง บ.ได้มารับกลับคืนไปซ่อมใหม่ แต่ก็เงียบหายไปเลยผ่านไปหลายเดือน ดิฉันจึงติดต่อไปใหม่ ทาง บ. A บอกรออะไหล่จากเมืองนอกแล้วจะคิดค่าอะไหล่ให้ใหม่ แล้วก็เงียบหายไป คราวนี้ ดิฉันได้ติดต่อไปทั้งทาง ผู้บริหาร ของ บ. มีการตอบกลับมาเพียง แค่จะประสานงานให้ แต่ก็เงียบจนถึงปัจจุบัน ดิฉันต้องวุ่นวายกับการติดต่อ ไม่สามารถใช้รถเข็นจากงบประมาณ 8 หมื่นต่อคัน (ซึ่งราคาจริงๆต่ำกว่ามาก) จากโครงการของรัฐ
ถึงปัจจุบัน ก็ 1 ปีครึ่ง ดิฉันไม่มีรถไฟฟ้าใช้ ต้องซื้อรถเข็นธรรมดาใหม่เอง
สรุปงบ 8 หมื่นที่เป็นโครงการแด่ผู้พิการ ดิฉันได้ใช้รถเข็ญไฟฟ้าแบบไม่ได้เลือกแค่ 1 ปี
ดิฉันรู้สึกแย่ และได้รับความไม่เป็นธรรมกับทางหน่วยงานของรัฐในตอนแรก และคราวนี้ได้รับบริการกับสินค้าที่คุณภาพที่ไม่ดีซ้ำเติมจากบริษัท รถเข็นไฟฟ้าดังกล่าว ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ได้ลองปรึกษาเพื่อน เพื่นจึงแนะนำให้มาลองลง pantip ดู เพราะเราเองก็ไม่ได้เก็บหลักฐานการพูดคุยอะไรไว้เลย
ทั้งนี้ ดิฉัน ยังมีความศรัทธาในพนักงานรัฐหรือกรมการขนส่ง ที่ดิฉันกล่าวอ้าง ว่ายังมีบุคคลากรที่ดีทำงานอยู่ และหากดิฉันทำให้เรื่องดังกล่าวกระทบไปถึงบุคคลที่ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยความบริสุทธิ์ ใจ ดิฉันขออภัยและยินดีแก้ไขข้อความที่เขียนอย่างไม่เป็นธรรมค่ะ
หากเรื่องราวดังกล่าว ดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้ต่อไป ดิฉันจะพอ และขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ถึงเพื่อนๆที่กำลังจพทำธุรกรรมใดๆ ว่าให้ดูเอกสารให้ดีก่อนเซ็นต์ และเก็บหลักฐานสำหรับเรื่องที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลไว้บ้างก็ดีค่ะ"
ครับ เรื่องทั้งหมดก็เป็นตามที่เพื่อนผมเล่า ตอนนี้ผมจะขอเซ็นเซอร์ชื่อบริษัท A ไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะมีผลอะไรกับเพื่อนผมบ้าง และล่าสุด เธอได้ขู่ บริษัท A ว่า จะให้เพื่อนช่วยเอาเรื่องนี้ลงใน Pantip บริษัท A จึงรีบติดต่อกลับมา บอกจะดูแลให้
ก็ไม่รู้เรื่องราวจะจบลงอย่างไรครับ .... ยังไงผมจะเป็นตัวแทนคอยมาเล่าเรื่อยๆครับ แล้วถ้าใคร มีข้อแนะนำอะไรให้เพื่อนผม รบกวน แนะนำได้เลยครับ
รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับสินค้าคุณภาพไม่ดีจากโครงการสำหรับผู้พิการ
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งครับเป็นเพื่อนสมัยมัธยม ในช่วงเข้ามหาวิทยาลัย เธอประสบอุบัติเหตุ โดยการนั่งโดยสารไปกับเพื่อน 5 คน ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งดื่มเบียร์คนเดียวและเป็นคนขับรถจนประสบอุบัติเหตุ คนขับที่ดื่มเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อนผมบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีก 3 คน บาดเจ็บเล็กน้อย
สุดท้ายแล้ว เพื่อนผมรอดครับ แต่ กระดูกทับเส้นประสาท ทำให้กึ่งอัมพาต เดินไม่ได้ มือใช้งานได้เพียงแค่ขยับและจิ้มๆ คือกำไม่ค่อยได้ครับ ทุกวันนี้ เธอต้องใช้ชีวิตผ่านรถเข็นครับ
ก่อนเข้าประเด็น ผมอยากเสริมนิดนึงครับ มีหลายคนประมาท กับการดื่มสุราแล้วขับรถครับ คุณไม่เคยนึกหรอกครับ จนกระทั่งอุบัติเหตุเกิด คนอื่นที่เค้าไม่ได้ดื่มกับคุณเค้าอาจต้องมารับเคราะห์ จนถึงเวลานั้น อะไรก็มาชดใช้ให้กันไม่ได้หรอกครับ ดังนั้น ดื่มแล้วอย่าขับนะครับ หรือถ้ารู้ตัวว่าต้องดื่ม คุณก็อย่าเอารถไปดีกว่าครับ
เข้าเรื่องนะครับ เพื่อนผม เค้ามาบ่นในกรุ๊ปไลน์ ว่า เจอเรื่องแปลกๆและไม่เป็นธรรมจากบริษัทรถเข็นไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ผมให้เธอเรียบเรียงให้ผม เพื่อผมจะได้ช่วยลงถามใน Pantip ให้ เผื่อมีใครจะช่วยแนะนำเธอได้บ้างว่าต้องทำยังไงต่อไป ต่อไปนี้เป็นข้อความที่เธอพิมพ์ โดยผมแต่งเติมให้ดูทางการยิ่งขึ้นซึ่งเราใช้เวลาพอสมควรในการสนทนาครับ
"ดิฉันได้รับการอนุมัติรับรถเข็ญไฟฟ้าคนพิการจากโครงการผู้พิการบนท้องถนน มางบจากการประมูลทะเบียนเลขสวย ของกรมขนส่ง
ทางกรมขนส่งแจ้งงบมา ไม่เกิน 8 หมื่นบาท มาให้และให้ทางดิฉันเลือกรถเข็นเองตามงบประมาณที่ให้ ซึ่งมีบริษัททำการเสนอราคามาจำนวนหนึ่ง ในที่นี้ขอกล่าวถึง 2 บริษัท คือบริษัท A และ B
บริษัท A ทางตัวแทนบ.ไม่เคยติดต่อหรือยื่นแคตตาล็อคของรถเข็ญให้ดูเลย
บริษัท B ได้ยื่นใบเสนอราคา และแคตตาล็อค
ดิฉันจึงตัดสินใจเลือกรถเข็นไฟฟ้าจาก บริษัท B โดยวันยื่นขอดิฉันให้คุณพ่อเป็นคนทำเอกสารให้ ซึ่งคุณพ่อได้เพียงเอาเอกสารมาจากโรงพยาบาล เป็นเอกสารที่ถ่ายเอกสารมาไม่ชัด ชื่อรุ่น รถ ก็ไม่ชัดเจน ดิฉันเคยติดต่อแค่บริษัท B จึงเซ็นต์เอกสารไปโดยไม่ชะล่าใจอะไร
แต่เมื่อถึงวันรับมอบดิฉัน ได้ไปพร้อมกับทาง บ. B แต่พอไปถึงที่รับมอบกลับไปเจอกับทาง บ. A ที่ไม่เคยติดต่อกันเลย โดยเค้าบอกว่าทางญาติผู้พิการเป็นคนนำเอกสารมาเลือกเอง ซึ่งพูดตามตรงวันนั้นคุณพ่อของดิฉันได้ไปขอเอกสารกับทางโณงพยาบาลและได้ฉบับนี้มา ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกับ บ. A เลย
ทางบริษัท B แจ้งว่า ไม่เป็นไรที่จังหวัดอื่นเค้าสามารถเปลี่ยนความจำนงได้ในวันรับมอบในกรณีรถไม่ตรงกับความต้องการหรือความเหมาะสมของผู้พิการ
ดิฉันจึงได้ได้ขอเปลี่ยนรถมารับกับ บ. B ที่เลือก แต่ทางขนส่งไม่ให้เปลี่ยนทั้งๆที่ระหว่างที่คุยตกลงกันทางขนส่งเอกก็เห็นความไม่ชัดเจนของ บ.A แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนรถเข็ญไฟฟ้าได้ทั้งๆที่ ในร่างโครงการก็มีบอกว่าอุปกรณ์ต้องเหมาะและคนพิการสามารถใช้งานได้ วันรับมอบนั้นดิฉันนั่งรถ บ.A ไม่ค่อยได้ ดูยังไงก็คงไม่เหมาะ จึงขอให้เปลี่ยนเพราะใช้ไม่ได้ พอจะเข้าพิธีมอบ ทางขนส่งบอกให้นั่งๆไปก่อน ค่อยเคลียกันทีหลัง จึงเข้าพิธีถ่ายรูป ต้องยิ้มแย้มกันอย่างงงๆ สุดท้ายพอจบพิธีดิฉันถูกกึ่งบังคับให้ต้องรับรถไป ไม่มีใครมาสนใจ เพราะไม่งั้นก็ถือว่าจะไม่ได้อะไร ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นสเป็ครถเลย
ภายหลังสืบทราบมาว่า ราคาของรถ บ. A ถูกกว่า บ. B มาก ซึ่งจะทำให้มีส่วนต่างของงบที่เหลือพอสมควร แต่ทั้งนี้ ดิฉันจะไม่ขอกล่าวอะไรเพิ่มเติม แค่เพียงสงสัย แต่ดิฉันไม่มีหลักฐานอะไร
รถเข็ญไฟฟ้าบริษัท A มีประกัน1ปี ได้รับรถเข็ญประมาณปลายเดือนมกราคม2555 เมื่อปลายเดือนมกราคมปี2556 รถไฟฟ้าก็เสีย (หมดประกันก็เจ๊งเลย)
ดิฉันได้ติดต่อทาง บ.A เพื่อส่งซ่อม ซ่อมเสด ทางบ.ได้ส่งกลับมาบอกว่ามีปัญหาที่มอเตอร์นิดหน่อย ก่อนหน้าที่ทางบ.จะส่งรถกลับคืนมา ดิฉันได้โอนเงินค่าซ่อมไปให้ก่อน แต่พอรถมาถึงสภาพมีการแกะแต่รถไม่สามารถใช้งานได้เลย ดิฉันได้ติดต่อกลับไปทาง บ. ไปใหม่ สุดท้ายเค้าจึงโอนค่าซ่อมที่เคยโอนไปให้คืน และ ทาง บ.ได้มารับกลับคืนไปซ่อมใหม่ แต่ก็เงียบหายไปเลยผ่านไปหลายเดือน ดิฉันจึงติดต่อไปใหม่ ทาง บ. A บอกรออะไหล่จากเมืองนอกแล้วจะคิดค่าอะไหล่ให้ใหม่ แล้วก็เงียบหายไป คราวนี้ ดิฉันได้ติดต่อไปทั้งทาง ผู้บริหาร ของ บ. มีการตอบกลับมาเพียง แค่จะประสานงานให้ แต่ก็เงียบจนถึงปัจจุบัน ดิฉันต้องวุ่นวายกับการติดต่อ ไม่สามารถใช้รถเข็นจากงบประมาณ 8 หมื่นต่อคัน (ซึ่งราคาจริงๆต่ำกว่ามาก) จากโครงการของรัฐ
ถึงปัจจุบัน ก็ 1 ปีครึ่ง ดิฉันไม่มีรถไฟฟ้าใช้ ต้องซื้อรถเข็นธรรมดาใหม่เอง
สรุปงบ 8 หมื่นที่เป็นโครงการแด่ผู้พิการ ดิฉันได้ใช้รถเข็ญไฟฟ้าแบบไม่ได้เลือกแค่ 1 ปี
ดิฉันรู้สึกแย่ และได้รับความไม่เป็นธรรมกับทางหน่วยงานของรัฐในตอนแรก และคราวนี้ได้รับบริการกับสินค้าที่คุณภาพที่ไม่ดีซ้ำเติมจากบริษัท รถเข็นไฟฟ้าดังกล่าว ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ได้ลองปรึกษาเพื่อน เพื่นจึงแนะนำให้มาลองลง pantip ดู เพราะเราเองก็ไม่ได้เก็บหลักฐานการพูดคุยอะไรไว้เลย
ทั้งนี้ ดิฉัน ยังมีความศรัทธาในพนักงานรัฐหรือกรมการขนส่ง ที่ดิฉันกล่าวอ้าง ว่ายังมีบุคคลากรที่ดีทำงานอยู่ และหากดิฉันทำให้เรื่องดังกล่าวกระทบไปถึงบุคคลที่ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยความบริสุทธิ์ ใจ ดิฉันขออภัยและยินดีแก้ไขข้อความที่เขียนอย่างไม่เป็นธรรมค่ะ
หากเรื่องราวดังกล่าว ดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้ต่อไป ดิฉันจะพอ และขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ถึงเพื่อนๆที่กำลังจพทำธุรกรรมใดๆ ว่าให้ดูเอกสารให้ดีก่อนเซ็นต์ และเก็บหลักฐานสำหรับเรื่องที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลไว้บ้างก็ดีค่ะ"
ครับ เรื่องทั้งหมดก็เป็นตามที่เพื่อนผมเล่า ตอนนี้ผมจะขอเซ็นเซอร์ชื่อบริษัท A ไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะมีผลอะไรกับเพื่อนผมบ้าง และล่าสุด เธอได้ขู่ บริษัท A ว่า จะให้เพื่อนช่วยเอาเรื่องนี้ลงใน Pantip บริษัท A จึงรีบติดต่อกลับมา บอกจะดูแลให้
ก็ไม่รู้เรื่องราวจะจบลงอย่างไรครับ .... ยังไงผมจะเป็นตัวแทนคอยมาเล่าเรื่อยๆครับ แล้วถ้าใคร มีข้อแนะนำอะไรให้เพื่อนผม รบกวน แนะนำได้เลยครับ