ก่อนอื่น ขอสวัสดีพี่ๆชาวพันทิปค่ะ นี่เป็นกระทู้แรก ปกติไม่เล่นเว็บบอร์ดเท่าไหร่ค่ะ
ตอนนี้เรามีเรื่องเครียดมากๆ ได้ปรึกษาเพื่อน และเพื่อนที่เล่นพันทิปลองให้มาตั้งกระทู้ที่นี่ดูค่ะ
เรื่องอาจจะยาวมากไปหน่อยนะคะ ไม่รู้จะสรุปยังไงดี
ตอนนี้เราเป็นนักศึกษาปี 4 ที่มหาลัยหนึ่งในเชียงใหม่ค่ะ ครอบครัวฐานะปานกลางค่อนไปทางไม่ค่อยมี
เพราะแม่เป็น single mom เลี้ยงลูกสามคนค่ะ
เรากำลังดูใจอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง
เป็นลูกครึ่งสิงคโปร์-ฝรั่งเศส ทำธุรกิจที่ออสเตรเลียค่ะ ตอนนี้ขยายธุรกิจมาไทย อายุ 40 แล้วค่ะ
เขาเป็นคนน่ารัก ตลก มุขเยอะ เราเข้ากันได้ดี ก็คุยกันมาได้ 5-6 เดือนแล้ว
เขาดีกับเรามาก พาไปทานข้าว ดูหนัง ก็เดทเหมือนคนปกติทั่วๆไป แต่ติดตรงที่เขารวยมาก และอายุเยอะกว่า
แม่เราจึงไม่พอใจมากๆ ที่เขา "ไม่ให้เงิน"
**ตรงนี้ท้าวความค่ะ ไม่อ่านก็ได้**
ตอนปี1 เราก็ทำงานพิเศษมาตลอด(ทำมาตั้งแต่เรียน ม.4 แต่ไม่ถึงขั้นจะส่งให้แม่ได้ แค่ค่าหอ ค่าเรียน ค่ากิน ก็หมดแล้ว แต่ก็พอซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ให้แม่ได้บ้าง)
เป็นครั้งแรกที่ต้องจากบ้านนอกมาเข้ากรุงตามลำพัง
เราได้รู้จักพ่อค้าทองคนหนึ่ง เขาชอบเรามาก ก็ตามจีบเรื่อยมา แต่เราไม่รู้สึกอะไร ไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ
แต่เขาก็พยายามมาก บอกรักเราหลงเรา ถ้าไม่ได้คบเราต้องขาดใจตาย จนเขาได้พยายามเข้าไปคุยกับแม่(เราไม่มีพ่อตั้งแต่จำความได้)
แม่บอกว่า ก็คบดูใจกันไปก่อน น้องเขายังเรียนอยู่ รอจบมาค่อยแต่งงาน ระหว่างนี้ก็ดูแลน้องเขาไปนะ เดือนสักหมื่นสองหมื่น
เขาก็ตกลงที่เดือนละ1หมื่นบาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆต่างหาก
แต่เราไม่ชอบเขา เวลาเขาโทรชวนไปทานข้าว ดูหนัง เราก็ชอบอิดออด คือมันอึดอัดมาก เขาจ้องแต่จะจับมือจับนู่นจับนี่เราอย่างเดียว
ชอบรุกยิงคำถามใส่เรารัวๆ บีบคั้นจิตใจเรามาก ต้อนเราจนจนมุม หาโอกาสพยายามอยู่สองต่อสอง เราก็ปฎิเสธตลอด
เจอเขาเราก็เครียด ไม่เจอก็ไม่ได้ ตอนนั้นอึดอัดมาก
เหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า เดี๋ยวอยากฆ่าตัวตาย เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ แม่เราก็เรียกร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ
เดี๋ยวจะซื้อเครื่องซักผ้า เดี๋ยวจะต่อบ้าน จะซื้อโซฟา ฯลฯ แล้วไม่บอกกับเขาโดยตรง ให้เราเป็นคนขอทุกอย่าง
ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว ไม่ชอบชอปปิ้ง เราไม่เคยต้องการอะไรเลย ขอไม่เป็นด้วย แต่ก็ต้องขอ เราไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองทำอะไรอยู่
ตอนนั้นคือทรมาน จนสุดท้ายไม่ถึงปี เขาก็ทนไม่ได้ ด่าเราเสียๆหายๆลามถึงแม่ ไล่ตะเพิดเราเหมือนหมาตัวหนึ่ง
ถึงแม้เราจะไม่ชอบเขา แต่ก็เสียใจมาก รู้สึกเฟล หดหู่ จากคนที่เคยชอบเราแทบคลั่ง รักเทิดทูนเรายิ่งกว่าอะไรดี
จากวันนั้น ประมาณช่วงขึ้นปีสอง เราก็ได้คบกับผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 20ปี แต่ไม่เรียนแล้ว ยอมรับว่าหลงเขามาก จนเรามีอะไรกัน เขาเป็นรักแรก เป็นแฟนคนแรก
แต่จนมาก ไม่มีอะไรเลย เรารักในความจริงใจและเพียรพยายามที่มีให้กับเราตลอดมา แม่เรารับไม่ได้ถึงขั้นร้องไห้ แต่สุดท้ายเราก็พยายามคุย
ปรับความเข้าใจกับแม่ เรายืนยันว่ารักคนนี้จริงๆ และจะค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน
สุดท้ายแม่เราก็ยอมในความดื้อรั้นของเรา ก่อนจะบอกเราว่า "แม่รู้ ผู้ชายคนนี้ไม่จริงใจกับลูก มันต้องการแค่เงิน สักวันลูกจะเสียใจ แต่ลูกจำไว้นะ แม่จะคอยเคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่อยู่ตรงนี้" และเป็นจริงดังนั้น
ผู้ชายคนนั้นดีกับเราแค่ช่วงแรกๆ แต่พอหลังๆเริ่มไม่ไปทำงาน ขาดงาน ติดเกม จนต้องมาขอเงินเรา คบกันได้แค่ปีกว่า เราทะเลาะกันบ่อยมาก เขาไม่ทำงาน ลำพังเงินเราหาเลี้ยงเขากับตัวเองก็ชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว แต่เรารักเขามาก ทรมานทุกวันเหมือนตกนรก เป็นอย่างนี้อยู่ปีกว่า เราถึงหลุดพ้นมาได้ เพราะมีแม่คอยดูแลให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง มีความรักของแม่คอยชี้นำ
แม่ไม่ว่า ไม่ซ้ำเติมอะไรเราเลย ปลอบใจเราทุกวัน เรามีเวลาที่ดีด้วยกันมากๆ มีความสุขอย่างที่สุด ระหว่างนั้นก็มีคนมาจีบเรื่อยๆประปราย แต่เราไม่ชอบใครเลย เคยมีคนอินเดียมาจีบ และแม่ก็ขอเดือนละหมื่น
เขาก็ให้อยู่สองสามเดือน ไม่ได้อะไรเขาก็ไป
จนมาถึงตอนปลายปีสาม เราก็เจอกับผู้ชายคนนี้ แรกๆเราก็ไม่ได้ชอบอะไร แต่เขามาหาที่ทำงานบ่อยมาก เริ่มชวนไปทานข้าว ไปซื้อของ
เขาเป็นคนตลก มุขเยอะ เป็นผู้ชายวัย 40 ที่ดูดี ตอนแรกเราก็ไม่รู้อาชีพเขา ไม่รู้อะไร รู้แต่อยู่ด้วยแล้วฮา มีความสุข
เราคุยกันได้ประมาณ 5-6เดือน ก็ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง อะไรเรื่อยเปื่อย ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป เรามีความสุขดี
เขาพาไปลองเที่ยว ลองกินทุกอย่าง ตั้งแต่ภัตตาคารหรู จนถึงร้านฟาสต์ฟู้ดธรรมดา(ซึ่งปกติก็ไม่เคยไป เสียดายตังค์) เป็นอะไรที่ท้าทาย สนุกมาก
เขาถามชอบชอปปิ้งไหม เราบอกไปตามตรงว่าไม่ชอบ (เพราะเราไม่ค่อยแต่งตัว ไม่รู้จะซื้ออะไร ไม่รู้จะซื้อไปทำไม ยิ่งเดินดูยิ่งเบื่อ หอก็แคบไม่มีที่เก็บ เสื้อผ้า เมื่อก่อนคนอินเดียก็ชอบซื้อให้เยอะมาก ไม่รู้จะเอาไว้ที่ไหนแล้ว แต่มันแพงทิ้งไม่ลง ครีมก็ทาพอนดส์เป็นซอง แค่นั้น นาฬิกา iPhone Macbook ฯลฯ อินเดียก็ซื้อให้แล้ว)
เราไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เราสาบานได้เลยว่าจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว เราไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย
จนเราพามาเจอแม่ ซึ่งเขาพูดภาษาไทยไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แม่ก็พูดอังกฤษไม่ได้ไม่สามารถคุยอะไรได้ ก็มาไหว้ มากินข้าว เราก็แปลๆให้แม่ฟัง
แม่ก็ถามๆ คุยไปคุยมาจนรู้ว่าเขามีธุรกิจพันล้านอยู่ประเทศเขา และเพิ่งเปิดสาขาในไทยได้สองปี สรุปคือ "รวย"
แม่เราเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยดีกับเรา เราก็เหมือนตกนรกเหมือนเดิม ตอนนี้ความสัมพันธ์ย่ำแย่มาก เราสับสน ไม่รู้จะเกลียดใครดี แม่ เรา หรือเขา
แม่ถามเราว่า เขาให้เงินไหม
เราบอก ไม่ให้ ให้ทำไม???
อ้าว ก็ต้องให้สิ ตังก็ออกเยอะแยะ อายุปูนนี้ละยังอยากได้เมียเด็กสาวสวย
เราก็ถามว่า รู้ได้ไงว่าเขาอยากได้ เราก็แค่คุยกันถูกคอ
แม่ก็บอก ถ้ามันไม่อยากได้มันไม่มาจีบร้อก ถูกคอบ้าบออะไร อยากมีเมียสาวเมียสวยมันต้องเปย์ว้อย
เราก็เงียบ ก็อืมๆไป คิดว่ามันจะจบ
แต่ก็ไม่จบ แม่ถามทุกวัน ทุกครั้งเวลาเราไปเที่ยวกับใครเราจะบอกแม่ทุกครั้ง แต่หลังๆต้องแอบไป
เขาก็พาไปเที่ยวบริษัทบ้าง พาไปสังสรรค์กับเพื่อนๆเขา แม้แต่งานวันเกิดเขาก็พาเราไป ถ่ายรูปด้วยกันในงานด้วย
แม่ก็โทรมาว่าเราทุกวัน จนหลังๆเริ่มด่าเราเสียหาย
"คนอื่นเขาคบคนรวยเขาได้ตังเป็นถุงเป็นถังทั้งนั้นแหละ ถ้าเจอผู้หญิงฉลาดๆหน่อย เขาได้ขับเบนซ์ไปละ"
"จะให้ทำไงละแม่"
"ก็ขอเซ่ ขอไปเลย เป็นแม่นะขอมันซึ่งๆหน้านี่แหละ อ้อมๆก็ได้ คนอื่นเขาก็ขอกัน ไม่มีใครโง่ให้มันจีบยอมไปเที่ยวไปกินข้าว แล้วไม่ได้อะไรหรอกนะ"
เราเจ็บจี๊ดในใจมาก ตอนนั้นแม่กรอกหูประมาณนี้ทุกวัน จนเราเริ่มคิดว่าตัวเองโง่จริงๆ
เรากลับมาซึมเศร้าอีกครั้ง รู้สึกตัวเองไร้ค่ามาก แต่ก็สับสนคิดไม่ออกว่าควรขอเงิน หรือไม่ขอ แล้วเราจะขอไปทำไม
อีกอย่าง เรากลัวเสียความสัมพันธ์นี้ไป กลัวเขาเสียความรู้สึกกับเรา กลัวเป็นเหมือนตอนนั้น เรากลัวรับไม่ได้
เรากลัวทุกอย่าง และเราก็บอกแม่ไป แต่แม่ก็กลับว่าเราว่า "นี่มัน...โง่เกินไปแล้ว"
เราพูดกับแม่ตลอด "สัญญานะแม่จ๋า...ถ้าเรียนจบหนูจะหาเงินให้แม่มากกว่านี้ หาเยอะๆ ด้วยตัวหนูเอง แม่รอหน่อยนะ"
บางครั้งแม่ก็บอก จ้า..จ้า แต่ไม่รู้เมื่อไหร่เนอะ แต่บางทีอารมณ์ไม่ดีก็จะบอก เกิดมาสวยเอาผัวรวยก็จบละ โง่!
เราหดหู่มาก เครียดจนเรียนไม่รู้เรื่อง จนได้ปรึกษาอาจารย์ที่มหาลัย ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกัน
อาจารย์บอกที่มาสอนทุกวันนี้ หน้าชื่นอกตรม อาจารย์ต้องกินยาคลายเครียดทุกวัน
แนะนำให้เรากินยาคลายเครียด จะหลับได้ ตื่นมาหัวโล่ง พร้อมรับกับอะไรหนักๆ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีขายทั่วไปแล้ว
ต้องให้หมอจ่าย ซึ่งถ้าหนูไปพบจิตแพทย์ มันจะถูกบันทึกประวัติลงไป อาจจะทำให้การหางานลำบาก
เราเองก็ยังพยายามหาซื้อยาตัวนี้อยู่
หลังจากนั้น แม่ก็ยังรบเร้าเราทุกวัน ให้ขอเงินๆๆๆ คนไม่ขอเงินมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ
จนจุดแตกหักก็มาถึงค่ะ เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วเขาไปออกรอบกอล์ฟกับเพื่อนๆนักธุรกิจชาวไทย เขาขอให้เราไปด้วย คนอื่นๆก็จ้าง refresher(ที่สตาร์โดมเขาเรียกงี้ ไม่รู้เรียกเหมือนกันหมดหรือเปล่า พริตตี้สวยๆที่มาขับรถ+ถือคลับให้อะค่ะ) กันหมด
มีแต่เขา ที่มีเราขับให้ คอยดูแลอะไรต่างๆ ความรู้สึกเราก็เหมือนแฟนกันทั่วๆไป ไม่คิดอะไร ดูเขาตีๆไปก็สนุกดี เสร็จแล้วคนอื่นๆเขาก็ทิปให้ refresher คนละสองสามพัน
จนค่ำก็ทานข้าวกัน ก็คุยธุรกิจกันบ้างอะไรบ้าง บางท่านก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เขาก็จะบอกเราและให้เราแปลให้อีกที
ก็ทานข้าวไปด้วย แปลอะไรเวลาเขาคุยกันไปด้วย
กลับมาที่รถ เขาก็ยื่นเงินให้พันนึง เราถามค่าอะไร? เขาบอกขอบคุณสำหรับวันนี้ขอบคุณที่ช่วยแปลให้ด้วย เราก็บอกไม่เป็นไร สนุกดีออก
แต่เราคาใจเรื่องเงินพันนึงมาก คิดไปคิดมา ถ้าในฐานะแฟน เขาจะให้เงินทำไม เราคิดตลอดว่าคือการมาเดทกันอย่างหนึ่ง
หรือถ้าคิดว่าจะจ้าง จ้างแค่พันนึงเนี่ยเหรอ? (เพราะเห็นคนอื่นทิป RF กันที 2-3พัน ไม่ต้องรวมค่าเป็นล่าม เราเคยเป็นล่ามให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ไม่ถึงชั่วโมงเขาให้ 3พัน)
เราก็โทรปรึกษาแม่ พอเล่าจบเท่านั้นแหละ เราโดนด่าจนหูชา และสั่งห้ามเจอกับผู้ชายคนนี้อีก
แม่บอกว่าเราโง่ โง่มาก เสียทั้งน้ำมันรถ เสียทั้งเวลา ไปเที่ยวกับมันทุกวันๆ ไม่ได้ตังสักบาท ผู้ชายก็เห็นแก่ตัว รู้อยู่ว่าน้องเป็นเด็ก นักศึกษา ไม่มีตัง ตัวเองมีตังก็ไม่แบ่งบ้าง แล้วมาใช้งานกันอย่างทาสแบบนี้ น่ารังเกียจที่สุด แม่เกลียดๆๆๆๆ ไปตายซะไป๊ ไอ้วอกกก !#$%^&*( ฯลฯ
....
เพราะเงินพันหนึ่งที่เขายื่นให้ ทำให้เราเริ่มไขว้เขว ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินพันนั้น เราก็คงไม่คิดมากตามแม่
แต่พอมาชั่งน้ำหนักดู ไปกินข้าวแทบทุกครั้ง มื้อละ4-5พันตลอด เพราะเราไม่ชอบชอปปิ้ง เลยพากันตะลอนกินอย่างง่าว
ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน เขาจ่ายแค่นี้ก็ดีแล้วมั้ง สำหรับเราคือพอใจ พอใจมากแล้ว แล้วคงเป็นวัฒนธรรมเขาด้วย หรือไม่เขาอาจจะคิดว่า
ก็คบเป็นแฟน ตั้งใจ ไม่ใช่เลี้ยงต้อย แล้วเราก็ไม่เห็นคนเป็นแฟนกันทั่วๆไปที่ไหนเขาให้เงิน บางคนไม่เลี้ยงข้าวด้วยซ้ำ
แต่ไม่ใช่เงินหนึ่งพันมันน้อยไปหรือยังไง แต่เราไม่รู้ว่าเงินหนึ่งพัน "สื่อถึงอะไร"
จนหลายวันก่อน เขาชวนเราไปชอปปิ้ง ซื้อบ้าน คอนโดฯ เก่าเอามารีโนเวทแล้วปล่อยขาย
เราก็โทรถามแม่ก่อน
แม่ก็บอก ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ช้อปคอนโด!!? คอนโด?? แล้วมันให้ตังเอ็งบ้างไหม๊??? มีตังซื้อคอนโดเป็นหลังๆ ตังให้แฟนไม่มี??
เราก็บอก แม่..เรายังไม่ได้ใช้คำว่าแฟน อีกอย่างเราไม่เคยขอ ถ้าขอเค้าอาจจะให้ก็ได้
แม่ก็บอก ก็ขอสิเฮ้ยย ขอออออออออออออออออออ
เราก็ถามว่า จะขอทำไม???? ขอในฐานะอะไร? ไม่อยากขอ อาย ขายขี้หน้าเขา ขอไม่เป็น!!
สรุปว่าวันนั้นเราก็ไม่ได้ไป แม่ไม่ยอมให้เราติดต่อกับเขาอีก เราเองก็กลัวแม่เสียใจ
ลึกๆในใจเราก็ยังคาใจเรื่องเงินหนึ่งพันนั้น.....
ทุกวันนี้ แม่ยังไม่จบเรื่องนี้ ตอกย้ำเราแทบทุกวัน
"ถ้าลูกเราฉลาดเหมือนลูกคนอื่นเขา แม่คงสบายไปทั้งชาติละ ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้"
"ไม่มีใครที่ไหนคบกับแฟนรวยแล้วไม่ได้ตัง นอกจากคนโง่ ที่จะถูกเขาหลอกเอาฟรีสักวัน"
ตัดพ้อเราต่างๆนานา
เรารู้สึกไร้ค่า ว่างเปล่า ไม่อยากเรียนแล้วอยากทำงาน
เราไม่คุยกับผู้ชายคนนั้นมาหลายวันแล้วค่ะ รู้สึกประสาทเสียทุกครั้งที่เจอหน้าเขา
เหลือแต่ความรู้สึกแย่ๆ ที่แม่กรอกหูเราเรื่องเขาทุกวันๆ ถึงรู้ว่ามันอาจจะไม่จริง แต่ก็รู้สึกแย่จนบอกไม่ถูก
เราสับสนค่ะ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
ตอนนี้แค่ต้องการความกระจ่างว่า ใครถูก ใครผิด คนปกติเป็นยังไง
คบคนรวย เขาต้องให้เงินเราใช้ไหมคะ? แล้วผิดไหมถ้าเขาไม่ให้? คนปกติขอกันไหม?
ขอบคุณที่รับฟังมาจนถึงตอนนี้นะคะ พร้อมรับทุกคำชี้แนะค่ะ
ตอนนี้ต้องการทางสว่าง ต้องการหาทางออกให้ชีวิตมากๆค่ะ
คบคนรวย เขาต้องให้เงินเราใช้ไหมคะ? แล้วผิดไหมถ้าเขาไม่ให้? คนปกติขอกันไหม
ตอนนี้เรามีเรื่องเครียดมากๆ ได้ปรึกษาเพื่อน และเพื่อนที่เล่นพันทิปลองให้มาตั้งกระทู้ที่นี่ดูค่ะ
เรื่องอาจจะยาวมากไปหน่อยนะคะ ไม่รู้จะสรุปยังไงดี
ตอนนี้เราเป็นนักศึกษาปี 4 ที่มหาลัยหนึ่งในเชียงใหม่ค่ะ ครอบครัวฐานะปานกลางค่อนไปทางไม่ค่อยมี
เพราะแม่เป็น single mom เลี้ยงลูกสามคนค่ะ
เรากำลังดูใจอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง
เป็นลูกครึ่งสิงคโปร์-ฝรั่งเศส ทำธุรกิจที่ออสเตรเลียค่ะ ตอนนี้ขยายธุรกิจมาไทย อายุ 40 แล้วค่ะ
เขาเป็นคนน่ารัก ตลก มุขเยอะ เราเข้ากันได้ดี ก็คุยกันมาได้ 5-6 เดือนแล้ว
เขาดีกับเรามาก พาไปทานข้าว ดูหนัง ก็เดทเหมือนคนปกติทั่วๆไป แต่ติดตรงที่เขารวยมาก และอายุเยอะกว่า
แม่เราจึงไม่พอใจมากๆ ที่เขา "ไม่ให้เงิน"
**ตรงนี้ท้าวความค่ะ ไม่อ่านก็ได้**
ตอนปี1 เราก็ทำงานพิเศษมาตลอด(ทำมาตั้งแต่เรียน ม.4 แต่ไม่ถึงขั้นจะส่งให้แม่ได้ แค่ค่าหอ ค่าเรียน ค่ากิน ก็หมดแล้ว แต่ก็พอซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ให้แม่ได้บ้าง)
เป็นครั้งแรกที่ต้องจากบ้านนอกมาเข้ากรุงตามลำพัง
เราได้รู้จักพ่อค้าทองคนหนึ่ง เขาชอบเรามาก ก็ตามจีบเรื่อยมา แต่เราไม่รู้สึกอะไร ไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ
แต่เขาก็พยายามมาก บอกรักเราหลงเรา ถ้าไม่ได้คบเราต้องขาดใจตาย จนเขาได้พยายามเข้าไปคุยกับแม่(เราไม่มีพ่อตั้งแต่จำความได้)
แม่บอกว่า ก็คบดูใจกันไปก่อน น้องเขายังเรียนอยู่ รอจบมาค่อยแต่งงาน ระหว่างนี้ก็ดูแลน้องเขาไปนะ เดือนสักหมื่นสองหมื่น
เขาก็ตกลงที่เดือนละ1หมื่นบาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆต่างหาก
แต่เราไม่ชอบเขา เวลาเขาโทรชวนไปทานข้าว ดูหนัง เราก็ชอบอิดออด คือมันอึดอัดมาก เขาจ้องแต่จะจับมือจับนู่นจับนี่เราอย่างเดียว
ชอบรุกยิงคำถามใส่เรารัวๆ บีบคั้นจิตใจเรามาก ต้อนเราจนจนมุม หาโอกาสพยายามอยู่สองต่อสอง เราก็ปฎิเสธตลอด
เจอเขาเราก็เครียด ไม่เจอก็ไม่ได้ ตอนนั้นอึดอัดมาก
เหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า เดี๋ยวอยากฆ่าตัวตาย เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ แม่เราก็เรียกร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ
เดี๋ยวจะซื้อเครื่องซักผ้า เดี๋ยวจะต่อบ้าน จะซื้อโซฟา ฯลฯ แล้วไม่บอกกับเขาโดยตรง ให้เราเป็นคนขอทุกอย่าง
ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว ไม่ชอบชอปปิ้ง เราไม่เคยต้องการอะไรเลย ขอไม่เป็นด้วย แต่ก็ต้องขอ เราไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองทำอะไรอยู่
ตอนนั้นคือทรมาน จนสุดท้ายไม่ถึงปี เขาก็ทนไม่ได้ ด่าเราเสียๆหายๆลามถึงแม่ ไล่ตะเพิดเราเหมือนหมาตัวหนึ่ง
ถึงแม้เราจะไม่ชอบเขา แต่ก็เสียใจมาก รู้สึกเฟล หดหู่ จากคนที่เคยชอบเราแทบคลั่ง รักเทิดทูนเรายิ่งกว่าอะไรดี
จากวันนั้น ประมาณช่วงขึ้นปีสอง เราก็ได้คบกับผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 20ปี แต่ไม่เรียนแล้ว ยอมรับว่าหลงเขามาก จนเรามีอะไรกัน เขาเป็นรักแรก เป็นแฟนคนแรก
แต่จนมาก ไม่มีอะไรเลย เรารักในความจริงใจและเพียรพยายามที่มีให้กับเราตลอดมา แม่เรารับไม่ได้ถึงขั้นร้องไห้ แต่สุดท้ายเราก็พยายามคุย
ปรับความเข้าใจกับแม่ เรายืนยันว่ารักคนนี้จริงๆ และจะค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน
สุดท้ายแม่เราก็ยอมในความดื้อรั้นของเรา ก่อนจะบอกเราว่า "แม่รู้ ผู้ชายคนนี้ไม่จริงใจกับลูก มันต้องการแค่เงิน สักวันลูกจะเสียใจ แต่ลูกจำไว้นะ แม่จะคอยเคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่อยู่ตรงนี้" และเป็นจริงดังนั้น
ผู้ชายคนนั้นดีกับเราแค่ช่วงแรกๆ แต่พอหลังๆเริ่มไม่ไปทำงาน ขาดงาน ติดเกม จนต้องมาขอเงินเรา คบกันได้แค่ปีกว่า เราทะเลาะกันบ่อยมาก เขาไม่ทำงาน ลำพังเงินเราหาเลี้ยงเขากับตัวเองก็ชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว แต่เรารักเขามาก ทรมานทุกวันเหมือนตกนรก เป็นอย่างนี้อยู่ปีกว่า เราถึงหลุดพ้นมาได้ เพราะมีแม่คอยดูแลให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง มีความรักของแม่คอยชี้นำ
แม่ไม่ว่า ไม่ซ้ำเติมอะไรเราเลย ปลอบใจเราทุกวัน เรามีเวลาที่ดีด้วยกันมากๆ มีความสุขอย่างที่สุด ระหว่างนั้นก็มีคนมาจีบเรื่อยๆประปราย แต่เราไม่ชอบใครเลย เคยมีคนอินเดียมาจีบ และแม่ก็ขอเดือนละหมื่น
เขาก็ให้อยู่สองสามเดือน ไม่ได้อะไรเขาก็ไป
จนมาถึงตอนปลายปีสาม เราก็เจอกับผู้ชายคนนี้ แรกๆเราก็ไม่ได้ชอบอะไร แต่เขามาหาที่ทำงานบ่อยมาก เริ่มชวนไปทานข้าว ไปซื้อของ
เขาเป็นคนตลก มุขเยอะ เป็นผู้ชายวัย 40 ที่ดูดี ตอนแรกเราก็ไม่รู้อาชีพเขา ไม่รู้อะไร รู้แต่อยู่ด้วยแล้วฮา มีความสุข
เราคุยกันได้ประมาณ 5-6เดือน ก็ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง อะไรเรื่อยเปื่อย ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป เรามีความสุขดี
เขาพาไปลองเที่ยว ลองกินทุกอย่าง ตั้งแต่ภัตตาคารหรู จนถึงร้านฟาสต์ฟู้ดธรรมดา(ซึ่งปกติก็ไม่เคยไป เสียดายตังค์) เป็นอะไรที่ท้าทาย สนุกมาก
เขาถามชอบชอปปิ้งไหม เราบอกไปตามตรงว่าไม่ชอบ (เพราะเราไม่ค่อยแต่งตัว ไม่รู้จะซื้ออะไร ไม่รู้จะซื้อไปทำไม ยิ่งเดินดูยิ่งเบื่อ หอก็แคบไม่มีที่เก็บ เสื้อผ้า เมื่อก่อนคนอินเดียก็ชอบซื้อให้เยอะมาก ไม่รู้จะเอาไว้ที่ไหนแล้ว แต่มันแพงทิ้งไม่ลง ครีมก็ทาพอนดส์เป็นซอง แค่นั้น นาฬิกา iPhone Macbook ฯลฯ อินเดียก็ซื้อให้แล้ว)
เราไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เราสาบานได้เลยว่าจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว เราไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย
จนเราพามาเจอแม่ ซึ่งเขาพูดภาษาไทยไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แม่ก็พูดอังกฤษไม่ได้ไม่สามารถคุยอะไรได้ ก็มาไหว้ มากินข้าว เราก็แปลๆให้แม่ฟัง
แม่ก็ถามๆ คุยไปคุยมาจนรู้ว่าเขามีธุรกิจพันล้านอยู่ประเทศเขา และเพิ่งเปิดสาขาในไทยได้สองปี สรุปคือ "รวย"
แม่เราเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยดีกับเรา เราก็เหมือนตกนรกเหมือนเดิม ตอนนี้ความสัมพันธ์ย่ำแย่มาก เราสับสน ไม่รู้จะเกลียดใครดี แม่ เรา หรือเขา
แม่ถามเราว่า เขาให้เงินไหม
เราบอก ไม่ให้ ให้ทำไม???
อ้าว ก็ต้องให้สิ ตังก็ออกเยอะแยะ อายุปูนนี้ละยังอยากได้เมียเด็กสาวสวย
เราก็ถามว่า รู้ได้ไงว่าเขาอยากได้ เราก็แค่คุยกันถูกคอ
แม่ก็บอก ถ้ามันไม่อยากได้มันไม่มาจีบร้อก ถูกคอบ้าบออะไร อยากมีเมียสาวเมียสวยมันต้องเปย์ว้อย
เราก็เงียบ ก็อืมๆไป คิดว่ามันจะจบ
แต่ก็ไม่จบ แม่ถามทุกวัน ทุกครั้งเวลาเราไปเที่ยวกับใครเราจะบอกแม่ทุกครั้ง แต่หลังๆต้องแอบไป
เขาก็พาไปเที่ยวบริษัทบ้าง พาไปสังสรรค์กับเพื่อนๆเขา แม้แต่งานวันเกิดเขาก็พาเราไป ถ่ายรูปด้วยกันในงานด้วย
แม่ก็โทรมาว่าเราทุกวัน จนหลังๆเริ่มด่าเราเสียหาย
"คนอื่นเขาคบคนรวยเขาได้ตังเป็นถุงเป็นถังทั้งนั้นแหละ ถ้าเจอผู้หญิงฉลาดๆหน่อย เขาได้ขับเบนซ์ไปละ"
"จะให้ทำไงละแม่"
"ก็ขอเซ่ ขอไปเลย เป็นแม่นะขอมันซึ่งๆหน้านี่แหละ อ้อมๆก็ได้ คนอื่นเขาก็ขอกัน ไม่มีใครโง่ให้มันจีบยอมไปเที่ยวไปกินข้าว แล้วไม่ได้อะไรหรอกนะ"
เราเจ็บจี๊ดในใจมาก ตอนนั้นแม่กรอกหูประมาณนี้ทุกวัน จนเราเริ่มคิดว่าตัวเองโง่จริงๆ
เรากลับมาซึมเศร้าอีกครั้ง รู้สึกตัวเองไร้ค่ามาก แต่ก็สับสนคิดไม่ออกว่าควรขอเงิน หรือไม่ขอ แล้วเราจะขอไปทำไม
อีกอย่าง เรากลัวเสียความสัมพันธ์นี้ไป กลัวเขาเสียความรู้สึกกับเรา กลัวเป็นเหมือนตอนนั้น เรากลัวรับไม่ได้
เรากลัวทุกอย่าง และเราก็บอกแม่ไป แต่แม่ก็กลับว่าเราว่า "นี่มัน...โง่เกินไปแล้ว"
เราพูดกับแม่ตลอด "สัญญานะแม่จ๋า...ถ้าเรียนจบหนูจะหาเงินให้แม่มากกว่านี้ หาเยอะๆ ด้วยตัวหนูเอง แม่รอหน่อยนะ"
บางครั้งแม่ก็บอก จ้า..จ้า แต่ไม่รู้เมื่อไหร่เนอะ แต่บางทีอารมณ์ไม่ดีก็จะบอก เกิดมาสวยเอาผัวรวยก็จบละ โง่!
เราหดหู่มาก เครียดจนเรียนไม่รู้เรื่อง จนได้ปรึกษาอาจารย์ที่มหาลัย ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกัน
อาจารย์บอกที่มาสอนทุกวันนี้ หน้าชื่นอกตรม อาจารย์ต้องกินยาคลายเครียดทุกวัน
แนะนำให้เรากินยาคลายเครียด จะหลับได้ ตื่นมาหัวโล่ง พร้อมรับกับอะไรหนักๆ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีขายทั่วไปแล้ว
ต้องให้หมอจ่าย ซึ่งถ้าหนูไปพบจิตแพทย์ มันจะถูกบันทึกประวัติลงไป อาจจะทำให้การหางานลำบาก
เราเองก็ยังพยายามหาซื้อยาตัวนี้อยู่
หลังจากนั้น แม่ก็ยังรบเร้าเราทุกวัน ให้ขอเงินๆๆๆ คนไม่ขอเงินมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ
จนจุดแตกหักก็มาถึงค่ะ เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วเขาไปออกรอบกอล์ฟกับเพื่อนๆนักธุรกิจชาวไทย เขาขอให้เราไปด้วย คนอื่นๆก็จ้าง refresher(ที่สตาร์โดมเขาเรียกงี้ ไม่รู้เรียกเหมือนกันหมดหรือเปล่า พริตตี้สวยๆที่มาขับรถ+ถือคลับให้อะค่ะ) กันหมด
มีแต่เขา ที่มีเราขับให้ คอยดูแลอะไรต่างๆ ความรู้สึกเราก็เหมือนแฟนกันทั่วๆไป ไม่คิดอะไร ดูเขาตีๆไปก็สนุกดี เสร็จแล้วคนอื่นๆเขาก็ทิปให้ refresher คนละสองสามพัน
จนค่ำก็ทานข้าวกัน ก็คุยธุรกิจกันบ้างอะไรบ้าง บางท่านก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เขาก็จะบอกเราและให้เราแปลให้อีกที
ก็ทานข้าวไปด้วย แปลอะไรเวลาเขาคุยกันไปด้วย
กลับมาที่รถ เขาก็ยื่นเงินให้พันนึง เราถามค่าอะไร? เขาบอกขอบคุณสำหรับวันนี้ขอบคุณที่ช่วยแปลให้ด้วย เราก็บอกไม่เป็นไร สนุกดีออก
แต่เราคาใจเรื่องเงินพันนึงมาก คิดไปคิดมา ถ้าในฐานะแฟน เขาจะให้เงินทำไม เราคิดตลอดว่าคือการมาเดทกันอย่างหนึ่ง
หรือถ้าคิดว่าจะจ้าง จ้างแค่พันนึงเนี่ยเหรอ? (เพราะเห็นคนอื่นทิป RF กันที 2-3พัน ไม่ต้องรวมค่าเป็นล่าม เราเคยเป็นล่ามให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ไม่ถึงชั่วโมงเขาให้ 3พัน)
เราก็โทรปรึกษาแม่ พอเล่าจบเท่านั้นแหละ เราโดนด่าจนหูชา และสั่งห้ามเจอกับผู้ชายคนนี้อีก
แม่บอกว่าเราโง่ โง่มาก เสียทั้งน้ำมันรถ เสียทั้งเวลา ไปเที่ยวกับมันทุกวันๆ ไม่ได้ตังสักบาท ผู้ชายก็เห็นแก่ตัว รู้อยู่ว่าน้องเป็นเด็ก นักศึกษา ไม่มีตัง ตัวเองมีตังก็ไม่แบ่งบ้าง แล้วมาใช้งานกันอย่างทาสแบบนี้ น่ารังเกียจที่สุด แม่เกลียดๆๆๆๆ ไปตายซะไป๊ ไอ้วอกกก !#$%^&*( ฯลฯ
....
เพราะเงินพันหนึ่งที่เขายื่นให้ ทำให้เราเริ่มไขว้เขว ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินพันนั้น เราก็คงไม่คิดมากตามแม่
แต่พอมาชั่งน้ำหนักดู ไปกินข้าวแทบทุกครั้ง มื้อละ4-5พันตลอด เพราะเราไม่ชอบชอปปิ้ง เลยพากันตะลอนกินอย่างง่าว
ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน เขาจ่ายแค่นี้ก็ดีแล้วมั้ง สำหรับเราคือพอใจ พอใจมากแล้ว แล้วคงเป็นวัฒนธรรมเขาด้วย หรือไม่เขาอาจจะคิดว่า
ก็คบเป็นแฟน ตั้งใจ ไม่ใช่เลี้ยงต้อย แล้วเราก็ไม่เห็นคนเป็นแฟนกันทั่วๆไปที่ไหนเขาให้เงิน บางคนไม่เลี้ยงข้าวด้วยซ้ำ
แต่ไม่ใช่เงินหนึ่งพันมันน้อยไปหรือยังไง แต่เราไม่รู้ว่าเงินหนึ่งพัน "สื่อถึงอะไร"
จนหลายวันก่อน เขาชวนเราไปชอปปิ้ง ซื้อบ้าน คอนโดฯ เก่าเอามารีโนเวทแล้วปล่อยขาย
เราก็โทรถามแม่ก่อน
แม่ก็บอก ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ช้อปคอนโด!!? คอนโด?? แล้วมันให้ตังเอ็งบ้างไหม๊??? มีตังซื้อคอนโดเป็นหลังๆ ตังให้แฟนไม่มี??
เราก็บอก แม่..เรายังไม่ได้ใช้คำว่าแฟน อีกอย่างเราไม่เคยขอ ถ้าขอเค้าอาจจะให้ก็ได้
แม่ก็บอก ก็ขอสิเฮ้ยย ขอออออออออออออออออออ
เราก็ถามว่า จะขอทำไม???? ขอในฐานะอะไร? ไม่อยากขอ อาย ขายขี้หน้าเขา ขอไม่เป็น!!
สรุปว่าวันนั้นเราก็ไม่ได้ไป แม่ไม่ยอมให้เราติดต่อกับเขาอีก เราเองก็กลัวแม่เสียใจ
ลึกๆในใจเราก็ยังคาใจเรื่องเงินหนึ่งพันนั้น.....
ทุกวันนี้ แม่ยังไม่จบเรื่องนี้ ตอกย้ำเราแทบทุกวัน
"ถ้าลูกเราฉลาดเหมือนลูกคนอื่นเขา แม่คงสบายไปทั้งชาติละ ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้"
"ไม่มีใครที่ไหนคบกับแฟนรวยแล้วไม่ได้ตัง นอกจากคนโง่ ที่จะถูกเขาหลอกเอาฟรีสักวัน"
ตัดพ้อเราต่างๆนานา
เรารู้สึกไร้ค่า ว่างเปล่า ไม่อยากเรียนแล้วอยากทำงาน
เราไม่คุยกับผู้ชายคนนั้นมาหลายวันแล้วค่ะ รู้สึกประสาทเสียทุกครั้งที่เจอหน้าเขา
เหลือแต่ความรู้สึกแย่ๆ ที่แม่กรอกหูเราเรื่องเขาทุกวันๆ ถึงรู้ว่ามันอาจจะไม่จริง แต่ก็รู้สึกแย่จนบอกไม่ถูก
เราสับสนค่ะ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
ตอนนี้แค่ต้องการความกระจ่างว่า ใครถูก ใครผิด คนปกติเป็นยังไง
คบคนรวย เขาต้องให้เงินเราใช้ไหมคะ? แล้วผิดไหมถ้าเขาไม่ให้? คนปกติขอกันไหม?
ขอบคุณที่รับฟังมาจนถึงตอนนี้นะคะ พร้อมรับทุกคำชี้แนะค่ะ
ตอนนี้ต้องการทางสว่าง ต้องการหาทางออกให้ชีวิตมากๆค่ะ