วันนี้ผมมีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังครับ อาจจะเป็นเรื่องปรกติทั่วไป ไม่มีดราม่า ตบตีแย่งผัวชาวบ้าน หรือ แม่ลูกมีแฟนคนเดียวกัน แต่เป็นเรื่องราวของภาพใบนี้
ผมเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่รักการถ่ายภาพเอามากๆ เป็นเวลาหนึ่งปี ที่ผมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ นาๆ กับกล้อง DSLR ตัวแรกที่เก็บตังซื้อของผม Nikon D3200 ราคา 17k ถือว่าราคาแพงเอามากๆ สำหรับนักศึกษาอย่างผม แต่ผมก็ไม่เกี่ยงขอแค่ให้ผมได้ฝึก กล้องตัวนี้ทำให้ผมได้งานทำ กล้องตัวนี้ทำให้ผมได้ย้ายคณะไปคณะที่ผมฝันอยากจะเรียน กล้องตัวนี้ได้สร้างโอกาศในชีวิตมากมายให้กับผม กล้องตัวนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในสังคมจากภาพถ่ายที่ให้ความสุขกับคนอื่น ผมลั่นชัตเตอร์ได้ประมาณหมื่นๆ กว่าๆ ในเวลา 1 ปี 4 เดือน ทั้งงานบ้าง ทั้งเล่นบ้าง รูปบางรูปสวยมาก จนผมอึ้งว่าตัวเองถ่ายมาได้ยังไงกับกล้องตัวนี้
จนผมได้ซื้อเลนส์ตัวใหม่มาราคา ก็ 18000 เงินสด จากการดร๊อปเรียนทำงานตรากตรำ อยู่กว่า 5-6 เดือน กลับมา ม ด้วยควมตื้นเต้น ฝนตกอยู่ 4-5 วัน ผมไม่ได้ออกไปถ่ายสักที จนมา 2-3 วันนี้ หาวันลงตัวออกไปถ่ายรูป Landscape เล่นคนเดียว ทุกอย่างกำลังไปได้สวย บิดมอไซ ลมตีหน้า ฟังเพลง กับแสงแดดที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน ผมได้ภาพที่ต้องการตามที่วางแผนไว้ และกำลังจะกลับห้อง แต่ผมก็สะดุดเล็กๆ อยากไปถ่ายที่สะพานแห่งหนึ่ง ตรงนั้นเป็นที่ที่แรกที่ผมเริ่มฝึกถ่ายภาพ ผมเลยอยากจะไปย้อนความหลังสักหน่อย
ผมขับรถข้ามสะพานมายังอีกฝากหนึ่ง เมื่อได้ภาพที่ต้องการ ผมก็ห้อยกล้องไว้ที่คอ เพราะคิดว่าเดี๋ยวจะกลับไปถ่ายอีกฝากหนึ่ง จะได้สะดวกๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุเการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ... เมื่อล้อรถของผมไปตกร่องไม้ รถเสียหลักเทไปทั้งซ้ายชนเข้ากับราวสะพาน จังหวะนั้นตัวของผมพุ่งออกไปนอกสะพาน แต่ผมจับรถเอาไว้ เลยไปได้ไม่ไกล แต่กล้องของผมที่ห้อยคออยู่นั้น กลับพุ่งออกไปและไหลออกจากคอไป และตกลงไปในแม่น้ำ จังหวะนั้นหากผมปล่อยมือแล้วคว้ากล้องไว้ ผมก็จะตกลงไปในแม่น้ำด้วย...
_____________________________________________________________________________
ผมเสียสติอย่างหนัก ร้องลั่นสะพาน กระทืบเท้าเหมือนคนบ้า ร้องและเดินไปเดินมาร้อนรน และพร้อมที่จะกระโดดลงไปตามกล้อง แต่โชคดีที่มีคนมาชุดเอาไว้ จังหวะนั้นผมขาดสติและร้องลั่น ชาวบ้านก็ต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอผมรวมสติได้มองลงไปเห็นเด็กที่กำลังว่ายน้ำอยู่แถวๆ นั้น ผมเลยตะโกนบอกว่า ทำยังไงก็ให้ช่วยเอากล้องผมขึ้นมาให้หน่อย เด็กๆ ประมาณ 7-8 คนช่วยกันงมขึ้นมา กับสภาพกล้องที่เปียกโชก ชุ่มไปด้วยน้ำ ผมนั่งไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั้งจะขับรถ ในหัวว่างเปล่าเหมือนคนเมา นั่งอยู่ตรงนั้นนานพอสมควรจะชาวบ้านมาพยุงผมออกจากสะพานไป ผมโทรเรียกเพื่อนให้มารับกลับหอ เพราะผมขับรถไม่ได้แล้ว ไม่มีแรงเลย...
ผมมีทริปไปถ่ายภาพที่สิงคโปร์สิ้นเดือนนี้ และเสาร์ อาทิตย์นี้มีถ่ายแบบ และเพิ่งซื้อแฟรชมา กะว่าจะเรียนรู้การใช้เฟรช และผมจะเปิดเพจภาพถ่ายเร็วๆ นี้ ทุกอย่างเลือนหายไป ผมรู้ถึงชะตากรรมของอุปกรณ์ของผมดี ถึงเอากลับมาใช้งานได้ก็คงไม่ดีเหมือนเก่า เงินที่ผมลงทุนไป ก็ต้องนับหนึ่งไหม่
ส่วนภาพด้านบนก็คือภาพสุดท้ายของกล้องตัวนั้นของผม ก่อนที่จะร่วงลงไปในน้ำ ที่แรกและที่สุดท้ายของมัน ผมทำภาพนี้อย่างตั้งใจมากๆ เพราะอยากให้มันเป็นภาพที่สวยที่สุด มันรวบรวมความรู้สึกและความทรงจำของผมเอาไว้ และผมคงจะเริ่มนับหนึ่งใหม่กับกล้องตัวใหม่ในตอนต่อไป..
ชีวิตคนเราก็งี้แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราต้องการ ของที่ผมรักและหวงที่สุด ก็ได้จากไปแล้ว แล้วยังไงต่อ ผมก็ทำเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว ผมเลือกชีวิตมาก่อนวัตถุซึ้งผมก็รู้สึกดี ของพวกนี้ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ก็แค่กล้องตัวเดียว ถึงกล้องจะพังไป แต่เมมโมรี่ก็ยังคงทำงานได้ มันอัลบั้มเช็ทภาพสุดท้ายที่ผมยังคงเก็บไว้..
ไม่รู้สิครับ ผมก็แค่อยากจะเล่าความรู้สึกให้ฟัง สำหรับช่างภาพแล้วกล้องก็เหมือนลูกชายคนหนึ่ง ไปไหนมาไหนด้วยเจอ พบเจออะไรด้วยกัน นั่งอยู่ด้วยกันทั้งคืน เจอสาวก็เจอด้วยกัน ทำงานก็ทำงานด้วยกัน พอวันหนึ่งมันหายไปก็ ใจหายเหมือนกัน
แต่ถึงกล้องผมจะพังไปสักกี่ตัว หรือหล่นไปสักกี่ครั้ง ยังไงตัวผมก็คือช่างภาพ มีหน้าที่คือบันทึกวันเวลาช่วงหนึ่งของโลกนี้เอาไว้ เรื่องเล่าของผมอาจจะน่าเบื่อหรือไม่มีสาระ แต่ก็หวังเล็กๆ ว่าจะมีใครสักคน ได้เข้าใจความรู้สึกที่ผมพยายามจะถ่ายถอดให้รับรู้ อาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะเล่าให้ใครก็ตามได้ฟัง และอยากให้ทุกคนอย่ายึดกับอะไรมากจนเกินไปน่ะครับ เสียใจได้แต่เข็มวินาทีมันก็ไม่หยุดอยู่กับที่ให้เรา เวลามันก็ยังคงเดินต่อไป ผมทำได้เพียงสู้ต่อไป และเดินตามฝันไปให้จบ การเดินทางมันชั่งยาวไกลเหมือนกันทุกคน อย่าได้ท้อแท้ในชีวิตน่ะครับ
ขอบคุณครับ และฝากผลงานอีกรูปหนึ่งไว้ครับ
นี้คือรูปที่สวยที่สุดตั้งแต่ผมฝึกถ่ายรูปมา...
วันนี้ผมมีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังครับ อาจจะเป็นเรื่องปรกติทั่วไป ไม่มีดราม่า ตบตีแย่งผัวชาวบ้าน หรือ แม่ลูกมีแฟนคนเดียวกัน แต่เป็นเรื่องราวของภาพใบนี้
ผมเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่รักการถ่ายภาพเอามากๆ เป็นเวลาหนึ่งปี ที่ผมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ นาๆ กับกล้อง DSLR ตัวแรกที่เก็บตังซื้อของผม Nikon D3200 ราคา 17k ถือว่าราคาแพงเอามากๆ สำหรับนักศึกษาอย่างผม แต่ผมก็ไม่เกี่ยงขอแค่ให้ผมได้ฝึก กล้องตัวนี้ทำให้ผมได้งานทำ กล้องตัวนี้ทำให้ผมได้ย้ายคณะไปคณะที่ผมฝันอยากจะเรียน กล้องตัวนี้ได้สร้างโอกาศในชีวิตมากมายให้กับผม กล้องตัวนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในสังคมจากภาพถ่ายที่ให้ความสุขกับคนอื่น ผมลั่นชัตเตอร์ได้ประมาณหมื่นๆ กว่าๆ ในเวลา 1 ปี 4 เดือน ทั้งงานบ้าง ทั้งเล่นบ้าง รูปบางรูปสวยมาก จนผมอึ้งว่าตัวเองถ่ายมาได้ยังไงกับกล้องตัวนี้
จนผมได้ซื้อเลนส์ตัวใหม่มาราคา ก็ 18000 เงินสด จากการดร๊อปเรียนทำงานตรากตรำ อยู่กว่า 5-6 เดือน กลับมา ม ด้วยควมตื้นเต้น ฝนตกอยู่ 4-5 วัน ผมไม่ได้ออกไปถ่ายสักที จนมา 2-3 วันนี้ หาวันลงตัวออกไปถ่ายรูป Landscape เล่นคนเดียว ทุกอย่างกำลังไปได้สวย บิดมอไซ ลมตีหน้า ฟังเพลง กับแสงแดดที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน ผมได้ภาพที่ต้องการตามที่วางแผนไว้ และกำลังจะกลับห้อง แต่ผมก็สะดุดเล็กๆ อยากไปถ่ายที่สะพานแห่งหนึ่ง ตรงนั้นเป็นที่ที่แรกที่ผมเริ่มฝึกถ่ายภาพ ผมเลยอยากจะไปย้อนความหลังสักหน่อย
ผมขับรถข้ามสะพานมายังอีกฝากหนึ่ง เมื่อได้ภาพที่ต้องการ ผมก็ห้อยกล้องไว้ที่คอ เพราะคิดว่าเดี๋ยวจะกลับไปถ่ายอีกฝากหนึ่ง จะได้สะดวกๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุเการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ... เมื่อล้อรถของผมไปตกร่องไม้ รถเสียหลักเทไปทั้งซ้ายชนเข้ากับราวสะพาน จังหวะนั้นตัวของผมพุ่งออกไปนอกสะพาน แต่ผมจับรถเอาไว้ เลยไปได้ไม่ไกล แต่กล้องของผมที่ห้อยคออยู่นั้น กลับพุ่งออกไปและไหลออกจากคอไป และตกลงไปในแม่น้ำ จังหวะนั้นหากผมปล่อยมือแล้วคว้ากล้องไว้ ผมก็จะตกลงไปในแม่น้ำด้วย...
_____________________________________________________________________________
ผมเสียสติอย่างหนัก ร้องลั่นสะพาน กระทืบเท้าเหมือนคนบ้า ร้องและเดินไปเดินมาร้อนรน และพร้อมที่จะกระโดดลงไปตามกล้อง แต่โชคดีที่มีคนมาชุดเอาไว้ จังหวะนั้นผมขาดสติและร้องลั่น ชาวบ้านก็ต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอผมรวมสติได้มองลงไปเห็นเด็กที่กำลังว่ายน้ำอยู่แถวๆ นั้น ผมเลยตะโกนบอกว่า ทำยังไงก็ให้ช่วยเอากล้องผมขึ้นมาให้หน่อย เด็กๆ ประมาณ 7-8 คนช่วยกันงมขึ้นมา กับสภาพกล้องที่เปียกโชก ชุ่มไปด้วยน้ำ ผมนั่งไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั้งจะขับรถ ในหัวว่างเปล่าเหมือนคนเมา นั่งอยู่ตรงนั้นนานพอสมควรจะชาวบ้านมาพยุงผมออกจากสะพานไป ผมโทรเรียกเพื่อนให้มารับกลับหอ เพราะผมขับรถไม่ได้แล้ว ไม่มีแรงเลย...
ผมมีทริปไปถ่ายภาพที่สิงคโปร์สิ้นเดือนนี้ และเสาร์ อาทิตย์นี้มีถ่ายแบบ และเพิ่งซื้อแฟรชมา กะว่าจะเรียนรู้การใช้เฟรช และผมจะเปิดเพจภาพถ่ายเร็วๆ นี้ ทุกอย่างเลือนหายไป ผมรู้ถึงชะตากรรมของอุปกรณ์ของผมดี ถึงเอากลับมาใช้งานได้ก็คงไม่ดีเหมือนเก่า เงินที่ผมลงทุนไป ก็ต้องนับหนึ่งไหม่
ส่วนภาพด้านบนก็คือภาพสุดท้ายของกล้องตัวนั้นของผม ก่อนที่จะร่วงลงไปในน้ำ ที่แรกและที่สุดท้ายของมัน ผมทำภาพนี้อย่างตั้งใจมากๆ เพราะอยากให้มันเป็นภาพที่สวยที่สุด มันรวบรวมความรู้สึกและความทรงจำของผมเอาไว้ และผมคงจะเริ่มนับหนึ่งใหม่กับกล้องตัวใหม่ในตอนต่อไป..
ชีวิตคนเราก็งี้แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราต้องการ ของที่ผมรักและหวงที่สุด ก็ได้จากไปแล้ว แล้วยังไงต่อ ผมก็ทำเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว ผมเลือกชีวิตมาก่อนวัตถุซึ้งผมก็รู้สึกดี ของพวกนี้ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ก็แค่กล้องตัวเดียว ถึงกล้องจะพังไป แต่เมมโมรี่ก็ยังคงทำงานได้ มันอัลบั้มเช็ทภาพสุดท้ายที่ผมยังคงเก็บไว้..
ไม่รู้สิครับ ผมก็แค่อยากจะเล่าความรู้สึกให้ฟัง สำหรับช่างภาพแล้วกล้องก็เหมือนลูกชายคนหนึ่ง ไปไหนมาไหนด้วยเจอ พบเจออะไรด้วยกัน นั่งอยู่ด้วยกันทั้งคืน เจอสาวก็เจอด้วยกัน ทำงานก็ทำงานด้วยกัน พอวันหนึ่งมันหายไปก็ ใจหายเหมือนกัน
แต่ถึงกล้องผมจะพังไปสักกี่ตัว หรือหล่นไปสักกี่ครั้ง ยังไงตัวผมก็คือช่างภาพ มีหน้าที่คือบันทึกวันเวลาช่วงหนึ่งของโลกนี้เอาไว้ เรื่องเล่าของผมอาจจะน่าเบื่อหรือไม่มีสาระ แต่ก็หวังเล็กๆ ว่าจะมีใครสักคน ได้เข้าใจความรู้สึกที่ผมพยายามจะถ่ายถอดให้รับรู้ อาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะเล่าให้ใครก็ตามได้ฟัง และอยากให้ทุกคนอย่ายึดกับอะไรมากจนเกินไปน่ะครับ เสียใจได้แต่เข็มวินาทีมันก็ไม่หยุดอยู่กับที่ให้เรา เวลามันก็ยังคงเดินต่อไป ผมทำได้เพียงสู้ต่อไป และเดินตามฝันไปให้จบ การเดินทางมันชั่งยาวไกลเหมือนกันทุกคน อย่าได้ท้อแท้ในชีวิตน่ะครับ
ขอบคุณครับ และฝากผลงานอีกรูปหนึ่งไว้ครับ