ฤดูใบไม้ร่วง
ปักกิ่ง
ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในอาคารทรงจีนหลังใหญ่ จากนั้นก้าวตรงไปยังห้องประชุม
เบื้องหน้าเขามีโต้ะประชุมขนาดยาว ชายสูงวัยสองคนนั่งรออยู่
ชายสูงวัยคนหนึ่งเมื่อเห็นเขาจึงยืนขึ้น แล้วพูด
เขาตกใจตะโกนร้องเอะอะ ฉับพลันนั้นก็มีชายฉกรรจ์ 3 คนเดินเข้ามา พาเขาเดินออกไปทางด้านหลัง
ไม่กี่นาที ชายคนที่สองเดินเข้ามา เขาเป็นคนหนุ่ม
เช่นเดียวกัน ชายสูงวัยเมื่อเห็นเขาจึงลุกขึ้น แล้วพูด
เขาเดือดดาล วิ่งเข้าไปหมายจะทำร้ายชายชรา แต่ไม่ทันที่เขาจะทำสิ่งใด ก็ได้ยินเสียงกระแทกที่ข้อพับ ร่างของเขาทรุดลง
แล้วชายคนที่สามก็ตามเข้ามา เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
ที่ต่างจากชายสองคนแรกคือ เขาไม่ได้ตกใจเมื่อเห็นชายสูงวัยยืนขึ้นพูด
เขาไม่ได้ขัดขืนหรือแม้แต่โต้แย้งใด ๆ เพียงพูดเบา ๆ กับชายฉกรรจ์ว่า "ไปกันเถอะ"
ไม่ไกลจากห้องประชุมนั้น
หญิงคนหนึ่งเดินอยู่หน้าบ้านพัก ฉับพลันนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาขนาบ ทั้งหมดหยุดยืน หนึ่งในชายฉกรรจ์อ่านคำประกาศ
เธอตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้ เธอบอกให้เขาอ่านคำประกาศนั้นอีกครั้ง ก่อนจะยื่นพวงกุญแจในมือให้โดยดี
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
สถานที่ในเหตุการณ์คือจงหนานไห่ ศูนย์กลางอำนาจของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
ชายสามคนที่เดินเข้ามาและถูกจับมีชื่อว่า จางชุนเฉียว หวางหงเหวิน และเหยาเหวินหยวน ส่วนหญิงคนนั้นคือ เจียงชิง ทั้งหมดนี้ถูกเรียกรวม ๆ กันว่า "แก๊งค์สี่คน"
ชายชราสองคนที่นั่งรออยู่ในห้องประชุม คนหนึ่งคือฮว่ากว๋อเฟิงประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน อีกคนคือเย่เจี้ยนอิง ผู้มีอำนาจสูงสุดในการควบคุมกองทัพ สำหรับผู้ที่วางแผนปฏิบัติการในครั้งนี้คือ วางตงซิ่ง หัวหน้าตำรวจประจำจงหนานไห่ เขายืนบัญชาการอยู่หลังห้องประชุม
"แก๊งค์สี่คน" ถูกควบคุมอยู่ในห้องใต้ดินของจงหนานไห่นาน 2 เดือน ก่อนจะย้ายไปเรือนจำฉินเฉิง ระหว่างโดนควบคุมตัว ไม่มีใครบนโลกนอกจากผู้ปฏิบัติการที่รู้ว่าพวกเขาหายไปไหน การจับกุมแก๊งค์สี่คนในครั้งนี้ทำให้ การปฏิวัติวัฒนธรรมที่ดำเนินมาอย่างยาวนานถึง 10 ปี สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง
ความจริงในฉากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับ การปฏิวัติวัฒนธรรม
ปักกิ่ง
ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในอาคารทรงจีนหลังใหญ่ จากนั้นก้าวตรงไปยังห้องประชุม
เบื้องหน้าเขามีโต้ะประชุมขนาดยาว ชายสูงวัยสองคนนั่งรออยู่
ชายสูงวัยคนหนึ่งเมื่อเห็นเขาจึงยืนขึ้น แล้วพูด
เขาตกใจตะโกนร้องเอะอะ ฉับพลันนั้นก็มีชายฉกรรจ์ 3 คนเดินเข้ามา พาเขาเดินออกไปทางด้านหลัง
ไม่กี่นาที ชายคนที่สองเดินเข้ามา เขาเป็นคนหนุ่ม
เช่นเดียวกัน ชายสูงวัยเมื่อเห็นเขาจึงลุกขึ้น แล้วพูด
เขาเดือดดาล วิ่งเข้าไปหมายจะทำร้ายชายชรา แต่ไม่ทันที่เขาจะทำสิ่งใด ก็ได้ยินเสียงกระแทกที่ข้อพับ ร่างของเขาทรุดลง
แล้วชายคนที่สามก็ตามเข้ามา เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
ที่ต่างจากชายสองคนแรกคือ เขาไม่ได้ตกใจเมื่อเห็นชายสูงวัยยืนขึ้นพูด
เขาไม่ได้ขัดขืนหรือแม้แต่โต้แย้งใด ๆ เพียงพูดเบา ๆ กับชายฉกรรจ์ว่า "ไปกันเถอะ"
ไม่ไกลจากห้องประชุมนั้น
หญิงคนหนึ่งเดินอยู่หน้าบ้านพัก ฉับพลันนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาขนาบ ทั้งหมดหยุดยืน หนึ่งในชายฉกรรจ์อ่านคำประกาศ
เธอตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้ เธอบอกให้เขาอ่านคำประกาศนั้นอีกครั้ง ก่อนจะยื่นพวงกุญแจในมือให้โดยดี
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
สถานที่ในเหตุการณ์คือจงหนานไห่ ศูนย์กลางอำนาจของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
ชายสามคนที่เดินเข้ามาและถูกจับมีชื่อว่า จางชุนเฉียว หวางหงเหวิน และเหยาเหวินหยวน ส่วนหญิงคนนั้นคือ เจียงชิง ทั้งหมดนี้ถูกเรียกรวม ๆ กันว่า "แก๊งค์สี่คน"
ชายชราสองคนที่นั่งรออยู่ในห้องประชุม คนหนึ่งคือฮว่ากว๋อเฟิงประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน อีกคนคือเย่เจี้ยนอิง ผู้มีอำนาจสูงสุดในการควบคุมกองทัพ สำหรับผู้ที่วางแผนปฏิบัติการในครั้งนี้คือ วางตงซิ่ง หัวหน้าตำรวจประจำจงหนานไห่ เขายืนบัญชาการอยู่หลังห้องประชุม
"แก๊งค์สี่คน" ถูกควบคุมอยู่ในห้องใต้ดินของจงหนานไห่นาน 2 เดือน ก่อนจะย้ายไปเรือนจำฉินเฉิง ระหว่างโดนควบคุมตัว ไม่มีใครบนโลกนอกจากผู้ปฏิบัติการที่รู้ว่าพวกเขาหายไปไหน การจับกุมแก๊งค์สี่คนในครั้งนี้ทำให้ การปฏิวัติวัฒนธรรมที่ดำเนินมาอย่างยาวนานถึง 10 ปี สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง