ผมเป็นคนมีเพื่อนและญาติพี่น้องที่ทำทั้งอาชีะ ค้าขาย ธุรกิจส่วนตัว และ กินเงินเดือน
ส่วนผมเป็นอาชีพอิสระเหมือนกัน ผมจะได้ยินคนทำเงินเดือนชอบพูดว่า
คนแรก แฟนเก่าคนแรก โทรมาคุยเล่นด้วย
ยังไม่หางานการทำอีกเหรอ แกทำแบบนี้มันจะมั่นคงอะไร (เลิกกันไปหลายปีแล้ว เลิกกันเพราะสามเหตุว่าผมชอบดิ้นรนตามความฝัน บังคับให้ผมทำงาน แต่ผมหัวแข็ง ไม่ทำ ก็เลยเลิก จนป่านนี้เลิกกันไป7ปีแล้ว ก็ยังโทรมาแขวะเราอีกแน่ะ ในขณะที่ผมเองไม่เคยว่าเธอ อยากทำงานก็ทำไปสิ ไม่เข้าใจว่าแขวะทำไม แขวะเพื่อให้ตัวเองดูถูกต้องหรือ)
คนที่สอง ญาติผม ไปกินข้าวตามร้านอาหาร
ตอนเล็กๆไม่รู้จักเรียน โตขึ้นมาต้องลำบากขายของข้างถนน (เขาอาจจบโทมาก็ได้ แต่เขาชอบแบบนี้)
เป็นต้น
อันนี้มันแล้วแต่มุมมอง ผมเคยทำseo ขายของ วันนึงรายได้ไม่ต่ำกว่า5000มาแล้ว แต่เพราะมันเป็นเว๊บใต้ดิน เลยโดนเล่นไป
ปัจจุบันทำก๊อกๆแก๊กๆ เอาเงินที่สะสมช่วงนั้นทำบ้านเช่า เก็บกินเดือนละเกือบสองหมื่น ขายของในเฟสบุค และ เขียนหนังสือบ้าง ก็พออยู่ได้ 3หมื่นต่อเดือน วันๆก็นั่งๆนอนๆอยู่บ้านก็มีเงินใช้
ผมไม่มีใครด่า ชี้นิ้ว อยากตื่นก็ตื่น อยากนอนก็นอน อยากทำก็ทำ ไม่อยากก็พัก
อย่างญาติผมคนนั้น คงไม่เคยเห็นพ่อค้าที่เขาขายได้วันละ5000ขึ้น เพื่อนผมจบรัฐศาตร์รามมาขายก๋วยเตี๋ยว มันเอาปริญญายัดตู้แล้วขายก๋วยเตี๋ยว
แต่ในมุมมองคนค้าขายเหมือนกัน
เพื่อนผมคนนึงเป็นช่างสัก สักรูปนึงไม่ต่ำกว่า 1000 รูปเล็กๆ นะ เดี๋ยวนี้ผีเสื้อตัวเล็กๆตัวละ2พัน เต็มแขนหลักหมื่น คนนี้ก็ชอบแขวะคนทำเงินเดือน
โอ้ย ทำเงินเดือน แหกขี้ตาไปทำงาน เงินเดือนก็เท่าเดิมทุกเดือน เรียนมาซะสูง เพื่อมาโดนเขาโขกสับ ทำไมไม่ออกมาหาอะไรทำกันนะพวกนี้
ไปหาทีไรเพื่อนผมคนนี้ชอบพูดแบบนี้ทุกที
ผมว่าอาชีพไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ
ผมมองข้อดีทั้งสองแบบ
เงินเดือน อย่างน้อยมีเงินทุกเดือน แต่แลกมาด้วยการขาดอิสระภาพ
เงินไม่เดือน ผมก็เคยจมทุนมาเยอะ การลงทุนมีความเสี่ยง ยกเว้นบ้านเช่า หรือ ช่างสักแบบเพื่อนผมอะนะ ที่ดูแล้วลงฝีมืออย่างเดียว
(แต่ค่าสี ค่าเช่าร้านก็แพงอยู่นะ)
แต่ทุกอาชีพก้มีข้อเสียของมัน ทำไมคนหลายคนต้องดูแคลนคนที่ทำงานอยู่คนละฝั่งกับตัวเองนะ
ทำไมผมเห็นหลายคน ชอบมองดูถูกอาชีพอื่นที่ต่างจากตัวเอง
ส่วนผมเป็นอาชีพอิสระเหมือนกัน ผมจะได้ยินคนทำเงินเดือนชอบพูดว่า
คนแรก แฟนเก่าคนแรก โทรมาคุยเล่นด้วย
ยังไม่หางานการทำอีกเหรอ แกทำแบบนี้มันจะมั่นคงอะไร (เลิกกันไปหลายปีแล้ว เลิกกันเพราะสามเหตุว่าผมชอบดิ้นรนตามความฝัน บังคับให้ผมทำงาน แต่ผมหัวแข็ง ไม่ทำ ก็เลยเลิก จนป่านนี้เลิกกันไป7ปีแล้ว ก็ยังโทรมาแขวะเราอีกแน่ะ ในขณะที่ผมเองไม่เคยว่าเธอ อยากทำงานก็ทำไปสิ ไม่เข้าใจว่าแขวะทำไม แขวะเพื่อให้ตัวเองดูถูกต้องหรือ)
คนที่สอง ญาติผม ไปกินข้าวตามร้านอาหาร
ตอนเล็กๆไม่รู้จักเรียน โตขึ้นมาต้องลำบากขายของข้างถนน (เขาอาจจบโทมาก็ได้ แต่เขาชอบแบบนี้)
เป็นต้น
อันนี้มันแล้วแต่มุมมอง ผมเคยทำseo ขายของ วันนึงรายได้ไม่ต่ำกว่า5000มาแล้ว แต่เพราะมันเป็นเว๊บใต้ดิน เลยโดนเล่นไป
ปัจจุบันทำก๊อกๆแก๊กๆ เอาเงินที่สะสมช่วงนั้นทำบ้านเช่า เก็บกินเดือนละเกือบสองหมื่น ขายของในเฟสบุค และ เขียนหนังสือบ้าง ก็พออยู่ได้ 3หมื่นต่อเดือน วันๆก็นั่งๆนอนๆอยู่บ้านก็มีเงินใช้
ผมไม่มีใครด่า ชี้นิ้ว อยากตื่นก็ตื่น อยากนอนก็นอน อยากทำก็ทำ ไม่อยากก็พัก
อย่างญาติผมคนนั้น คงไม่เคยเห็นพ่อค้าที่เขาขายได้วันละ5000ขึ้น เพื่อนผมจบรัฐศาตร์รามมาขายก๋วยเตี๋ยว มันเอาปริญญายัดตู้แล้วขายก๋วยเตี๋ยว
แต่ในมุมมองคนค้าขายเหมือนกัน
เพื่อนผมคนนึงเป็นช่างสัก สักรูปนึงไม่ต่ำกว่า 1000 รูปเล็กๆ นะ เดี๋ยวนี้ผีเสื้อตัวเล็กๆตัวละ2พัน เต็มแขนหลักหมื่น คนนี้ก็ชอบแขวะคนทำเงินเดือน
โอ้ย ทำเงินเดือน แหกขี้ตาไปทำงาน เงินเดือนก็เท่าเดิมทุกเดือน เรียนมาซะสูง เพื่อมาโดนเขาโขกสับ ทำไมไม่ออกมาหาอะไรทำกันนะพวกนี้
ไปหาทีไรเพื่อนผมคนนี้ชอบพูดแบบนี้ทุกที
ผมว่าอาชีพไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ
ผมมองข้อดีทั้งสองแบบ
เงินเดือน อย่างน้อยมีเงินทุกเดือน แต่แลกมาด้วยการขาดอิสระภาพ
เงินไม่เดือน ผมก็เคยจมทุนมาเยอะ การลงทุนมีความเสี่ยง ยกเว้นบ้านเช่า หรือ ช่างสักแบบเพื่อนผมอะนะ ที่ดูแล้วลงฝีมืออย่างเดียว
(แต่ค่าสี ค่าเช่าร้านก็แพงอยู่นะ)
แต่ทุกอาชีพก้มีข้อเสียของมัน ทำไมคนหลายคนต้องดูแคลนคนที่ทำงานอยู่คนละฝั่งกับตัวเองนะ