ปูติน คิดหนัก!!! ตะวันตกคว่ำบาตร เริ่มทำเศรษฐกิจรัสเซีย ซวนเซ!!!

ปูติน คิดหนัก!!! ตะวันตกคว่ำบาตร เริ่มทำเศรษฐกิจรัสเซีย ซวนเซ!!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     9 สิงหาคม 2557



ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

       มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กำลังกลายเป็นแรงกดดันอย่างหนักต่อรัสเซีย ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เหลือทางเลือกไม่มากนักที่จะทำให้วิกฤตความขัดแย้งในยูเครนจบลงโดยที่รัสเซียไม่ต้องเป็นฝ่ายเสียหน้า หรือว่าสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมากไปกว่านี้
       
       ที่ผ่านมา ปูติน อาจคิดว่ารัสเซียสามารถปล่อยให้ปัญหายูเครนคุกรุ่นต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ยุโรปก็คงไม่กล้าที่จะคว่ำบาตรไปได้นาน เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของตนเอง เข้าทำนอง “หยิกเล็บเจ็บเนื้อ”
       
       ทว่าเมื่อเกิดกรณีเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ถูกยิงตกเหนือเขตอิทธิพลของกบฏโปรรัสเซียเมื่อเดือนกรกฎาคม คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ 298 คน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นชาวเนเธอร์แลนด์ถึง 193 ชีวิต สหภาพยุโรปก็ถูกบีบให้ต้องตอบโต้รัสเซียอย่างจริงจัง
       
       นับเป็นครั้งแรกที่อียูและสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อ “ทุกภาคส่วน” ของแดนหมีขาว ส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถเข้าถึงตลาดทุนในยุโรป ตลอดจนเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหม่ๆ ทั้งยังถูกปิดกั้นการจำหน่ายอาวุธด้วย
       
       แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรัสเซียยอมรับว่า นโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกส่งผลกระทบต่อค่าเงินรูเบิล และทำให้เศรษฐกิจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่จำนวนชาวรัสเซียที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศก็ลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง
       
       นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า บทลงโทษของตะวันตกจะส่งผลกระทบต่อรัสเซียทีละน้อย ค่อยๆ บั่นทอนเศรษฐกิจที่เฉียดกรายสู่ภาวะถดถอยอยู่แล้ว แต่คำถามที่น่าคิดกว่าก็คือ แผนกดดันของตะวันตกจะมีผลในเชิงการเมืองจนทำให้ ปูติน เลิกหนุนหลังกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน และยอมหันมาช่วยหาทางออกอย่างสันติหรือไม่
       
       อดัม สเลเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ระบุว่า แม้การเลิกยุ่งเกี่ยวกับยูเครนจะเป็นประโยชน์ต่อรัสเซียในทางเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่า ผู้นำมอสโกจะเลือกเดินทางนี้
       
       “กลยุทธ์ทางการเมืองของประธานาธิบดี ปูติน อาจจะแตกต่างจากผู้นำชาติอื่นๆ อย่างมาก” สเลเตอร์ บอกไว้ในรายงานของเขา



ธนบัตรสกุลเงินรูเบิลของรัสเซีย

       ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ปูติน มีภาพลักษณ์ “ผู้นำเข้มแข็ง” ที่กล้ายืนหยัดต่อกรกับตะวันตก และยังแสดงบทผู้ปกป้องพลเมืองเชื้อสายรัสเซียมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปัญหาในยูเครนเริ่มปะทุขึ้น เขาจำเป็นที่จะต้องรักษาภาพลักษณ์เหล่านี้เอาไว้ให้ได้
       
       ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ปูติน “ควรแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูต เพื่อที่มาตรการคว่ำบาตรจะได้ถูกยกเลิก เศรษฐกิจรัสเซียก็จะเติบโตต่อไปได้ และมอสโกก็จะมีความสัมพันธ์อันดีกับยูเครน”
       
       อย่างไรก็ตาม โอบามา ยอมรับว่า “คนบางคนไม่ได้ทำอะไรด้วยเหตุผลเสมอไป”
       
       อันเดรย์ โคเลสนิคอฟ นักหนังสือพิมพ์ผู้ติดตามการดำเนินนโยบายของ ปูติน มานาน ชี้ว่า เหตุเครื่องบิน MH17 ถูกยิงตกถือเป็นโอกาสดีที่ผู้นำรัสเซียจะตีตัวออกห่างจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
       
       “การตายของพลเมืองผู้บริสุทธิ์ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ถือเป็นเส้นแดง ปูติน จะไม่มีวันข้าม เขาคงตัดขาดกับพวกกบฏแน่นอน” โคเลสนิคอฟ เขียนเอาไว้ในหนังสือพิมพ์รายวัน Kommersant ของรัสเซีย
       
       อย่างไรก็ดี ผู้สังเกตการณ์คนอื่นๆ กลับมองว่าการถอนตัวของมอสโกอาจไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ปูติน ได้ประกาศตัวเป็นผู้ปกป้องพลเมืองเชื้อสายรัสเซียที่ถูกพวก “นีโอฟาสซิสต์” ในยูเครนข่มเหงรังแก และยังถูกพวกชาตินิยมจัดในประเทศกดดันให้ส่งทหารเข้าไปแทรกแซงยูเครนด้วย
       
       คอนสแตนติน กาลาเชฟ หัวหน้าสถาบันวิจัย Political Expert Group ในกรุงมอสโก ระบุว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ ปูติน ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ตัดสัมพันธ์กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน เวลานี้เขาจึงเหมือนคนเล่นหมากรุกที่เลือกเดินทางไหนก็มีแต่ “เสียกับเสีย”
       
       “ปูติน คำนวณพลาด เขาคิดว่ารัสเซียสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้” กาลาเชฟ กล่าว พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่มอสโกเลือกใช้วิธีทางทหารกับกบฏมุสลิมในเชชเนียมาโดยตลอด



ธงชาติยูเครน

       หากว่า ปูติน มีแผนที่จะทำให้ตะวันตกจนแต้มและหมดปัญญากล่าวหารัสเซียในเรื่องยูเครน โศกนาฏกรรม MH17 ก็ถือเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
       
       สหรัฐฯ เองไม่รอช้าที่จะถล่มรัสเซียซ้ำ โดยออกมากล่าวหาว่ามอสโกทดสอบยิงขีปนาวุธร่อนซึ่งถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty - INF) ปี 1987 ซึ่งห้ามการครอบครอง ผลิต หรือทดสอบขีปนาวุธร่อนที่มีพิสัยเดินทางระหว่าง 500-5,500 กิโลเมตร
       
       อเล็กเซย์ อาร์บาตอฟ หัวหน้าศูนย์ความมั่นคงนานาชาติ สถาบันเศรษฐศาสตร์โลกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กรุงมอสโก ให้สัมภาษณ์ต่อ Kommersant ในสัปดาห์นี้ว่า การที่สหรัฐฯ ออกมาร้องเรียนพฤติกรรมของรัสเซียให้โลกรับรู้ถือเป็น “สงครามจิตวิทยา” อย่างหนึ่ง ส่วน ดมิตรี โปลิกานอฟ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัย PIR ชี้ว่า หลังจากที่สนธิสัญญาไอเอ็นเอฟถูกฉีก “สหรัฐฯ อาจถือว่าตนมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะติดตั้งขีปนาวุธในยุโรปตะวันออก ซึ่งจะเป็นการข่มขู่รัสเซียอย่างขัดแจ้ง”
       
       ทั้งนี้ หาก ปูติน เลือกที่จะส่งทหารแทรกแซงยูเครนตะวันออกอย่างเต็มรูปแบบ อาจทำให้รัสเซียถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยวหนักขึ้น และยิ่งเปิดทางให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มีข้ออ้างที่จะขยายบทบาทในยุโรปตะวันออก
       
       มาเรีย ลิปแมน นักวิเคราะห์การเมืองอิสระ มองว่าโอกาสที่ ปูติน จะแก้สถานการณ์ให้กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบเหลือน้อยเต็มที แต่ก็ยังไม่เป็นศูนย์เสียทีเดียว
       
       “ปูติน กำลังหาช่องทางลงที่ไม่ดูเป็นการยอมแพ้” เธอบอก
       
       ลิปแมน เตือนว่า หากตะวันตกต้องการให้การสู้รบในยูเครนยุติลงโดยเร็วก็ต้องหาวิธีเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับ ปูติน ให้ได้ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรเพียงอย่างเดียวนั้นจะส่งผลช้าเกินไป
       
       “การยุติสงครามควรเป็นเป้าหมายหลักของยุโรป ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากความร่วมมือของรัสเซีย” เธอกล่าวทิ้งท้าย

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000090661



ซากเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ซึ่งถูกยิงตกในยูเครน



----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปูตินจัดเต็ม!!! แบนอาหารตะวันตก!!! ไม่ถอยนโยบายยูเครน!!! คาด กระอักเลือดทั้ง 2 ฝ่าย!!!

http://pantip.com/topic/32427008
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่