สลด ผู้อพยพชาวยาซิดีที่ติดอยู่ในวงล้อมของพวก IS ต้องเชือดมือตัวเองให้ลูกดื่มเลือดเพื่อบรรเทาความกระหายน้ำ
สถานการณ์ของผู้อพยพที่ติดอยู่ในวงล้อมของนักรบมุสลิมญีฮัดนิกายสุหนี่ "กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรัก" หรือ IS บนภูเขาซินจาร์ ทางตอนเหนือของอิรัก วิกฤตอย่างหนัก เมื่อเด็ก ๆ ต้อมดื่มเลือดของพ่อแม่เพื่อเอาชีวิตรอด
เรื่องราวอันน่าสะเทือนใจของชาวยาซิดี 30,000 คน ที่ติดอยู่ในวงล้อมของกลุ่ม IS ได้ถูกเผยแพร่ เมื่อมีผู้อพยพ 8,000 คน หนีลงมาจากภูเขา และหลายร้อยครอบครัวได้ข้ามชายแดนไปยังตุรกีและซีเรีย หลังเดินฝ่ากระแสความร้อนของอุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส
ชาวยาซิดี ต้องกระจัดกระจายหนีกันไปคนละทิศละทาง และอีกจำนวนมากหนีขึ้นเขา โดยปราศจากน้ำและอาหาร หลังกลุ่ม IS บุกเข้าไปในเมืองของพวกเขาเมื่อสัปดาห์ก่อน และการที่ไม่มีหนังสือเดินทาง ทำให้บางครอบครัวจำเป็นต้องเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต จ่ายให้คนที่อาสาพาข้ามแม่น้ำและหลบทุ่นระเบิดไปหาที่ปลอดภัยในดินแดนของตุรกีและซีเรีย โดยไม่ต้องผ่านจุดผ่านแดนอย่างเป็นทางการที่ฮาบูร์
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ทหารสหรัฐ 130 นาย เดินทางถึงอิรัก เพื่อประเมินวิกฤตของชาวยาซิดีอีก 30,000 คน ที่ยังติดอยู่บนภูเขาซินจาร์ ส่วนรัฐบาลอังกฤษ ก็เผชิญกระแสกดดันให้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
ชาวยาซิดีที่หลบหนีลงมาจากภูเขาซินจาร์ ได้ไปอาศัยอยู่ที่ค่ายอยพยพในจังหวัดโดฮุค ในเคอร์ดิสถาน และเล่าเรื่องราวของคนที่เหลืออีกราว 30,000 คน ผู้สื่อข่าวของสกาย นิวส์
รายงานอ้างการเปิดเผยของผู้อพยพคนหนึ่งว่า เขาต้องทนเด็ก 4 คน ตายเพราะอดน้ำ และไม่มีที่จะฝัง จึงต้องใช้ก้อนหินไปวางกลบศพของพวกเขาแทน ส่วนอีกคนหนึ่ง บอกว่า เด็ก ๆ กระหายน้ำอย่างมาก พ่อแม่ของพวกเขาจึงต้องเชือดมือตัวเองเอาเลือดให้ลูกดื่ม
ชาวยาซิดีหลายร้อยครอบครัว ที่สามารถเอาชีวิตรอดหลังจากเดินฝ่าความร้อนเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ได้รับอาหารและน้ำท่วม รวมถึงการรักษาทางการแพทย์ที่ค่ายอพยพในตุรกีและซีเรีย
ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยโรคไขข้ออักเสบ เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส ว่า เธอกับลูก 3 คน ต้องทนเดินข้ามแม่น้ำไทกริส ลัดเลาะผ่านทุ่นระเบิดและปีนรั้วลวดหนาม เพื่อข้ามไปยังตุรกี คนนำทางบอกให้ลูก ๆ ของเธอทิ้งเธอไว้ เพราะเธอไปได้ช้า แต่ลูก ๆ ตัดสินใจแบกเธอไปแทน เธอและลูกยินดีไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าตายด้วยมือของพวก IS
ที่มาของข่าวจาก
http://www.oknation.net/blog/inter/2014/08/14/entry-1
น่าอนาถนะครับ ขนาดคนนับถือศาสนาเดียวกัน ประเทศเดียวกันนะครับ
การสุดโต่งทางศาสนาสามารถทำให้คนเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายได้
อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองไทยเลย
สลด ผู้อพยพชาวยาซิดีที่ติดอยู่ในวงล้อมของพวก IS ต้องเชือดมือตัวเองให้ลูกดื่มเลือดเพื่อบรรเทาความกระหายน้ำ
สถานการณ์ของผู้อพยพที่ติดอยู่ในวงล้อมของนักรบมุสลิมญีฮัดนิกายสุหนี่ "กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรัก" หรือ IS บนภูเขาซินจาร์ ทางตอนเหนือของอิรัก วิกฤตอย่างหนัก เมื่อเด็ก ๆ ต้อมดื่มเลือดของพ่อแม่เพื่อเอาชีวิตรอด
เรื่องราวอันน่าสะเทือนใจของชาวยาซิดี 30,000 คน ที่ติดอยู่ในวงล้อมของกลุ่ม IS ได้ถูกเผยแพร่ เมื่อมีผู้อพยพ 8,000 คน หนีลงมาจากภูเขา และหลายร้อยครอบครัวได้ข้ามชายแดนไปยังตุรกีและซีเรีย หลังเดินฝ่ากระแสความร้อนของอุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส
ชาวยาซิดี ต้องกระจัดกระจายหนีกันไปคนละทิศละทาง และอีกจำนวนมากหนีขึ้นเขา โดยปราศจากน้ำและอาหาร หลังกลุ่ม IS บุกเข้าไปในเมืองของพวกเขาเมื่อสัปดาห์ก่อน และการที่ไม่มีหนังสือเดินทาง ทำให้บางครอบครัวจำเป็นต้องเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต จ่ายให้คนที่อาสาพาข้ามแม่น้ำและหลบทุ่นระเบิดไปหาที่ปลอดภัยในดินแดนของตุรกีและซีเรีย โดยไม่ต้องผ่านจุดผ่านแดนอย่างเป็นทางการที่ฮาบูร์
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ทหารสหรัฐ 130 นาย เดินทางถึงอิรัก เพื่อประเมินวิกฤตของชาวยาซิดีอีก 30,000 คน ที่ยังติดอยู่บนภูเขาซินจาร์ ส่วนรัฐบาลอังกฤษ ก็เผชิญกระแสกดดันให้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
ชาวยาซิดีที่หลบหนีลงมาจากภูเขาซินจาร์ ได้ไปอาศัยอยู่ที่ค่ายอยพยพในจังหวัดโดฮุค ในเคอร์ดิสถาน และเล่าเรื่องราวของคนที่เหลืออีกราว 30,000 คน ผู้สื่อข่าวของสกาย นิวส์
รายงานอ้างการเปิดเผยของผู้อพยพคนหนึ่งว่า เขาต้องทนเด็ก 4 คน ตายเพราะอดน้ำ และไม่มีที่จะฝัง จึงต้องใช้ก้อนหินไปวางกลบศพของพวกเขาแทน ส่วนอีกคนหนึ่ง บอกว่า เด็ก ๆ กระหายน้ำอย่างมาก พ่อแม่ของพวกเขาจึงต้องเชือดมือตัวเองเอาเลือดให้ลูกดื่ม
ชาวยาซิดีหลายร้อยครอบครัว ที่สามารถเอาชีวิตรอดหลังจากเดินฝ่าความร้อนเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ได้รับอาหารและน้ำท่วม รวมถึงการรักษาทางการแพทย์ที่ค่ายอพยพในตุรกีและซีเรีย
ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยโรคไขข้ออักเสบ เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส ว่า เธอกับลูก 3 คน ต้องทนเดินข้ามแม่น้ำไทกริส ลัดเลาะผ่านทุ่นระเบิดและปีนรั้วลวดหนาม เพื่อข้ามไปยังตุรกี คนนำทางบอกให้ลูก ๆ ของเธอทิ้งเธอไว้ เพราะเธอไปได้ช้า แต่ลูก ๆ ตัดสินใจแบกเธอไปแทน เธอและลูกยินดีไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าตายด้วยมือของพวก IS
ที่มาของข่าวจาก
http://www.oknation.net/blog/inter/2014/08/14/entry-1
น่าอนาถนะครับ ขนาดคนนับถือศาสนาเดียวกัน ประเทศเดียวกันนะครับ
การสุดโต่งทางศาสนาสามารถทำให้คนเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายได้
อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองไทยเลย