สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
เรื่องวงการแบงก์ ต้องทำยอด ...อันนี้รู้ๆกันค่ะ
แต่เรื่อง มาร์เก็ตติ้ง ..ถึงขนาดไปนอนด้วย นั่นเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่มีมาแต่เดิม ....และเป็นส่วนน้อยมากกกกกกกกกกกกค่ะ ยืนยัน
เงินได้จากการเทรดนิดเดียว ไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอกค่ะ ....แค่ไปกินข้าวเพื่อความสนิทสนม บริหารเสน่ห์ แต่ไม่เปลืองตัว พอเป็นไปได้
ยืนยันว่า "ถ้าพลีตัว อันนี้ คือ พฤติกรรมส่วนตัวที่ติดมาแต่เดิม เคยทำอยู่แล้ว ตั้งแต่มัธยม/มหาลัยค่ะ"
...เด็กแบบนี้ ทำอาชีพอะไรก็พร้อมพลีตัวหาเงินพิเศษอยู่แล้ว ....โลกยังไม่ได้ฟอนเฟะขนาดนั้น
อีกอย่าง คนมาเล่นหุ้น เค้าต้องการกำไรสูงสุดค่ะ ไม่เอาไก่กา มาเสียเวลาหรอกค่ะ ไปหาเด็กกินเลยดีกว่า
ยอด30ล้านเนี่ย หาคนเล่นเดย์เทรด วันละ 1ล้าน เข้าออกก็วันละ2ล้านแล้ว ชิลด์ๆค่ะ
แต่บอกตรงๆ มาร์เก็ตติ้งไทย ไม่ได้เป็นพวกเรียนไฟแนนซ์เท่าไรหรอกค่ะ ...เรียนไก่กาอาราเล่ มาเป็นได้หมด
แต่เรื่อง มาร์เก็ตติ้ง ..ถึงขนาดไปนอนด้วย นั่นเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่มีมาแต่เดิม ....และเป็นส่วนน้อยมากกกกกกกกกกกกค่ะ ยืนยัน
เงินได้จากการเทรดนิดเดียว ไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอกค่ะ ....แค่ไปกินข้าวเพื่อความสนิทสนม บริหารเสน่ห์ แต่ไม่เปลืองตัว พอเป็นไปได้
ยืนยันว่า "ถ้าพลีตัว อันนี้ คือ พฤติกรรมส่วนตัวที่ติดมาแต่เดิม เคยทำอยู่แล้ว ตั้งแต่มัธยม/มหาลัยค่ะ"
...เด็กแบบนี้ ทำอาชีพอะไรก็พร้อมพลีตัวหาเงินพิเศษอยู่แล้ว ....โลกยังไม่ได้ฟอนเฟะขนาดนั้น
อีกอย่าง คนมาเล่นหุ้น เค้าต้องการกำไรสูงสุดค่ะ ไม่เอาไก่กา มาเสียเวลาหรอกค่ะ ไปหาเด็กกินเลยดีกว่า
ยอด30ล้านเนี่ย หาคนเล่นเดย์เทรด วันละ 1ล้าน เข้าออกก็วันละ2ล้านแล้ว ชิลด์ๆค่ะ
แต่บอกตรงๆ มาร์เก็ตติ้งไทย ไม่ได้เป็นพวกเรียนไฟแนนซ์เท่าไรหรอกค่ะ ...เรียนไก่กาอาราเล่ มาเป็นได้หมด
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าจะเอาตัวเข้าแลก ก็น่าจะไปทำไซด์ไลน์ หรือว่าขายตัวไปเลย น่าจะได้เงินดีกว่า เพราะสุดท้ายยังไง เอาตัวเข้าแลก มันก็เสียศักดิ์ศรีอยู่แล้ว
วันนึงไปเสียเวลาอยู่แบงค์ อยู่โบรคทำไม ได้เงินก็น้อย เปิด Job รับแขกเองไปเลย ไม่ดีกว่าเหรอ เผลอ ๆ เดือน ๆ นึง อาจได้ 6 หลักขึ้น
พร้อมของสมนาคุณมากมายเช่น กินฟรี เที่ยวฟรี รถหรู คอนโด ฯลฯ
ไม่เข้าใจ ยังมีโง่ ๆ ให้พวกหัวงู มันหลอกกินฟรี อยู่อีกเหรอ ทั้งที่บ้านเรา ตอนนี้ก็เป็นสังคมเปิดแล้ว
ขนาดอยู่ในที่สาธารณะ คนเยอะแยะ อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจคนรอบข้างเลย
วันนึงไปเสียเวลาอยู่แบงค์ อยู่โบรคทำไม ได้เงินก็น้อย เปิด Job รับแขกเองไปเลย ไม่ดีกว่าเหรอ เผลอ ๆ เดือน ๆ นึง อาจได้ 6 หลักขึ้น
พร้อมของสมนาคุณมากมายเช่น กินฟรี เที่ยวฟรี รถหรู คอนโด ฯลฯ
ไม่เข้าใจ ยังมีโง่ ๆ ให้พวกหัวงู มันหลอกกินฟรี อยู่อีกเหรอ ทั้งที่บ้านเรา ตอนนี้ก็เป็นสังคมเปิดแล้ว
ขนาดอยู่ในที่สาธารณะ คนเยอะแยะ อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจคนรอบข้างเลย

ความคิดเห็นที่ 18
ฟังดูมโนมาก ตั้งแต่ทำงานอยู่ในสายไฟแนนซ์มาไม่เคยเห็นเรื่องเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ถ้าจะเป็นพวกเรื่องส่วนตัวของเจ้านายเลวๆบางคนคงมี...
แต่ส่วนใครจะพลีกายเพื่อทำยอดผมว่าไปเป็นเซลล์ขายของเต็มตัวเถอะครับ ได้ค่าคอมสูงกว่า มาร์เก็ตติ้งก็ยังได้แค่ส่วนแบ่งค่าเทรด นักลงทุนพอร์ตใหญ่ต้องเทรดกันสักกี่รอบ(พวกพอร์ตใหญ่ๆ ไปซื้อกินสบายใจกว่าเยอะครับ เงินเทรดหุ้นเอาไว้ลงทุนนะครับ เสียค่าคอมหลายๆรอบไม่ต้องไปทำกำไรกันพอดี) ต้องพลีให้ลูกค้าสักกี่คน มาร์ถึงจะได้เงินเท่าเซลล์ ผมอยากให้เข้าใจอย่างหนึ่งนะครับนักลงทุนเค้าไม่เอาเงินตัวเองมาเสียค่าคอมเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อเอาเด็กมาร์หรอกนะครับ ซื้อกินถูกกว่าเยอะ ถ้าเงินตัวเองกับเงินคนอื่น(ของบริษัท) แล้วผมเป็นคนใช้เงิน อย่างหลังผมจะยอมจ่ายแพง เพราะไม่ใช่เงินผม(เซลล์อาจมีแถมอะไรให้บ้าง) แต่ถ้าเป็นเงินผมเอง ทุกบาททุกสตางค์ต้องคุ้มค่าครับ
อย่ามโนเยอะครับ คนในวงการเค้าจะพลอยเสียชื่อไปด้วยนะครับ
แต่ส่วนใครจะพลีกายเพื่อทำยอดผมว่าไปเป็นเซลล์ขายของเต็มตัวเถอะครับ ได้ค่าคอมสูงกว่า มาร์เก็ตติ้งก็ยังได้แค่ส่วนแบ่งค่าเทรด นักลงทุนพอร์ตใหญ่ต้องเทรดกันสักกี่รอบ(พวกพอร์ตใหญ่ๆ ไปซื้อกินสบายใจกว่าเยอะครับ เงินเทรดหุ้นเอาไว้ลงทุนนะครับ เสียค่าคอมหลายๆรอบไม่ต้องไปทำกำไรกันพอดี) ต้องพลีให้ลูกค้าสักกี่คน มาร์ถึงจะได้เงินเท่าเซลล์ ผมอยากให้เข้าใจอย่างหนึ่งนะครับนักลงทุนเค้าไม่เอาเงินตัวเองมาเสียค่าคอมเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อเอาเด็กมาร์หรอกนะครับ ซื้อกินถูกกว่าเยอะ ถ้าเงินตัวเองกับเงินคนอื่น(ของบริษัท) แล้วผมเป็นคนใช้เงิน อย่างหลังผมจะยอมจ่ายแพง เพราะไม่ใช่เงินผม(เซลล์อาจมีแถมอะไรให้บ้าง) แต่ถ้าเป็นเงินผมเอง ทุกบาททุกสตางค์ต้องคุ้มค่าครับ
อย่ามโนเยอะครับ คนในวงการเค้าจะพลอยเสียชื่อไปด้วยนะครับ
ความคิดเห็นที่ 35
ปัญญาอ่อนว่ะ ใครจะขายตัวเพื่อแลกกับเงินเดือนหลักหมื่น โคตรๆงี่เง่า ถ้าใครที่ทำจริงเค้าก็คงไม่ได้เอาแค่เฉพาะเงินค่าคอมอยู่แล้ว ต้องมีของแถมเยอะกว่านั้นด้วย หรือก็คือขายแบบเต็มๆไปเลย เป็นเด็กเสี่ยเป็นเมียน้อยอะไรก็ว่าไป ซึ่งมันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่เกี่ยวกับว่าต้องเป็นมาร์แต่อย่างใด จะทำอยู่วงการไหน บริษัทไหน ถ้าคนมันจะขาย มันก็ขายได้ทั้งนั้นแหละ
ผมทำงานสายนี้มาตลอด บอกตามตรงว่ายังไม่เคยเจอแบบที่คุณเขียนซักคนเลยว่ะครับ ถ้าคนมันอยากจะขายมันก็ขายของมันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าจะทำงานอะไรแต่อย่างใด
เหมือนถ้าจะบอกว่ามีพวกที่เล่นชู้กันในบริษัท มันมีจำกัดด้วยมั้ยว่าต้องวงการนู้นวงการนี้ถึงจะมี? มันไม่เกี่ยวไงว่าต้องทำงานอะไร จะเป็นหมอเป็นครูเป็นมาร์เป็นทหารเป็นตำรวจเป็นวิศวะ ฯลฯ มันก็มีกันทุกวงการแหละ ของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวคนล้วนๆไม่เกี่ยวกับอาชีพ
ก็แค่บทความโง่ๆ
ผมทำงานสายนี้มาตลอด บอกตามตรงว่ายังไม่เคยเจอแบบที่คุณเขียนซักคนเลยว่ะครับ ถ้าคนมันอยากจะขายมันก็ขายของมันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าจะทำงานอะไรแต่อย่างใด
เหมือนถ้าจะบอกว่ามีพวกที่เล่นชู้กันในบริษัท มันมีจำกัดด้วยมั้ยว่าต้องวงการนู้นวงการนี้ถึงจะมี? มันไม่เกี่ยวไงว่าต้องทำงานอะไร จะเป็นหมอเป็นครูเป็นมาร์เป็นทหารเป็นตำรวจเป็นวิศวะ ฯลฯ มันก็มีกันทุกวงการแหละ ของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวคนล้วนๆไม่เกี่ยวกับอาชีพ
ก็แค่บทความโง่ๆ
แสดงความคิดเห็น
ขอถามพนักงาน Bank หรือสาย Finance ทุกแขนงว่า "จะยอมเสีย self หรือยอมเสีย work ?" ฝากไปถึงเด็กจบใหม่ด้วย
ตัวอย่างจากข่าวนี้ที่เค้าสัมภาทพนักงานมา และจากประสบการณ์ตรงส่วนตัวขอยืนยันว่ามันมีด้านนี้อยู่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใหญ่หรือส่วนน้อย แต่ก็เป็นส่วนที่มีอยู่ "จริง" ในทุกแบ้งค์ ทุกโบรค ทุกเฟิมที่ต้องทำยอด ถามผู้บริหารระดับที่เซ็นอนุมัติวงเงินเกิน 3 ล้านดูได้ พวกเค้ามีส่วนรู้เห็นกันทุกคนเพียงแต่พูดออกมาดังๆไม่ได้เพราะมันเสียลุคทั้งตัวเค้าเอง และองค์กร (แต่คนในก็รู้กันอยู่ดี)
ผมเคยทำมาหลายโบรค ติดต่อกับแบ้งค์มาหลายแห่ง บอกได้เลยว่าถ้ามีลูกสาวเป็นผู้หญิงจะให้หลีกเลี่ยงสายงานในตำแหน่งที่ต้องทำยอด ยกเว้นไปทำตำแหน่งอื่นก่อนแล้วเติบโตจากนั้นค่อยมาตั้งทีมเองก็อีกเรื่องนึง แต่ถ้าจะให้ไต่เต้าโดยไม่มีทุนซัพพอทระดับโคฟเว่อเงินเดือนแล้วละก็เสี่ยงเอามากๆ
ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่มาสมัครแบ้งค์หรือโบรค ตอนคุยกับ HR เค้าจะให้คุณเรตแรกที่ 13,000 ขอย้ำว่าแค่ 13,000 เท่านั้น(15,000 ทุกคนเป็นเรื่องโกหก เพราะมันคือเรตสูงสุดที่ให้ได้เฉพาะบางคน) นี่ยังไม่หักค่าประกันสังคม ทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ อีกนะ หากอยากได้มากกว่านี้คุณต้องทำ OT หรือ night session สำหรับโบรคเก้อทีเฟ็ก
หลังจากที่คุณเข้ามาทำงานแล้ว สำหรับพนักงานแบ้งค์คุณจะได้เป้าหมาย หรือยอดที่ต้องทำให้ถึง ไม่ว่าจะเปิดบัญชี ประกัน กองทุน ฯลฯ ซึ่งผู้จัดการแบ้งค์เค้าก็ได้รับยอดมาจากศูนย์ใหญ่อีกที ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของเค้าเลยนะ อดีต ผจก. แบ้งคเหลืองคนนึงมาปรับทุกข์ให้ผมฟัง ทุกเช้าเมื่อถึงที่ทำงานก็ต้องไปเปิดคอมคอยเช็คว่ายอดอะไรเท่าไหร่แล้วมั่ง เพราะถ้าไม่ถึงก็โดนเล่นงาน หักโบนัส ลดเงิน หรือย้ายสาขาไกลๆไปเลย ไม่ต่างจากพนักงานระดับล่าง
ส่วนโบรคเก้อตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ แต่ตอนปี 2556 โบรคเก่อจะได้ค่าคอมประมาณ 500 บาท จากยอดซื้อหรือขายหุ้น 1 ล้านบาท นั่นหมายความว่าถ้าคุณมีเงินเดือน 13,000 ก็ต้องทำยอดซื้อ+ขายให้ได้ 26 ล้านบาทขึ้นไปคุณถึงจะได้ค่าคอมส่วนที่เกินเงินเดือนมาในเดือนนั้นๆ หรือหากเป็นทีเฟ็ก Set50 จะได้สัญญาละ 100บาท(ตอนนี้ต้องหาร 5) ก็จะโควเว่อเร็วขึ้น แต่ถ้าไม่ถึงล่ะ ภายในสามเดือนแรกเค้าจะเรียกคุณไปคุยเป็นการส่วนตัวว่าเราต้องลดเงินเดือนคุณให้ลงไปเท่ากับค่าคอมที่คุณทำได้นะ(บางคนเหลือ 9,000บาท) ถ้าเป็นชายก็เหมือนถูกให้ออก ณ จุดๆนั้น แต่ถ้าเป็นหญิง ผิวขาว หน้าตาดี หัวหน้าสายอาจลงมาคุยเองเลย ว่ามีพอตเสี่ยคนนั้น พี่คนนี้ 30-40 ล้านขึ้นให้ดูแลจะเอาไหม แล้วก็นัดแนะให้พบลูกค้า
***** ถ้าเป็นโบรคตรงถนนวิทยุมักจะชวนลูกค้ามาพบที่ Sizzler ไม่ก็ Zen ในตึก CRC จากนั้นก็อาจมีไปต่อที่โรงแรมข้างหลังตึกนั่นแหละ ผมรู้ดี ผมก็เคยทำอยู่ทีม 8 กับทีม 9 ที่นี่ ส่วนสำนักงาน กลต. ที่อยู่ใกล้ๆกันน่ะหรอ สามคำครับ "หึหึหึ"
หรือหากเป็นโบรคตรงชิดลม เค้าจะสร้างทีมมาเก็ตติ้งหญิงล้วนขึ้นมาเลย แต่ละคนนี่เด็ดๆทั้งนั้น นี่มันโบรคเก้อหรือ xxx ก็ไม่รู้ ไม่ขอบอกใบ้นะเพราะมันจะระบุตัวได้ทันทีว่าใคร ส่วนตรงศาลาแดงหรือสาทรก็ไม่ต่างกัน
ยิ่งโบรคตรงสีลมนี่ ขอยกตัวอย่างว่าโบรคดอกไม้ ที่นี่จะมีเซอวิสแบบ 1 มาต่อ 1 คนเลยนะ แต่ต้องโคฟเว่อถึงจะจัดให้ได้ นี่ออกแนวคล้ายๆผูกปิ่นโตเลย หรือ small wif... มาดูแลพอตให้เสี่ยเป็นการส่วนตัวก็มี แล้วไม่ต้องรับลูกค้าคนอื่นเลย *****
นี่แหละครับตัวอย่างด้านมืดของวงการไฟแน้นซ์ ดังคำพังเพยที่ว่า "ที่ไหนมีแสงสว่างที่นั่นย่อมต้องมีความมืด" และคุณอาจจะถูกมันกลืนกินก็ได้ถ้าไม่แกร่งกล้าพอ ผมไม่ได้บอกว่ามันถูกหรือผิดนะ แต่ผมจะบอกว่ามันเป็นกลยุทธอย่างนึงในการดำรงชีวิต และเป็นกลยุทธในที่มืดซึ่งไม่ค่อยมีใครเห็น ถ้าใช้แล้วคุณสบายใจ แล้วก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ทำไปเถอะ ยังไงปัจจัย 4+1 ก็สำคัญที่สุด