แหะๆ ไม่ได้มาตามคำเรียกร้องแต่อย่างใดครับ เผอิญของขึ้นต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้วที่เกริ่นถึงเรื่องการเตรียมตัวอันยาวนานก่อนออกทริป คราวนี้เลยอยากเอาภาพระหว่างทางที่ไปเที่ยวมาแบ่งให้ชมครับ
เนื่องจากเป็นทริปแรกและเดินทางเดี่ยวๆการวางแผนทั้งหมดจึงต้องทำอย่างรอบคอบ โดยผมมีหลัก(สำหรับมือใหม่คือตัวผมเอง)ว่าจะต้องถึงที่หมายก่อนค่ำนั่นคือหลีกเลี่ยงการขี่เวลากลางคืน ระยะขับต่อวันประมาณ500กิโล ระยะทางต่อหนึ่งพักคือไม่เกิน200กิโล ที่พักปลายทางต้องปลอดภัยพอควรไม่ได้ดูโหดร้ายเกินไปนัก ความเร็วในการขับขี่ไม่เกิน 130 กม/ชม (ยอมรับว่าแอบเกินบ้างทางโล่งแบบโล่งสุดๆ)
ที่ๆผมอยากไปต้องขึ้นเหนือ ขึ้นเขา มีโค้ง สวย (สถานที่นะครับ) เป็นที่ๆจะทำให้เราได้พักจริงๆและจะเป็นทริปที่ค่อนข้างยาวเพราะอยู่ในช่วงย้ายงานพอดี (25-31 พค)
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็กำหนดแผนการเดินทางออกมาได้หน้าตาแบบนี้
แหม่ะ แค่นั่งดูในคอมก่อนออกเดินทางก็ฝันไปไกลถึงบ้านรักไทยซะแล้วครับ
หลังจากนั่งวางแผนในที่ทำงานมาร่วมเดือนพอเตรียมตัวเรียบร้อย อุปกรณ์เซฟตี้ทุกอย่างครบ เสื้อกันฝน มี (เสื้อกันฝนจริงๆครับ) ก็ได้เวลาออกเดินทางกันซะทีครับโดยจุดหมายที่แรกคือจังหวัดตาก อยากจะบอกครับว่าแค่ขี่รถข้ามลำน้ำปิงก็ทำให้ผมสุขสุดๆที่เราเดินทางมาเองได้ขนาดนี้ เมื่อมาถึงจังหวัดตากสิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำโดยเฉพาะนักเดินทางคือแวะเข้ากราบไว้ขอพรศํกการะสิ่งศักสิทธิ์คู่เมืองนั่นก็คือศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชของเรานั่นเอง

มองย้อนกลับไปทางสะพานข้ามปิง แหม่ะเรามาไกลเหมือนกันนะเนี่ย
บูสท์กำลังใจกันเต็มที่แล้วก็ออกตัวไปที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ที่เขื่อนภูมิพล ทางโล่งๆกว้างขวางขับง่ายๆสบายๆไม่ต้องรีบอีกแล้วสำหรับวันนี้
แล้วผมก็มาถึงด่านแรกของเขื่อนภูมิพลซึ่งก็คือเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง เป็นเขื่อนขนาดเล็กที่มีมุมสำหรับถ่ายรูปสวยงามไม่น้อยทีเดียวครับ
เสร็จจากจุดแรกก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงครับแวะหาที่พักก่อน ที่บอกว่าหาข้อมูลมาตอนต้นนั้นหาจริงครับแต่ว่าไม่ได้จอง มาด้วยความเชื่อมั่นว่าเรามาเดี่ยวๆ นอกฤดูท่องเที่ยว วันธรรมดา ต้องหาที่พักในเขื่อนได้ละ(วะ) แวะขึ้นไปหาเจ้าหน้าที่ซึ่งก็ดีแสนดีแนะนำว่ามีที่พักหลายแบบแต่ถ้าอยากได้บรรยากาศริมน้ำต้องไปที่บ้านพักปิงธาราซึ่งก็อยู่ในตัวเขื่อนนั่นเอง
บรรยากาศเหมือนอยู่ตปทมั้ยครับ (แต่จริงๆร้อนอยู่เหมือนกัน)

ลำน้ำปิงติดที่พัก
ค่าเสียหายสำหรับคืนแรก 580 บาทพร้อมคูปองอาหารเช้า ห้องหับสะอาดสะอ้านแบบโรงแรมสองสามดาวทั่วไป ถือว่านอนหลับสบายใช้ได้ทีเดียว
พักถอดเสื้อเกราะ ล้างหน้าล้างตาซักนิดก็ออกไปขี่รถเล่นเพื่อจะขึ้นไปชมสันเขื่อน แอบมีโค้งเล็กๆสวยๆให้เอียงรถเล่นเหมือนกัน

จบท้ายวันนี้ด้วยระยะทางเท่านี้ครับ
ออกจากเขื่อนภูมิพลก็วิ่งเส้นลี้ ฮอดโดยมีจุดมุ่งหมายที่แม่สะเรียง ถนนเริ่มตัดขึ้นสูงมากขึ้นโดยมีไฮไลท์ระหว่างทางคือสวนสนบ่อแก้ว ไม่น่าเชื่อจริงๆครับว่าเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆปลายเดือนพคอากาศจะอยู่ที่ราวๆ24-25องศาเท่านั้น เรียกว่าขับมาร้อนๆมาเจออากาศเย็นๆพร้อมกลิ่นสนหอมๆถึงกับตะโกนก้องในหมวกกันน็อคด้วยความฮึกเหิม

และก็เจอกลุ่มเจ้าถิ่นยกมือทักทายกันไปตามระเบียบ ผู้ชาย มอเตอร์ไซค์ การผจญภัย ไม่จำกัดวัยจริงๆครับ
ออกจากสวนสนก็วิ่งเส้นเดิม (108) มาถึงแม่สะเรียงระหว่างทางก็เห็นวิวสวยๆเป็นระยะครับ
สะพานพาดผ่านเขากับท้องฟ้าสวยๆ

หลุดจากเส้น108จะเส้นแลนด์มารค์ของแม่สะเรียงมุมนี้เลยครับ ดูอลังการทีเดียว
ขี่รถวนซักพักเพื่อหาที่พักก็ได้มาเจอที่นี่ (เป็นร้านมีชื่อจากอินเตอร์เน็ตนะครับ)

ดูบรรยากาศร้านกาแฟเค้า

แล้วก็แวะไปนั่งร้านอาหารติดๆกันเพื่อกินข้าว นั่งดูพระอาทิตย์ตกริมน้ำแล้วอดไม่ได้ที่จะ...

และบทสรุปของวันนี้

ค่าที่พักของคืนนี้ 800 บาทถ้วนรวมอาหารเช้า ห้องน่ารัก สะอาดสะอ้าน แอบเสียดายเล็กน้อยไม่ได้พักติดน้ำแต่ยังถือว่าประทับใจในความรู้สึกผมครับ
ออกจากแม่สะเรียงก็มุ่งหน้าขึ้นแม่ฮ่องสอน แวะกินข้าวที่ร้านใบเฟิร์นขึ้นชื่อของตัวเมืองแล้วก็ขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยกองมู ได้ภาพมุมมหาชนภาพนี้มาครับ
ที่นี้จุดหมายถัดไปคือไฮไลท์สำหรับผมเลยเนื่องจากเป็นคนที่ชอบสถานที่ๆสงบๆ ธรรมชาติแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ชาวสองล้ออย่างเราตื่นเต้นกว่าน่าจะเป็นนี่ครับ
โค้งระยับ ระดับมองทางออกโค้งแบบเอี้ยวหมดหัว เลี้ยวไปเลี้ยวมา สนุกมากจริงๆครับ
หลังจากผ่านโค้งสนุกๆไปแล้วก็มาถึงปางอุ๋งที่เที่ยวชื่อดังที่หน้าหนาวต้องขอใบอนุญาตเข้าไป ห้ามเอารถเข้าไปถึงอ่างเก็บน้ำด้วย ปรากฎว่าด้วยความเซ่อซ่าของผม(เนื่องจากรอดูว่าจะมีคนมาห้ามตรงจุดไหน)ก็ได้ขี่ผ่าเข้าไปจนถึงอ่างเก็บน้ำนั่นหละครับ!
ที่นาเกษตรในพื้นที่แคบๆตามแนวสันเขาระหว่างขับขึ้นปางอุ๋ง

ความสงบเงียบของปางอุ๋งในหน้าร้อน
ระหว่างที่ผมเดินเกะๆกะๆถ่ายรูปอยู่นั้น รู้สึกได้เลยครับว่าตัวเองเข้าไปทำลายความสงบของคุณลุงที่นั่งหาปลาอย่างจังจนเมื่อรู้สึกตัวแล้วนั่งลงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความสงบนั้น คุณลุงเจ้าของหมาน้อยสีขาวก็หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ประหนึ่งว่าแกจะบอกว่า"ทำดีแล้วไอ้หนูเอ๊ยย"อะไรประมาณนั้น แต่เขื่อผมเถอะครับ มันเงียบขนาดที่หมาน้อยสีขาวตัวนั้นเห็นผมใส่อุปกรณ์เต็มยศมันยังไม่เห่าเลยครับ!
บางทีการทีเราเข้าไปท่องเที่ยวในแถบที่ธรรมชาติและวิถีชีวิตยังสงบอยู่เราเองก็ต้องให้เกียรติและเคารพวิถีชีวิตดั้งเดิมของเจ้าของสถานที่ด้วย การที่เราเอาเงินไปใช้จ่ายไม่ได้หมายความว่าเราเข้าไปมีสิทธิจะทำอะไรก็ได้ตามใจเรา - ความเห็นส่วนตัวอย่าดราม่ากับผมนะครับ ^_^
มุมสงบในปางอุ๋งต่อครับ
ออกจากปางอุ๋งก็ยังเลื้อยอยู่บนเขามุ่งหน้าไปพักที่บ้านรักไทย โค้งสนุก อากาศเย็นสบาย กลิ่นสนหอมๆ เสียดายเก็บกลับมาไม่ได้ครับ
และแล้วก็มาถึงบ้านรักไทยโดยผมเลือกที่จะเข้าพักที่ลีไวน์บ้านรักไทยเนื่องจากชัยภูมิอยู่บนเขา ห้อมล้อมไปด้วยใบชา สวยงามมากมาย
แล้วก็ลงไปเดินเล่นเก็บบรรยากาศสงบๆมาได้แบบนี้ครับ
หลังจากนั่งดวดลีโออยู่ค่อนคืนหน้าบ้านพักตัวเองก็หลับไปอย่างง่ายดาย ปกติผมตื่นไม่สายแต่วันนั้นที่บ้านรักไทยดันตื่นซะตั้งแต่หกโมงเช้า ว่าแล้วก็เดินไปเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าดีกว่า (เผื่อว่าจะเจอช้างเผือก)
อากาศตอนเช้าในเดือนพค

มุมสงบๆ ณ บ้านรักไทย
แล้วก็มาเจอคุณยายคนนี้
นั่งท่านี้อยู่ระยะสามแยกเลยครับ (ถ้ามืดๆค่ำๆหน่อยผมก็คงใจคอไม่ค่อยดีเหมือนกัน) ก็แอบสงสัยว่าคุณป้าแกมานั่งทำอะไรแต่เช้าาาาาาา ของเขิงจะขายรึก็ไม่เห็นเอามาไม่งั้นจะช่วยอุดหนุนซะหน่อย แล้วผมก็เดินเล่นไปมาจนได้มาเห็นภาพนี้ครับ
นึกแล้วก็อนุโมทนาในความศรัทธาต่อพุทธศาสนา แอบตื้นตันไปกับภาพที่เห็นทีเดียวครับ
ออกจากบ้านรักไทยวิ่งผ่านดอยกิ่วลมมุ่งหน้าไปปาย-เชียงใหม่เพื่อมุ่งสู่ภูเชียงดาว เส้นทางขึ้นไปดอยกิ่วลมนั้นสวยและขับสนุกมาก โค้งโล่งๆ กว้างๆขับแบบไม่เครียด เสียดายว่าถ่ายภาพมาได้ไม่ดีเลยครับ
บ่ายกว่าละมาแวะพักกินข้าวที่ปาย คนหนาแน่นทุกฤดูกาลผมก็เลยขับหลบคนจนมาถึงร้านเล็กๆมุมนี้
บรรยากาศยอดเยี่ยม แต่จำชื่อร้านไม่ได้เลยเนื่องจากหิวหน้ามืดและรสชาติไม่ถูกปาก (ขนาดหิวหน้ามืดยังไม่อร่อยอ่ะครับ)
ขับมาซํกพักก็มาถึงอำเภอเชียงดาวเพื่อเตรียมตัวขึ้นภูเชียงดาว ระหว่างแวะเติมน้ำมันก็ได้ภาพนี้ครับ
"ลิบๆนั้นไซร้ คือจุดที่เราจะไป"
ระหว่างทางขับขึ้นภูครับ
ขอต่อตอนจบอีกกระทู้นึงนะครับ
มหากาพย์: ขี่รถขึ้นเหนือ7วัน6คืน 2449 กิโล สุดขอบชายแดนราชอาณาจักรไทย
เนื่องจากเป็นทริปแรกและเดินทางเดี่ยวๆการวางแผนทั้งหมดจึงต้องทำอย่างรอบคอบ โดยผมมีหลัก(สำหรับมือใหม่คือตัวผมเอง)ว่าจะต้องถึงที่หมายก่อนค่ำนั่นคือหลีกเลี่ยงการขี่เวลากลางคืน ระยะขับต่อวันประมาณ500กิโล ระยะทางต่อหนึ่งพักคือไม่เกิน200กิโล ที่พักปลายทางต้องปลอดภัยพอควรไม่ได้ดูโหดร้ายเกินไปนัก ความเร็วในการขับขี่ไม่เกิน 130 กม/ชม (ยอมรับว่าแอบเกินบ้างทางโล่งแบบโล่งสุดๆ)
ที่ๆผมอยากไปต้องขึ้นเหนือ ขึ้นเขา มีโค้ง สวย (สถานที่นะครับ) เป็นที่ๆจะทำให้เราได้พักจริงๆและจะเป็นทริปที่ค่อนข้างยาวเพราะอยู่ในช่วงย้ายงานพอดี (25-31 พค)
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็กำหนดแผนการเดินทางออกมาได้หน้าตาแบบนี้
แหม่ะ แค่นั่งดูในคอมก่อนออกเดินทางก็ฝันไปไกลถึงบ้านรักไทยซะแล้วครับ
หลังจากนั่งวางแผนในที่ทำงานมาร่วมเดือนพอเตรียมตัวเรียบร้อย อุปกรณ์เซฟตี้ทุกอย่างครบ เสื้อกันฝน มี (เสื้อกันฝนจริงๆครับ) ก็ได้เวลาออกเดินทางกันซะทีครับโดยจุดหมายที่แรกคือจังหวัดตาก อยากจะบอกครับว่าแค่ขี่รถข้ามลำน้ำปิงก็ทำให้ผมสุขสุดๆที่เราเดินทางมาเองได้ขนาดนี้ เมื่อมาถึงจังหวัดตากสิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำโดยเฉพาะนักเดินทางคือแวะเข้ากราบไว้ขอพรศํกการะสิ่งศักสิทธิ์คู่เมืองนั่นก็คือศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชของเรานั่นเอง
มองย้อนกลับไปทางสะพานข้ามปิง แหม่ะเรามาไกลเหมือนกันนะเนี่ย
บูสท์กำลังใจกันเต็มที่แล้วก็ออกตัวไปที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ที่เขื่อนภูมิพล ทางโล่งๆกว้างขวางขับง่ายๆสบายๆไม่ต้องรีบอีกแล้วสำหรับวันนี้
แล้วผมก็มาถึงด่านแรกของเขื่อนภูมิพลซึ่งก็คือเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง เป็นเขื่อนขนาดเล็กที่มีมุมสำหรับถ่ายรูปสวยงามไม่น้อยทีเดียวครับ
เสร็จจากจุดแรกก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงครับแวะหาที่พักก่อน ที่บอกว่าหาข้อมูลมาตอนต้นนั้นหาจริงครับแต่ว่าไม่ได้จอง มาด้วยความเชื่อมั่นว่าเรามาเดี่ยวๆ นอกฤดูท่องเที่ยว วันธรรมดา ต้องหาที่พักในเขื่อนได้ละ(วะ) แวะขึ้นไปหาเจ้าหน้าที่ซึ่งก็ดีแสนดีแนะนำว่ามีที่พักหลายแบบแต่ถ้าอยากได้บรรยากาศริมน้ำต้องไปที่บ้านพักปิงธาราซึ่งก็อยู่ในตัวเขื่อนนั่นเอง
บรรยากาศเหมือนอยู่ตปทมั้ยครับ (แต่จริงๆร้อนอยู่เหมือนกัน)
ลำน้ำปิงติดที่พัก
ค่าเสียหายสำหรับคืนแรก 580 บาทพร้อมคูปองอาหารเช้า ห้องหับสะอาดสะอ้านแบบโรงแรมสองสามดาวทั่วไป ถือว่านอนหลับสบายใช้ได้ทีเดียว
พักถอดเสื้อเกราะ ล้างหน้าล้างตาซักนิดก็ออกไปขี่รถเล่นเพื่อจะขึ้นไปชมสันเขื่อน แอบมีโค้งเล็กๆสวยๆให้เอียงรถเล่นเหมือนกัน
จบท้ายวันนี้ด้วยระยะทางเท่านี้ครับ
ออกจากเขื่อนภูมิพลก็วิ่งเส้นลี้ ฮอดโดยมีจุดมุ่งหมายที่แม่สะเรียง ถนนเริ่มตัดขึ้นสูงมากขึ้นโดยมีไฮไลท์ระหว่างทางคือสวนสนบ่อแก้ว ไม่น่าเชื่อจริงๆครับว่าเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆปลายเดือนพคอากาศจะอยู่ที่ราวๆ24-25องศาเท่านั้น เรียกว่าขับมาร้อนๆมาเจออากาศเย็นๆพร้อมกลิ่นสนหอมๆถึงกับตะโกนก้องในหมวกกันน็อคด้วยความฮึกเหิม
และก็เจอกลุ่มเจ้าถิ่นยกมือทักทายกันไปตามระเบียบ ผู้ชาย มอเตอร์ไซค์ การผจญภัย ไม่จำกัดวัยจริงๆครับ
ออกจากสวนสนก็วิ่งเส้นเดิม (108) มาถึงแม่สะเรียงระหว่างทางก็เห็นวิวสวยๆเป็นระยะครับ
สะพานพาดผ่านเขากับท้องฟ้าสวยๆ
หลุดจากเส้น108จะเส้นแลนด์มารค์ของแม่สะเรียงมุมนี้เลยครับ ดูอลังการทีเดียว
ขี่รถวนซักพักเพื่อหาที่พักก็ได้มาเจอที่นี่ (เป็นร้านมีชื่อจากอินเตอร์เน็ตนะครับ)
ดูบรรยากาศร้านกาแฟเค้า
แล้วก็แวะไปนั่งร้านอาหารติดๆกันเพื่อกินข้าว นั่งดูพระอาทิตย์ตกริมน้ำแล้วอดไม่ได้ที่จะ...
และบทสรุปของวันนี้
ค่าที่พักของคืนนี้ 800 บาทถ้วนรวมอาหารเช้า ห้องน่ารัก สะอาดสะอ้าน แอบเสียดายเล็กน้อยไม่ได้พักติดน้ำแต่ยังถือว่าประทับใจในความรู้สึกผมครับ
ออกจากแม่สะเรียงก็มุ่งหน้าขึ้นแม่ฮ่องสอน แวะกินข้าวที่ร้านใบเฟิร์นขึ้นชื่อของตัวเมืองแล้วก็ขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยกองมู ได้ภาพมุมมหาชนภาพนี้มาครับ
ที่นี้จุดหมายถัดไปคือไฮไลท์สำหรับผมเลยเนื่องจากเป็นคนที่ชอบสถานที่ๆสงบๆ ธรรมชาติแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ชาวสองล้ออย่างเราตื่นเต้นกว่าน่าจะเป็นนี่ครับ
โค้งระยับ ระดับมองทางออกโค้งแบบเอี้ยวหมดหัว เลี้ยวไปเลี้ยวมา สนุกมากจริงๆครับ
หลังจากผ่านโค้งสนุกๆไปแล้วก็มาถึงปางอุ๋งที่เที่ยวชื่อดังที่หน้าหนาวต้องขอใบอนุญาตเข้าไป ห้ามเอารถเข้าไปถึงอ่างเก็บน้ำด้วย ปรากฎว่าด้วยความเซ่อซ่าของผม(เนื่องจากรอดูว่าจะมีคนมาห้ามตรงจุดไหน)ก็ได้ขี่ผ่าเข้าไปจนถึงอ่างเก็บน้ำนั่นหละครับ!
ที่นาเกษตรในพื้นที่แคบๆตามแนวสันเขาระหว่างขับขึ้นปางอุ๋ง
ความสงบเงียบของปางอุ๋งในหน้าร้อน
ระหว่างที่ผมเดินเกะๆกะๆถ่ายรูปอยู่นั้น รู้สึกได้เลยครับว่าตัวเองเข้าไปทำลายความสงบของคุณลุงที่นั่งหาปลาอย่างจังจนเมื่อรู้สึกตัวแล้วนั่งลงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความสงบนั้น คุณลุงเจ้าของหมาน้อยสีขาวก็หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ประหนึ่งว่าแกจะบอกว่า"ทำดีแล้วไอ้หนูเอ๊ยย"อะไรประมาณนั้น แต่เขื่อผมเถอะครับ มันเงียบขนาดที่หมาน้อยสีขาวตัวนั้นเห็นผมใส่อุปกรณ์เต็มยศมันยังไม่เห่าเลยครับ!
บางทีการทีเราเข้าไปท่องเที่ยวในแถบที่ธรรมชาติและวิถีชีวิตยังสงบอยู่เราเองก็ต้องให้เกียรติและเคารพวิถีชีวิตดั้งเดิมของเจ้าของสถานที่ด้วย การที่เราเอาเงินไปใช้จ่ายไม่ได้หมายความว่าเราเข้าไปมีสิทธิจะทำอะไรก็ได้ตามใจเรา - ความเห็นส่วนตัวอย่าดราม่ากับผมนะครับ ^_^
มุมสงบในปางอุ๋งต่อครับ
ออกจากปางอุ๋งก็ยังเลื้อยอยู่บนเขามุ่งหน้าไปพักที่บ้านรักไทย โค้งสนุก อากาศเย็นสบาย กลิ่นสนหอมๆ เสียดายเก็บกลับมาไม่ได้ครับ
และแล้วก็มาถึงบ้านรักไทยโดยผมเลือกที่จะเข้าพักที่ลีไวน์บ้านรักไทยเนื่องจากชัยภูมิอยู่บนเขา ห้อมล้อมไปด้วยใบชา สวยงามมากมาย
แล้วก็ลงไปเดินเล่นเก็บบรรยากาศสงบๆมาได้แบบนี้ครับ
หลังจากนั่งดวดลีโออยู่ค่อนคืนหน้าบ้านพักตัวเองก็หลับไปอย่างง่ายดาย ปกติผมตื่นไม่สายแต่วันนั้นที่บ้านรักไทยดันตื่นซะตั้งแต่หกโมงเช้า ว่าแล้วก็เดินไปเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าดีกว่า (เผื่อว่าจะเจอช้างเผือก)
อากาศตอนเช้าในเดือนพค
มุมสงบๆ ณ บ้านรักไทย
แล้วก็มาเจอคุณยายคนนี้
นั่งท่านี้อยู่ระยะสามแยกเลยครับ (ถ้ามืดๆค่ำๆหน่อยผมก็คงใจคอไม่ค่อยดีเหมือนกัน) ก็แอบสงสัยว่าคุณป้าแกมานั่งทำอะไรแต่เช้าาาาาาา ของเขิงจะขายรึก็ไม่เห็นเอามาไม่งั้นจะช่วยอุดหนุนซะหน่อย แล้วผมก็เดินเล่นไปมาจนได้มาเห็นภาพนี้ครับ
นึกแล้วก็อนุโมทนาในความศรัทธาต่อพุทธศาสนา แอบตื้นตันไปกับภาพที่เห็นทีเดียวครับ
ออกจากบ้านรักไทยวิ่งผ่านดอยกิ่วลมมุ่งหน้าไปปาย-เชียงใหม่เพื่อมุ่งสู่ภูเชียงดาว เส้นทางขึ้นไปดอยกิ่วลมนั้นสวยและขับสนุกมาก โค้งโล่งๆ กว้างๆขับแบบไม่เครียด เสียดายว่าถ่ายภาพมาได้ไม่ดีเลยครับ
บ่ายกว่าละมาแวะพักกินข้าวที่ปาย คนหนาแน่นทุกฤดูกาลผมก็เลยขับหลบคนจนมาถึงร้านเล็กๆมุมนี้
บรรยากาศยอดเยี่ยม แต่จำชื่อร้านไม่ได้เลยเนื่องจากหิวหน้ามืดและรสชาติไม่ถูกปาก (ขนาดหิวหน้ามืดยังไม่อร่อยอ่ะครับ)
ขับมาซํกพักก็มาถึงอำเภอเชียงดาวเพื่อเตรียมตัวขึ้นภูเชียงดาว ระหว่างแวะเติมน้ำมันก็ได้ภาพนี้ครับ
"ลิบๆนั้นไซร้ คือจุดที่เราจะไป"
ระหว่างทางขับขึ้นภูครับ
ขอต่อตอนจบอีกกระทู้นึงนะครับ