ช่วง 3 เดือนแรก จะเป็นอะไรที่มีความสุขที่สุด ทุกอย่างดูจะเพอร์เฟ็กไปซะหมด
พอเริ่มเดือนที่ 4 ก็เริ่มจะมีปากมีเสียงกันบ้างประปราย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ
ก็มีความสุขมากกว่าความทุข์ จนเราคิดว่าเหมือนเขาเป็นอีกส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปซะแล้ว
แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับเด็ก 18 ปี มันก็เกิดขึ้นกับเรา...
ประมาณเดือนที่ 8
มีอยู่วันนึง เราปวดท้องมาก รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองที่ว่า 'ฉันไม่ไหวแล้วนะ'
เราเลยจึงไปโรงพยาบาลกับแฟน (ที่ไปกับแฟนก็เพราะมีรางสังหรณ์อีกนั่นแหระ)
แล้วเราก็พบว่าเราท้องนอกมดลูก แล้วที่ปวดท้องเพราะแท้งธรรมชาติ เอาแล้วสิ!
พ่อแม่เราก็ไม่ได้รับรู้ตั้งแต่แรกว่าเรามีแฟน แล้วเราต้องผ่าตัดมดลูกข้างซ้ายออก
โดยต้องมีการเซ็นเอกสารโดยผู้ปกครองเรา เราเลยต้องโทรบอกที่บ้านว่าเราเป็นซี้ดช๊อคโกแล๊ต
การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นไม่กี่วันที่เรานอนโรงพยาบาล ความจริงก็ต้องถูกเปิดเผย
เพราะเรามีประกันแต่ใช่ไม่ได้กับกรณีท้อง แต่ที่บ้านไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงจึงมีการพูดคุยกับคุณหมอ
สุดท้ายคุณหมอก็ต้องบอกความจริง ส่วนทางบ้านของแฟน ตอนแรกก็จะเข้ามารับผิดชอบ
แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่ได้เข้ามารับผิดชอบแต่อย่างไร หลังจากนั้นเราก็ถูกสอบสวน และแฟนก็โดนเรียกตัว
ไปสอบสวนด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเรื่องไม่ได้เหมือนละครน้ำเน่าทั่วไปที่จับให้หมั้นกันนะค่ะ
แต่ทางบ้านเราไล่ให้เขาไป ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตเราอีก โดยที่เขาไปคุยกันโดยที่เราไม่ได้รับรู้อะไรเลย
ที่เรารู้ก็เพราะพยายามจะถามแฟนว่าทุกอย่างโอเคมั้ย แฟนเราก็เล่าให้ฟัง การที่บ้านเราไม่ให้เราหมั้นกันนั้น
โดยความคิดเห็นตอนนี้ เราบอกได้เลยค่ะว่า เด็กอายุ 18 กับแฟน ที่อายุ 20 มันเป็นความรัก
ที่ไม่ยืนยาว ด้วยเวลา อายุ สถานะ มีเปอร์เซ็นน้อยมากค่ะที่จะไปกันรอด แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเราเด็ก
เราก็ไม่เชื่อ เราก็ลั้นที่จะคบเขาต่อโดยไม่บอกอีกเช่นเคย
ผ่านไป 1 ปี ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ มีความสุขดี ความผูกพันและความสัมพันธ์มันก็มีให้กันและกันมากขึ้น
พอเข้าปีที่ 2 แฟนเราก็อยู่ปีสามแล้ว เราก็รอเข้ามหาลัย ซึ่งแฟนเราต้องไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา
เกือบสามเดือน เราก็โอเค เราจะไว้ใจและเชื่อใจ ช่วงที่เขาฝึกงาน เขากลับกรุงเทพฯ สองอาทิตย์ครั้ง
เราก็เอ่ะใจนิดหน่อย ทำไมไม่ค่อยกลับมาเลยนะ ทั้งๆ ที่อยู่ที่นั้นก็ไม่มีอะไรทำ เราก็ไม่ได้อะไรจนเขาฝึกงานจบ
พอถึงเดือนกันยายน เป็นเดือนเกิดของเรา เขาก็ให้ของขวัญปกติ เรื่องดำเนินมาถึงต้นเดือนธันวาคม
เราไปงานคอนเสริตด้วยกันที่เขาใหญ่พร้อมเพื่อนของเรา แต่พอหลังจากกลับการเที่ยวครั้งนั้นก็ทำให้เราเอ่ะใจ
อีกครั้งตอนกลับกรุงเทพฯ เขาแวะลงที่จังหวัดทางผ่าน เป็นจังหวัดที่เขาฝึกงาน เป็นจังหวัดที่รุ่นพี่ผู้ชายเขาอยู่
เขาก็อ้างไปสิว่าไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ โอเคเราก็กลับกรุงเทพฯ แบบงอนๆ น้อยใจ และทะเลาะกัน หลังจากวันนั้น
เราก็ทะเลาะกันบ่อยมาก แทบจะวันเว้นวัน และหนักขึ้นทุกวัน เพราะเรารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป และเวลาก็ล่วงไปจะ
ครบปีที่สาม อีก 1 เดือนจะครบรอบ 3 ปี แต่เราก็จับได้ก่อน เราไปที่หอเขาและเขาก็มีท่าทีรนๆ ปิดตู้เสื้อผ้า
เราก็สังเกตแล้วว่ามันผิดปกติ แต่เก็บไว้ก่อน และมานั่งและถามตรงๆ ว่าเขามีคนอื่นใช่มั้ยเขาตอบว่าใช่
เราก็เดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเขาทันที และก็พบกับชุดชั้นในของผู้หญิงที่ไม่ใช่ของเรา วินาทีนั้นเราก็อึ้งและหยุดนิ่ง
น้ำตามันก็เอ่อล้นออกมาโดยอัตโนมัติ
ความจริงก็คือเขาคุยๆ กับพี่ที่เขาฝึกงานด้วยตั้งแต่เขาฝึกงาน โดยผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รับรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นรับรู้ว่าเขามีแฟนแล้วตอนเดือนสิงหา มันคือเดือนก่อนเดือนเกิดเรานั้นแหระ และเขามีอะไรกันตอน
กันยายน เดือนเกิดเราอีกนั้นแหระ ยิ่งรับรู้ความจริงมากเท่าไหร่ ตอนนี้เรายิ่งรับไม่ได้ เราไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร
ของเขาที่อะไรกับผู้หญิงคนนั้น แล้วมาอะไรกับเรา เราได้คุยกับผู้หญิงหลังจากเรื่องที่เราจับได้ประมาณห้าเดือน
เราโทไปคุยกับผู้หญิง เราถึงได้รู้ความจริงมากขึ้น เขาบอกว่าเขาไม่ตั้งใจ เขากลับจากต่างประเทศมาฝึกงาน
แล้วเขาโฮมซิก แล้วก็มีแฟนเราที่คุยกับเขาตลอด เขาไม่รู้ว่าแฟนเรามีแฟนแล้ว แต่ที่เราไม่เข้าใจคือเขารับรู้แล้ว
เขาก็ยังมาอะไรกัน ทั้งที่เรากับแฟนยังไม่เลิกกัน จนกระทั้งเราจับได้ ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ไม่เลือกที่จะไป เธอพูดว่า
ขึ้นอยู่กับผู้ชาย เราเลยโอเค เราเป็นฝ่ายถอยมาแทนจะดีกว่า เสียใจมากค่ะตอนนี้พิม์พไปน้ำตาก็ไหลไป การที่เรา
ไว้ใจคนๆ นึง และเชื่อใจ และมองอนาคตไว้ แต่มันพังทลายลงเพราะความไม่พอของผู้ชาย โอเคค่ะเข้าใจว่าคุยกับ
คนอื่นมันมีบ้างประปราย เพราะเราก็มีคุย แต่ไม่เคยจะคิดนอกใจและนอกกายเลยสักครั้ง
ความรัก 3 ปี กับรักครั้งใหม่ 6 เดือน
พอเริ่มเดือนที่ 4 ก็เริ่มจะมีปากมีเสียงกันบ้างประปราย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ
ก็มีความสุขมากกว่าความทุข์ จนเราคิดว่าเหมือนเขาเป็นอีกส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปซะแล้ว
แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับเด็ก 18 ปี มันก็เกิดขึ้นกับเรา...
ประมาณเดือนที่ 8
มีอยู่วันนึง เราปวดท้องมาก รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองที่ว่า 'ฉันไม่ไหวแล้วนะ'
เราเลยจึงไปโรงพยาบาลกับแฟน (ที่ไปกับแฟนก็เพราะมีรางสังหรณ์อีกนั่นแหระ)
แล้วเราก็พบว่าเราท้องนอกมดลูก แล้วที่ปวดท้องเพราะแท้งธรรมชาติ เอาแล้วสิ!
พ่อแม่เราก็ไม่ได้รับรู้ตั้งแต่แรกว่าเรามีแฟน แล้วเราต้องผ่าตัดมดลูกข้างซ้ายออก
โดยต้องมีการเซ็นเอกสารโดยผู้ปกครองเรา เราเลยต้องโทรบอกที่บ้านว่าเราเป็นซี้ดช๊อคโกแล๊ต
การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นไม่กี่วันที่เรานอนโรงพยาบาล ความจริงก็ต้องถูกเปิดเผย
เพราะเรามีประกันแต่ใช่ไม่ได้กับกรณีท้อง แต่ที่บ้านไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงจึงมีการพูดคุยกับคุณหมอ
สุดท้ายคุณหมอก็ต้องบอกความจริง ส่วนทางบ้านของแฟน ตอนแรกก็จะเข้ามารับผิดชอบ
แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่ได้เข้ามารับผิดชอบแต่อย่างไร หลังจากนั้นเราก็ถูกสอบสวน และแฟนก็โดนเรียกตัว
ไปสอบสวนด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเรื่องไม่ได้เหมือนละครน้ำเน่าทั่วไปที่จับให้หมั้นกันนะค่ะ
แต่ทางบ้านเราไล่ให้เขาไป ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตเราอีก โดยที่เขาไปคุยกันโดยที่เราไม่ได้รับรู้อะไรเลย
ที่เรารู้ก็เพราะพยายามจะถามแฟนว่าทุกอย่างโอเคมั้ย แฟนเราก็เล่าให้ฟัง การที่บ้านเราไม่ให้เราหมั้นกันนั้น
โดยความคิดเห็นตอนนี้ เราบอกได้เลยค่ะว่า เด็กอายุ 18 กับแฟน ที่อายุ 20 มันเป็นความรัก
ที่ไม่ยืนยาว ด้วยเวลา อายุ สถานะ มีเปอร์เซ็นน้อยมากค่ะที่จะไปกันรอด แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเราเด็ก
เราก็ไม่เชื่อ เราก็ลั้นที่จะคบเขาต่อโดยไม่บอกอีกเช่นเคย
ผ่านไป 1 ปี ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ มีความสุขดี ความผูกพันและความสัมพันธ์มันก็มีให้กันและกันมากขึ้น
พอเข้าปีที่ 2 แฟนเราก็อยู่ปีสามแล้ว เราก็รอเข้ามหาลัย ซึ่งแฟนเราต้องไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา
เกือบสามเดือน เราก็โอเค เราจะไว้ใจและเชื่อใจ ช่วงที่เขาฝึกงาน เขากลับกรุงเทพฯ สองอาทิตย์ครั้ง
เราก็เอ่ะใจนิดหน่อย ทำไมไม่ค่อยกลับมาเลยนะ ทั้งๆ ที่อยู่ที่นั้นก็ไม่มีอะไรทำ เราก็ไม่ได้อะไรจนเขาฝึกงานจบ
พอถึงเดือนกันยายน เป็นเดือนเกิดของเรา เขาก็ให้ของขวัญปกติ เรื่องดำเนินมาถึงต้นเดือนธันวาคม
เราไปงานคอนเสริตด้วยกันที่เขาใหญ่พร้อมเพื่อนของเรา แต่พอหลังจากกลับการเที่ยวครั้งนั้นก็ทำให้เราเอ่ะใจ
อีกครั้งตอนกลับกรุงเทพฯ เขาแวะลงที่จังหวัดทางผ่าน เป็นจังหวัดที่เขาฝึกงาน เป็นจังหวัดที่รุ่นพี่ผู้ชายเขาอยู่
เขาก็อ้างไปสิว่าไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ โอเคเราก็กลับกรุงเทพฯ แบบงอนๆ น้อยใจ และทะเลาะกัน หลังจากวันนั้น
เราก็ทะเลาะกันบ่อยมาก แทบจะวันเว้นวัน และหนักขึ้นทุกวัน เพราะเรารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป และเวลาก็ล่วงไปจะ
ครบปีที่สาม อีก 1 เดือนจะครบรอบ 3 ปี แต่เราก็จับได้ก่อน เราไปที่หอเขาและเขาก็มีท่าทีรนๆ ปิดตู้เสื้อผ้า
เราก็สังเกตแล้วว่ามันผิดปกติ แต่เก็บไว้ก่อน และมานั่งและถามตรงๆ ว่าเขามีคนอื่นใช่มั้ยเขาตอบว่าใช่
เราก็เดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเขาทันที และก็พบกับชุดชั้นในของผู้หญิงที่ไม่ใช่ของเรา วินาทีนั้นเราก็อึ้งและหยุดนิ่ง
น้ำตามันก็เอ่อล้นออกมาโดยอัตโนมัติ
ความจริงก็คือเขาคุยๆ กับพี่ที่เขาฝึกงานด้วยตั้งแต่เขาฝึกงาน โดยผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รับรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นรับรู้ว่าเขามีแฟนแล้วตอนเดือนสิงหา มันคือเดือนก่อนเดือนเกิดเรานั้นแหระ และเขามีอะไรกันตอน
กันยายน เดือนเกิดเราอีกนั้นแหระ ยิ่งรับรู้ความจริงมากเท่าไหร่ ตอนนี้เรายิ่งรับไม่ได้ เราไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร
ของเขาที่อะไรกับผู้หญิงคนนั้น แล้วมาอะไรกับเรา เราได้คุยกับผู้หญิงหลังจากเรื่องที่เราจับได้ประมาณห้าเดือน
เราโทไปคุยกับผู้หญิง เราถึงได้รู้ความจริงมากขึ้น เขาบอกว่าเขาไม่ตั้งใจ เขากลับจากต่างประเทศมาฝึกงาน
แล้วเขาโฮมซิก แล้วก็มีแฟนเราที่คุยกับเขาตลอด เขาไม่รู้ว่าแฟนเรามีแฟนแล้ว แต่ที่เราไม่เข้าใจคือเขารับรู้แล้ว
เขาก็ยังมาอะไรกัน ทั้งที่เรากับแฟนยังไม่เลิกกัน จนกระทั้งเราจับได้ ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ไม่เลือกที่จะไป เธอพูดว่า
ขึ้นอยู่กับผู้ชาย เราเลยโอเค เราเป็นฝ่ายถอยมาแทนจะดีกว่า เสียใจมากค่ะตอนนี้พิม์พไปน้ำตาก็ไหลไป การที่เรา
ไว้ใจคนๆ นึง และเชื่อใจ และมองอนาคตไว้ แต่มันพังทลายลงเพราะความไม่พอของผู้ชาย โอเคค่ะเข้าใจว่าคุยกับ
คนอื่นมันมีบ้างประปราย เพราะเราก็มีคุย แต่ไม่เคยจะคิดนอกใจและนอกกายเลยสักครั้ง