.....ท้องฟ้ามืดแล้ว เงามืดแห่งรัตติกาลราตรีได้แผ่ขยายเข้าปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า ความมืดได้เข้าแทนที่แสงสว่างยามกลางวันจนหมดสิ้น อนุญาตให้เพียงแสงดาวจับจองพื้นที่จุดเล็กๆบนฟ้าได้ประปราย บนพื้นดินก็มีเพียงแสงไฟจากความเจริญศิวิลัยในเมืองใหญ่ที่มองเห็นได้จากไกลตา สอดแทรกตัวท่านกลางเงามืดสลัว สิ่งมีชีวิตยามค่ำคืนต่างออกมาหากินตามสัญชาติญาณแทนที่สิ่งมีชีวิตยามกลางวันที่หลบเลี่ยงเข้ารวงรังเพื่อพักผ่อน
แต่ยังมีอยู่ที่หนึ่ง ที่มีมนุษย์ซึ่งปกติดำรงชีวิตยามกลางวันกลางคืนพักผ่อน กลับไม่ยอมหลับใหลลงตามวงเวียนชีวิต
เสียงเอะอะมะเทิ่งดังอย่างไม่เกรงใจใคร ออกมาจากห้องรับแขกข้างๆ
พ่อเมาอีกแล้ว ระยะหลังมานี่พ่อชักจะกินเหล้าถี่เกินไปแล้ว มิหนำซ้ำเวลากินเหล้าของพ่อกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบสว่าง หญิงไม่ต้องได้นอนหลับไปกับพ่อด้วย พอถึงตอนเช้าพ่อก็จะโก่งคอโอ้กอ้ากคายของเก่าที่กินเข้าไปออกมา จากนั้นก็สะลืมสะลือด้วยอาการเมาค้างไปทั้งวัน ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่สะลืมสะลือ หญิงเองก็สะลึมสะลือเพราะการอดนอนไปด้วย
พ่อของหญิงเป็นคนดื่มหนัก ดื่มได้อย่างไม่มีข้อจำกัดแม้ต้องดื่มคนเดียว และปริมาณที่ดื่มก็ไม่เคยต่ำกว่าครั้งล่ะสองกลม และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะเมื่อปีก่อน พ่อจะดื่มแค่เพียงหนึ่งกลมกับอีกแบนเท่านั้น พ่อดื่มจนสุขภาพตัวเองทรุดโทรม แม้ไม่ถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ก็เห็นได้ชัด ด้วยขอบตาที่ดำคล้ำ นัยน์ตาเริ่มมีเส้นเลือดแตกพร่า ดวงตาเริ่มบวมและเหลืองเหมือนสีน้ำมฤตยูที่พ่อดื่มเข้าไปทุกที หญิงไม่เคยเข้าใจเลย ว่าพ่อชอบดื่มไอ้น้ำบ้าๆนั้นได้อย่างไร เธอเคยแอบลองขโมยมาทดลองกินดูบ้าง แต่เพียงแค่อึกแรกหญิงก็ร้อนผ่าวไปทั้งช่องปาก พอกลืนลงคอความขมฝาดก็บาดจนคอแทบจะขาด ร้อนวูบวาบในท้องแสนจะทุกข์ทรมาน แค่อึกเดียวไม่ถึงแก้วที่เธอขโมยกินทำให้เธอเข็ดขยาดไม่กล้าที่จะลิ้มลองมันอีกเลย
นับครั้งไม่ได้ว่าเธอเคยขอร้องให้พ่อเลิกดื่มน้ำเปลี่ยนนิสัยนี้มากี่ครั้งแล้ว รู้แต่เพียงว่าทุกครั้งที่เธออ้าปากพูดเรื่องนี้เป็นต้องโดนด่ากลับมาทุกครั้ง พ่อด่าเธอว่าเธอเป็นลูกนะไม่ใช่เป็นแม่จะได้มาคอยสั่งสอนห้ามปราม เหล้าคือน้ำเปลี่ยนนิสัยจริงๆ เพราะเวลาปกติที่พ่อไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ได้เมา พ่อจะเป็นคนที่มีเหตุผลและยอมรับฟังเธอได้ทุกเรื่อง แต่พอเหล้าเข้าปากพ่อกลับกลายเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆเลย
ต่อให้เอาเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันมาอ้างให้พ่อเลิกดื่ม ก็จะได้ฟังคำพูดที่หญิงสุดแสนจะเจ็บปวด “ความสุขของกู คนอื่นไม่ต้องมายุ่ง...!” หญิงเจ็บปวดเพราะเธอไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคนใกล้ชิดที่สุดที่พ่อเหลืออยู่ นับตั้งแต่ที่แม่หนีไปกับชายอื่น
วันที่แม่จากไปเป็นวันแรกที่พ่อดื่มเหล้า และดื่มเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แม่ทิ้งเธอไปตั้งแต่หญิงอายุได้ 9 ขวบ จนบัดนี้เธอ 18 แล้วเป็นช่วงวัยชีวิตวัยเรียนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยแล้ว ฉะนั้นเธอโตเกินพอที่จะรู้ว่า โทษของสิ่งที่พ่อใช้บำบัดความเสียใจนั้นมันร้ายแรงเพียงใด แม้เธอจะเข้าใจเหตุผลที่พ่อเลือกมันเป็นเครื่องดับทุกข์ก็ตาม แต่พ่อก็น่าที่จะคิดเองได้ว่า เหล้าไม่ได้ทำให้พ่อหมดทุกข์ที่แม่ทิ้งไปเลย มิหนำซ้ำมันยิ่งทำให้พ่อจมดิ่งอยู่ในห้วงความเจ็บปวดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
แต่ถึงให้ตอนนี้ให้พ่อคิดได้ก็สายเกินไป พ่อติดเหล้าเสียแล้ว
ยังถือเป็นโชคดีที่เมื่อก่อนตอนที่แม่ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเธอ พ่อตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำงานหนักจนเก็บเงินไว้เยอะพอดู และพ่อยังชาญฉลาดพอที่จะเอาเงินที่เก็บได้ไปลงทุนทำหอพักนักศึกษา เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินมากกว่าการฝากธนาคาร ทุกวันนี้ถึงพ่อจะไม่ได้ทำงานเพราะพ่อคิดว่าการทำงานหนักของตัวเอง เป็นสาเหตุให้แม่ทิ้งพ่อไป พ่อก็ยังมีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูหญิงได้อย่างสบาย แต่เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักที่หญิงต้องการ หญิงต้องการพ่อที่เธอรักคนเดิมกลับมามากกว่า
ทุกวันนี้หญิงได้แต่เก็บเอาความทุกข์ใจไว้อยู่คนเดียว ไม่ใช่ทุกข์ใจที่ต้องอดหลับอดนอน หรือเพราะเสียงเอะอะของพ่อยามเมา แต่เธอทุกข์เพราะห่วงสุขภาพของพ่อ หญิงไม่อยากคิดถึงวันที่พ่อถูกโรคร้ายเข้าคุกคาม ตับแข็ง มะเร็งตับ พิษสุราเรื้อรัง หรืออุบัติเหตุกำลังรอคอยพ่อของเธออย่างใจจดใจจ่อ
และในที่สุดหน้าที่ของเธอในคืนนี้ก็เริ่มต้นขึ้น เสียงเอะเอะของพ่อเงียบหายไปแล้ว เธอซึ่งรอคอยเวลานี้อยู่ออกจากห้องไปทำหน้าที่ ที่ไม่มีใครมอบหมาย แต่ทำเพราะด้วยจิตสำนึกความกตัญญู เธอออกไปประคองพ่อให้ได้นอนอยู่บนโชฟาให้เรียบร้อย โซฟาตัวเดียวกับที่พ่อใช้นั่งดื่มบำบัดความทุกข์นั่นแหละ ที่นี้กลายเป็นที่นอนประจำของพ่อไปแล้ว หญิงไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพาพ่อกลับเข้าห้องนอนได้ จึงต้องให้บิดาผู้ให้กำเนิดนอนอยู่ตรงนี้ เธอจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวขับไล่ความสกปรกของเหงื่อไคลให้ ก่อนที่จะจัดการเก็บเศษซากของความสุขของพ่อ เก็บขวดเหล้าขวดโซดาออกไปจากห้องรับแขก ไปกองไว้ในโรงรถ ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีที่ว่างให้ใช้ทำอย่างอื่นนอกจากเป็นที่สุมกองขวดเหล้า คงถึงเวลาแล้วที่หญิงต้องเรียกรถรับซื้อของเก่ามาจัดการกับอนุสาวรีย์น้ำเมานี้เสียที
คืนนี้ถือเป็นโชคดีสำหรับหญิง เพราะพ่อเมาหลับเร็วกว่าทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นคงต้องถ่างตารอจนถึงตีสองตีสามอีกตามเคย พ่อเคยบอกับเธอว่าไม่ต้องคอยอยู่ปรนนิบัติ ปล่อยให้พ่อหลับพับคาแก้วเหล้าก็ได้ แต่หญิงทำไม่ได้ เธออ่อนแอเกินกว่า ที่จะเห็นสภาพแบบนั้นของพ่อ แล้วที่สำคัญเธอกลัวว่าพ่อจะเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มด้วย เพราะถ้าเธอยังไม่หลับก็อาจจะสามารถเข้ามาช่วยพ่อได้ทันหากว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
ใกล้เอนทรานต์แล้ว หญิงรู้สึกหวั่นวิตกเหลือเกิน เรื่องสอบไม่ติดหรือทำข้อสอบไม่ได้นั่นไม่ใช่เรื่องที่เด็กหัวดีอย่างเธอกังวล แต่เธอกลัวว่าหากเธอสอบติดที่มหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ใครจะคอยดูแลพ่อแทนเธอเล่า?
วันต่อมา.....
หญิงกลับจากโรงเรียนโดยซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งกลับมา ผู้เป็นพ่อนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้านรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“พ่อขา สวัสดีค่ะ”ผู้เป็นลูกยกมือไหว้ ก่อนที่จะทำท่าเดินเข้าบ้านไป
“อย่าเพิ่งไป”มือที่ถือแก้วเหล้าของเขาสั่นระริก น้ำเสียงก็ฟังดูดุดันบ่งบอกถึงอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี
“เดี๋ยวนี้ แกริอ่านมีแฟนแล้วรึ”คำสรรพนามที่ใช้เรียกลูกสาวถูกเปลี่ยนจากคำสุภาพเป็นคำที่ไม่น่าฟัง
“เปล่านี้ค่ะ แค่......”
“แล้วไอ้ผู้ชายที่มาส่งเมื่อกี้เป็นใคร..?”เขาไม่ปล่อยให้ลูกสาวพูดจนจบ ชิงชี้ไม้ชี้มือตาหลังเด็กหนุ่มต้นเหตุของความโกรธในใจ ถามความสงสัยของตัวเองทันที
“เพื่อนค่ะพ่อ”หญิงพยายามอธิบาย สายตาลูกจ้องมองเขาเหมือนบอกให้เชื่อใจตัวเธอ
“ไม่ต้องมาแก้ตัว วันหลังอย่าให้เห็นอีกนะว่ามีผู้ชายมาส่ง”ผู้เป็นพ่อตอบสนองสายตาลุกวาวด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยม และเริ่มคิดว่าจะคอยแอบจับสังเกตพฤติกรรมไม่ให้ลูกสาวรู้ตัว
เหมือนคำที่ว่า “ยามระแวง ทุกสิ่งย่อมน่าสงสัยไปหมด”เมื่อเขาเห็นลูกสาวคุยโทรศัพท์ด้วยอากัปกิริยาหัวร่อต่อกระซิกอยู่นาน ทั้งที่ปกติลูกสาวเขาทำแบบนี้เสมอยามรับโทรศัพท์จากเพื่อน ความห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ แต่เพราะพิษสุราทำให้เขาแสดงออกมา ในลักษณะก้าวร้าวเกินที่ลูกสาวจะรับไหว
“อีหญิง เดี๋ยวนี้ชักจะแรดเกินไปแล้วนะ”นี้เป็นคำหยาบคายที่สุดที่เขาเคยพูดกับลูก
“อะไรคะพ่อ”หญิงที่เพิ่งวางหูโทรศัพท์ลง พูดได้แค่นั้นน้ำตาก็คลอเบ้า ก้อนความเสียใจจกแน่นอยู่ในลำคอจะไม่สามารถพูดต่อได้
“แกชักจะทำตัวแรดเหมือนแม่แกไปทุกทีแล้วนะ อยากมีผัวนักหรือไง”เขากระแทกเสียงใส่ลูก ด่าทอด้วยความเสียใจทั้งหมดทั้งมวลในอดีต
“หนูทำอะไรผิดคะ พ่อถึงได้ว่าหนูแบบนี้”หญิงสะกดกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยให้มันรินไหลอาบแก้มเสียงสะอึกสะอื้นจนพูดจะฟังไม่ได้ศัพท์ บ่งบอกถึงความความเสียใจ
“แล้วนี้อะไร...?”เขาเดินไปหยิบสมุดเฟรนชิพก่อนจบการศึกษาของลูก ที่เขาถือวิสาสะเข้าไปแอบเอาออกมาดูนอกห้องของเธอ มายื่นตรงหน้าลูกสาว เปิดหน้าที่มีภาพที่ค้างคาใจของเขาเหลือเกินให้เจ้าของภาพไขข้อข้องใจให้เขา เพราะภาพตัวปัญหา คือภาพของลูกสาวเขาถ่ายคู่กับเพื่อนชายสองต่อสองอย่างสนิทสนม
“โธ่ พ่อขา แบบนี้ใครๆเขาก็ทำกันค่ะ”หญิงพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่า ก่อนจบการศึกษาพวกเธอและเพื่อนก็อยากจะมีความทรงจำเก็บไว้เป็นที่ระลึก จึงไม่ได้ถือเรื่องข้อแตกต่างระหว่างหญิงชาย แล้วก็เปิดหน้าอื่นๆให้เขาดู ชี้แต่ล่ะรูปให้เขาเห็นว่าทุกๆรูปก็มีลักษณะคล้ายๆกัน ไม่ได้เจาะจงทำท่าแบบนั้นกับใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
“แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร”เสียงเขาอ่อนลงแล้วเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ลูกสาวอธิบาย แต่ดวงตายังจ้องเหมือนจะสืบหาความจริงจากใบหน้าของผู้เป็นลูกอยู่
“เพื่อนค่ะ แหม่มไงคะ ไม่เชื่อพ่อลองโทรไปถามแหม่มตอนนี้ได้เลยค่ะ”หญิงบอกชื่อเพื่อนคนสนิทของเธอกับเขา ซึ่งเขาก็รู้จักเพื่อนลูกคนนี้ดี
“งั้น ก็แล้วไป แต่อย่าให้พ่อรู้นะ ว่าลูกทำอะไรเกินสมควร”เขาพูดเสียงอ่อนลง แต่ทิ้งท้ายเป็นความหมายเชิงขู่ ก่อนที่จะเดินไปจมปลักกับน้ำเมาเหมือนเดิม ทิ้งบุตรสาวให้ยืนสะอื้นกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา
เรื่องราวในครั้งนี้ทำให้ระดับความเชื่อใจในความรักของอีกฝ่าย ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายลูกสาวแม้จะร้องไห้เสียใจที่ถูกผู้อันเป็นที่รักที่สุดดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่ในใจลึกๆเธอก็มีความยินดี ที่พ่อยังห่วงเธอยังสนใจเธออยู่บ้าง ไม่ได้ทุ่มเทเวลาให้น้ำเมาจนหมด แต่ฝ่ายผู้เป็นพ่อ ผู้ที่ได้รับความรักจากลูกมาโดยตลอด ถึงเขาจะไม่แสดงออก แต่ก็ดีใจที่ลูกสาวเป็นคนกตัญญู วันนี้เขากลับรู้สึกหวั่นใจ แม้ว่าสิ่งที่ลูกสาวอธิบายจะทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้ เขากลัวมีบางสิ่งมาเปลี่ยนแปลงลูกสาวที่น่ารักของเขาไป ทั้งสองพ่อลูกช่างคิดต่างกันสิ้นเชิง
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของครอบครัวนี้ได้เลย เสียงเอะอะของพ่อยังดังอยู่เหมือนทุกวัน จนหญิงไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เธอปารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากให้พ่อเลิกตกเป็นทาสน้ำเมานี้เสียที มีวิธีไหนบ้างนะ ที่จะทำให้เธอได้สมอย่างใจหวัง
หญิงล้มตัวลงนอนก่ายหน้าพาก เพราะด้วยสภาพนี้เธอคงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแน่ๆ เธอนอนมองเพดานรอเวลาที่จะออกไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญู เพดานพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา เธอนอนคิดว่า หากตอนนี้เธอมีของล้ำค่าอยู่ในมือ...และต้องสุญเสียมันไปเพื่อให้เธอได้พ่อคนเดิมที่ไม่เป็นทาสของสุรากลับมา ไม่ว่าของล้ำค่านั้นจะเป็นอะไร เธอก็จะไม่ลังเลเลยที่จะสูญเสียมันไป
และสภาพแบบนี้ก็ดำเนินต่อมาอีกสักพัก ในลักษณะที่พ่อนึกเป็นห่วงลูกสาว หวั่นวิตกในใจ ส่วนผู้เป็นลูกหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก คือหวังให้พ่อหยุดทำร้ายตัวเองด้วยน้ำเมาเสียที
จนมาถึงวันหนึ่ง วันที่ทุกอย่างจบลง..................
แสงแดดร้อนแรงสมกับเป็นเวลาตอนเที่ยงวัน ร้อนจนถนนคอนกรีตส่งไอร้อนระอุขึ้นเป็นไอ จนภาพที่ทองไปตามถนนที่ทอดตัวยาวออกไปบิดเบี้ยวจากรูปร่างเดิมในสายตา แต่ชายคนเดิมผู้เป็นพ่อ ไม่สนใจเวลาและสภาพอากาศ ยังนั่งจมปลักอยู่บนโซฟารับแขกตัวเดิม พร้อมด้วยขวดสุราและโซดาที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า วันนี้เป็นวันเสาร์ เขากะจะกินเหล้าทั้งวัน
แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นลูกสาวโทรศัพท์แล้วรู้สึกหงุดหงิด ในใจกำลังคิดถึงเรื่องที่เขาวิตกกังวล เพราะด้วยท่าทางหัวร่อต่อกระซิกของลูกสาวยามคุยโทรศัพท์ มันทำให้เขาอดระแวงไม่ได้ ว่ากำลังคุยกับเพื่อนอย่างที่ลุกเคยบอก
“เมื่อกี้คุยกับใคร..?” เขาถามลูกสาวอย่างอดรนทนไม่ได้
“แหม่มค่ะ”หญิงตอบผู้เป็นพ่อ
“ต่อไปไม่ต้องคุยแล้ว”เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“ใกล้สอบสอบแล้ว เอาเวลามาอ่านหนังสือดีกว่า มาคุยไร้สาระแบบนี้”เขายินยอมอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นลูกสาวหน้าหมองลง
“ไม่ได้ไร้สาระนะคะ เมื่อกี้เราคุยกันว่าจะไปติวหนังสือกันที่บ้านแหม่ม”เธอชี้แจงให้เขาฟัง
“แล้วหนู ก็อยากจะขออนุญาตพ่อ หนูขอไปติวได้ไหมค่ะ”
“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ..?”
“วันนี้แหละค่ะ”
น้ำมฤตยู
แต่ยังมีอยู่ที่หนึ่ง ที่มีมนุษย์ซึ่งปกติดำรงชีวิตยามกลางวันกลางคืนพักผ่อน กลับไม่ยอมหลับใหลลงตามวงเวียนชีวิต
เสียงเอะอะมะเทิ่งดังอย่างไม่เกรงใจใคร ออกมาจากห้องรับแขกข้างๆ
พ่อเมาอีกแล้ว ระยะหลังมานี่พ่อชักจะกินเหล้าถี่เกินไปแล้ว มิหนำซ้ำเวลากินเหล้าของพ่อกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบสว่าง หญิงไม่ต้องได้นอนหลับไปกับพ่อด้วย พอถึงตอนเช้าพ่อก็จะโก่งคอโอ้กอ้ากคายของเก่าที่กินเข้าไปออกมา จากนั้นก็สะลืมสะลือด้วยอาการเมาค้างไปทั้งวัน ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่สะลืมสะลือ หญิงเองก็สะลึมสะลือเพราะการอดนอนไปด้วย
พ่อของหญิงเป็นคนดื่มหนัก ดื่มได้อย่างไม่มีข้อจำกัดแม้ต้องดื่มคนเดียว และปริมาณที่ดื่มก็ไม่เคยต่ำกว่าครั้งล่ะสองกลม และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะเมื่อปีก่อน พ่อจะดื่มแค่เพียงหนึ่งกลมกับอีกแบนเท่านั้น พ่อดื่มจนสุขภาพตัวเองทรุดโทรม แม้ไม่ถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ก็เห็นได้ชัด ด้วยขอบตาที่ดำคล้ำ นัยน์ตาเริ่มมีเส้นเลือดแตกพร่า ดวงตาเริ่มบวมและเหลืองเหมือนสีน้ำมฤตยูที่พ่อดื่มเข้าไปทุกที หญิงไม่เคยเข้าใจเลย ว่าพ่อชอบดื่มไอ้น้ำบ้าๆนั้นได้อย่างไร เธอเคยแอบลองขโมยมาทดลองกินดูบ้าง แต่เพียงแค่อึกแรกหญิงก็ร้อนผ่าวไปทั้งช่องปาก พอกลืนลงคอความขมฝาดก็บาดจนคอแทบจะขาด ร้อนวูบวาบในท้องแสนจะทุกข์ทรมาน แค่อึกเดียวไม่ถึงแก้วที่เธอขโมยกินทำให้เธอเข็ดขยาดไม่กล้าที่จะลิ้มลองมันอีกเลย
นับครั้งไม่ได้ว่าเธอเคยขอร้องให้พ่อเลิกดื่มน้ำเปลี่ยนนิสัยนี้มากี่ครั้งแล้ว รู้แต่เพียงว่าทุกครั้งที่เธออ้าปากพูดเรื่องนี้เป็นต้องโดนด่ากลับมาทุกครั้ง พ่อด่าเธอว่าเธอเป็นลูกนะไม่ใช่เป็นแม่จะได้มาคอยสั่งสอนห้ามปราม เหล้าคือน้ำเปลี่ยนนิสัยจริงๆ เพราะเวลาปกติที่พ่อไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ได้เมา พ่อจะเป็นคนที่มีเหตุผลและยอมรับฟังเธอได้ทุกเรื่อง แต่พอเหล้าเข้าปากพ่อกลับกลายเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆเลย
ต่อให้เอาเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันมาอ้างให้พ่อเลิกดื่ม ก็จะได้ฟังคำพูดที่หญิงสุดแสนจะเจ็บปวด “ความสุขของกู คนอื่นไม่ต้องมายุ่ง...!” หญิงเจ็บปวดเพราะเธอไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคนใกล้ชิดที่สุดที่พ่อเหลืออยู่ นับตั้งแต่ที่แม่หนีไปกับชายอื่น
วันที่แม่จากไปเป็นวันแรกที่พ่อดื่มเหล้า และดื่มเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แม่ทิ้งเธอไปตั้งแต่หญิงอายุได้ 9 ขวบ จนบัดนี้เธอ 18 แล้วเป็นช่วงวัยชีวิตวัยเรียนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยแล้ว ฉะนั้นเธอโตเกินพอที่จะรู้ว่า โทษของสิ่งที่พ่อใช้บำบัดความเสียใจนั้นมันร้ายแรงเพียงใด แม้เธอจะเข้าใจเหตุผลที่พ่อเลือกมันเป็นเครื่องดับทุกข์ก็ตาม แต่พ่อก็น่าที่จะคิดเองได้ว่า เหล้าไม่ได้ทำให้พ่อหมดทุกข์ที่แม่ทิ้งไปเลย มิหนำซ้ำมันยิ่งทำให้พ่อจมดิ่งอยู่ในห้วงความเจ็บปวดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
แต่ถึงให้ตอนนี้ให้พ่อคิดได้ก็สายเกินไป พ่อติดเหล้าเสียแล้ว
ยังถือเป็นโชคดีที่เมื่อก่อนตอนที่แม่ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเธอ พ่อตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำงานหนักจนเก็บเงินไว้เยอะพอดู และพ่อยังชาญฉลาดพอที่จะเอาเงินที่เก็บได้ไปลงทุนทำหอพักนักศึกษา เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินมากกว่าการฝากธนาคาร ทุกวันนี้ถึงพ่อจะไม่ได้ทำงานเพราะพ่อคิดว่าการทำงานหนักของตัวเอง เป็นสาเหตุให้แม่ทิ้งพ่อไป พ่อก็ยังมีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูหญิงได้อย่างสบาย แต่เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักที่หญิงต้องการ หญิงต้องการพ่อที่เธอรักคนเดิมกลับมามากกว่า
ทุกวันนี้หญิงได้แต่เก็บเอาความทุกข์ใจไว้อยู่คนเดียว ไม่ใช่ทุกข์ใจที่ต้องอดหลับอดนอน หรือเพราะเสียงเอะอะของพ่อยามเมา แต่เธอทุกข์เพราะห่วงสุขภาพของพ่อ หญิงไม่อยากคิดถึงวันที่พ่อถูกโรคร้ายเข้าคุกคาม ตับแข็ง มะเร็งตับ พิษสุราเรื้อรัง หรืออุบัติเหตุกำลังรอคอยพ่อของเธออย่างใจจดใจจ่อ
และในที่สุดหน้าที่ของเธอในคืนนี้ก็เริ่มต้นขึ้น เสียงเอะเอะของพ่อเงียบหายไปแล้ว เธอซึ่งรอคอยเวลานี้อยู่ออกจากห้องไปทำหน้าที่ ที่ไม่มีใครมอบหมาย แต่ทำเพราะด้วยจิตสำนึกความกตัญญู เธอออกไปประคองพ่อให้ได้นอนอยู่บนโชฟาให้เรียบร้อย โซฟาตัวเดียวกับที่พ่อใช้นั่งดื่มบำบัดความทุกข์นั่นแหละ ที่นี้กลายเป็นที่นอนประจำของพ่อไปแล้ว หญิงไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพาพ่อกลับเข้าห้องนอนได้ จึงต้องให้บิดาผู้ให้กำเนิดนอนอยู่ตรงนี้ เธอจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวขับไล่ความสกปรกของเหงื่อไคลให้ ก่อนที่จะจัดการเก็บเศษซากของความสุขของพ่อ เก็บขวดเหล้าขวดโซดาออกไปจากห้องรับแขก ไปกองไว้ในโรงรถ ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีที่ว่างให้ใช้ทำอย่างอื่นนอกจากเป็นที่สุมกองขวดเหล้า คงถึงเวลาแล้วที่หญิงต้องเรียกรถรับซื้อของเก่ามาจัดการกับอนุสาวรีย์น้ำเมานี้เสียที
คืนนี้ถือเป็นโชคดีสำหรับหญิง เพราะพ่อเมาหลับเร็วกว่าทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นคงต้องถ่างตารอจนถึงตีสองตีสามอีกตามเคย พ่อเคยบอกับเธอว่าไม่ต้องคอยอยู่ปรนนิบัติ ปล่อยให้พ่อหลับพับคาแก้วเหล้าก็ได้ แต่หญิงทำไม่ได้ เธออ่อนแอเกินกว่า ที่จะเห็นสภาพแบบนั้นของพ่อ แล้วที่สำคัญเธอกลัวว่าพ่อจะเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มด้วย เพราะถ้าเธอยังไม่หลับก็อาจจะสามารถเข้ามาช่วยพ่อได้ทันหากว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
ใกล้เอนทรานต์แล้ว หญิงรู้สึกหวั่นวิตกเหลือเกิน เรื่องสอบไม่ติดหรือทำข้อสอบไม่ได้นั่นไม่ใช่เรื่องที่เด็กหัวดีอย่างเธอกังวล แต่เธอกลัวว่าหากเธอสอบติดที่มหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ใครจะคอยดูแลพ่อแทนเธอเล่า?
วันต่อมา.....
หญิงกลับจากโรงเรียนโดยซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งกลับมา ผู้เป็นพ่อนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้านรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“พ่อขา สวัสดีค่ะ”ผู้เป็นลูกยกมือไหว้ ก่อนที่จะทำท่าเดินเข้าบ้านไป
“อย่าเพิ่งไป”มือที่ถือแก้วเหล้าของเขาสั่นระริก น้ำเสียงก็ฟังดูดุดันบ่งบอกถึงอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี
“เดี๋ยวนี้ แกริอ่านมีแฟนแล้วรึ”คำสรรพนามที่ใช้เรียกลูกสาวถูกเปลี่ยนจากคำสุภาพเป็นคำที่ไม่น่าฟัง
“เปล่านี้ค่ะ แค่......”
“แล้วไอ้ผู้ชายที่มาส่งเมื่อกี้เป็นใคร..?”เขาไม่ปล่อยให้ลูกสาวพูดจนจบ ชิงชี้ไม้ชี้มือตาหลังเด็กหนุ่มต้นเหตุของความโกรธในใจ ถามความสงสัยของตัวเองทันที
“เพื่อนค่ะพ่อ”หญิงพยายามอธิบาย สายตาลูกจ้องมองเขาเหมือนบอกให้เชื่อใจตัวเธอ
“ไม่ต้องมาแก้ตัว วันหลังอย่าให้เห็นอีกนะว่ามีผู้ชายมาส่ง”ผู้เป็นพ่อตอบสนองสายตาลุกวาวด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยม และเริ่มคิดว่าจะคอยแอบจับสังเกตพฤติกรรมไม่ให้ลูกสาวรู้ตัว
เหมือนคำที่ว่า “ยามระแวง ทุกสิ่งย่อมน่าสงสัยไปหมด”เมื่อเขาเห็นลูกสาวคุยโทรศัพท์ด้วยอากัปกิริยาหัวร่อต่อกระซิกอยู่นาน ทั้งที่ปกติลูกสาวเขาทำแบบนี้เสมอยามรับโทรศัพท์จากเพื่อน ความห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ แต่เพราะพิษสุราทำให้เขาแสดงออกมา ในลักษณะก้าวร้าวเกินที่ลูกสาวจะรับไหว
“อีหญิง เดี๋ยวนี้ชักจะแรดเกินไปแล้วนะ”นี้เป็นคำหยาบคายที่สุดที่เขาเคยพูดกับลูก
“อะไรคะพ่อ”หญิงที่เพิ่งวางหูโทรศัพท์ลง พูดได้แค่นั้นน้ำตาก็คลอเบ้า ก้อนความเสียใจจกแน่นอยู่ในลำคอจะไม่สามารถพูดต่อได้
“แกชักจะทำตัวแรดเหมือนแม่แกไปทุกทีแล้วนะ อยากมีผัวนักหรือไง”เขากระแทกเสียงใส่ลูก ด่าทอด้วยความเสียใจทั้งหมดทั้งมวลในอดีต
“หนูทำอะไรผิดคะ พ่อถึงได้ว่าหนูแบบนี้”หญิงสะกดกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยให้มันรินไหลอาบแก้มเสียงสะอึกสะอื้นจนพูดจะฟังไม่ได้ศัพท์ บ่งบอกถึงความความเสียใจ
“แล้วนี้อะไร...?”เขาเดินไปหยิบสมุดเฟรนชิพก่อนจบการศึกษาของลูก ที่เขาถือวิสาสะเข้าไปแอบเอาออกมาดูนอกห้องของเธอ มายื่นตรงหน้าลูกสาว เปิดหน้าที่มีภาพที่ค้างคาใจของเขาเหลือเกินให้เจ้าของภาพไขข้อข้องใจให้เขา เพราะภาพตัวปัญหา คือภาพของลูกสาวเขาถ่ายคู่กับเพื่อนชายสองต่อสองอย่างสนิทสนม
“โธ่ พ่อขา แบบนี้ใครๆเขาก็ทำกันค่ะ”หญิงพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่า ก่อนจบการศึกษาพวกเธอและเพื่อนก็อยากจะมีความทรงจำเก็บไว้เป็นที่ระลึก จึงไม่ได้ถือเรื่องข้อแตกต่างระหว่างหญิงชาย แล้วก็เปิดหน้าอื่นๆให้เขาดู ชี้แต่ล่ะรูปให้เขาเห็นว่าทุกๆรูปก็มีลักษณะคล้ายๆกัน ไม่ได้เจาะจงทำท่าแบบนั้นกับใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
“แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร”เสียงเขาอ่อนลงแล้วเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ลูกสาวอธิบาย แต่ดวงตายังจ้องเหมือนจะสืบหาความจริงจากใบหน้าของผู้เป็นลูกอยู่
“เพื่อนค่ะ แหม่มไงคะ ไม่เชื่อพ่อลองโทรไปถามแหม่มตอนนี้ได้เลยค่ะ”หญิงบอกชื่อเพื่อนคนสนิทของเธอกับเขา ซึ่งเขาก็รู้จักเพื่อนลูกคนนี้ดี
“งั้น ก็แล้วไป แต่อย่าให้พ่อรู้นะ ว่าลูกทำอะไรเกินสมควร”เขาพูดเสียงอ่อนลง แต่ทิ้งท้ายเป็นความหมายเชิงขู่ ก่อนที่จะเดินไปจมปลักกับน้ำเมาเหมือนเดิม ทิ้งบุตรสาวให้ยืนสะอื้นกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา
เรื่องราวในครั้งนี้ทำให้ระดับความเชื่อใจในความรักของอีกฝ่าย ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายลูกสาวแม้จะร้องไห้เสียใจที่ถูกผู้อันเป็นที่รักที่สุดดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่ในใจลึกๆเธอก็มีความยินดี ที่พ่อยังห่วงเธอยังสนใจเธออยู่บ้าง ไม่ได้ทุ่มเทเวลาให้น้ำเมาจนหมด แต่ฝ่ายผู้เป็นพ่อ ผู้ที่ได้รับความรักจากลูกมาโดยตลอด ถึงเขาจะไม่แสดงออก แต่ก็ดีใจที่ลูกสาวเป็นคนกตัญญู วันนี้เขากลับรู้สึกหวั่นใจ แม้ว่าสิ่งที่ลูกสาวอธิบายจะทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้ เขากลัวมีบางสิ่งมาเปลี่ยนแปลงลูกสาวที่น่ารักของเขาไป ทั้งสองพ่อลูกช่างคิดต่างกันสิ้นเชิง
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของครอบครัวนี้ได้เลย เสียงเอะอะของพ่อยังดังอยู่เหมือนทุกวัน จนหญิงไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เธอปารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากให้พ่อเลิกตกเป็นทาสน้ำเมานี้เสียที มีวิธีไหนบ้างนะ ที่จะทำให้เธอได้สมอย่างใจหวัง
หญิงล้มตัวลงนอนก่ายหน้าพาก เพราะด้วยสภาพนี้เธอคงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแน่ๆ เธอนอนมองเพดานรอเวลาที่จะออกไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญู เพดานพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา เธอนอนคิดว่า หากตอนนี้เธอมีของล้ำค่าอยู่ในมือ...และต้องสุญเสียมันไปเพื่อให้เธอได้พ่อคนเดิมที่ไม่เป็นทาสของสุรากลับมา ไม่ว่าของล้ำค่านั้นจะเป็นอะไร เธอก็จะไม่ลังเลเลยที่จะสูญเสียมันไป
และสภาพแบบนี้ก็ดำเนินต่อมาอีกสักพัก ในลักษณะที่พ่อนึกเป็นห่วงลูกสาว หวั่นวิตกในใจ ส่วนผู้เป็นลูกหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก คือหวังให้พ่อหยุดทำร้ายตัวเองด้วยน้ำเมาเสียที
จนมาถึงวันหนึ่ง วันที่ทุกอย่างจบลง..................
แสงแดดร้อนแรงสมกับเป็นเวลาตอนเที่ยงวัน ร้อนจนถนนคอนกรีตส่งไอร้อนระอุขึ้นเป็นไอ จนภาพที่ทองไปตามถนนที่ทอดตัวยาวออกไปบิดเบี้ยวจากรูปร่างเดิมในสายตา แต่ชายคนเดิมผู้เป็นพ่อ ไม่สนใจเวลาและสภาพอากาศ ยังนั่งจมปลักอยู่บนโซฟารับแขกตัวเดิม พร้อมด้วยขวดสุราและโซดาที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า วันนี้เป็นวันเสาร์ เขากะจะกินเหล้าทั้งวัน
แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นลูกสาวโทรศัพท์แล้วรู้สึกหงุดหงิด ในใจกำลังคิดถึงเรื่องที่เขาวิตกกังวล เพราะด้วยท่าทางหัวร่อต่อกระซิกของลูกสาวยามคุยโทรศัพท์ มันทำให้เขาอดระแวงไม่ได้ ว่ากำลังคุยกับเพื่อนอย่างที่ลุกเคยบอก
“เมื่อกี้คุยกับใคร..?” เขาถามลูกสาวอย่างอดรนทนไม่ได้
“แหม่มค่ะ”หญิงตอบผู้เป็นพ่อ
“ต่อไปไม่ต้องคุยแล้ว”เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“ใกล้สอบสอบแล้ว เอาเวลามาอ่านหนังสือดีกว่า มาคุยไร้สาระแบบนี้”เขายินยอมอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นลูกสาวหน้าหมองลง
“ไม่ได้ไร้สาระนะคะ เมื่อกี้เราคุยกันว่าจะไปติวหนังสือกันที่บ้านแหม่ม”เธอชี้แจงให้เขาฟัง
“แล้วหนู ก็อยากจะขออนุญาตพ่อ หนูขอไปติวได้ไหมค่ะ”
“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ..?”
“วันนี้แหละค่ะ”