ท้าวความก่อนนะคะ พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ เรายังเด็ก ตั้งแต่จำความได้เรามีแต่ความกลัวพ่อไม่ได้รู้สึกรักมากมาย เพราะท่านเอาแต่ดื่มเหล้าไม่ทำมาหากิน วันๆ ก็เอาแต่ถามว่ารักพ่อมั้ยๆ ส่วนเราก็มีแต่กลัวท่าน เมื่อแยกทางกันแล้วประมาณ เราเรียน ม.3 ท่านก็บวช พอดีอาที่พ่อไปอยู่ด้วยมาส่งข่าว เราก็ดีใจนะที่พ่อบวช คิดว่าพ่อคนเดิมได้ตายไปแล้ว เหลือแต่หลวงพ่อ หลายปีต่อมาเราก็แต่งงานมีครอบครัววันแต่งงานท่านก็มา แต่ช่วงนั้นก็นานๆไปหาท่านครั้ง ไม่ได้บ่อย ต่อมาท่านไม่สบาย ป่วยเป็นเบาหวานเข้ารพ. ตัดขา เราก็ไปเยี่ยมนะแต่ก็ไม่ได้นอนเฝ้า (ในใจเราก็แอบคิดนะว่า ในตอนที่เราลำบากกับแม่สองคน ท่านไปอยู่ที่ไหน) เราไม่เคยขอเงินพ่อซักกะบาท แต่ก็ได้ข่าวว่าท่านส่งเสียที่บ้านอาตลอด ตอนตัดขา ก็อานั่นแหล่ะไปนอนเฝ้า แต่พออกจาก รพ.ก็ขอเงินจากหลวงพ่อ เหมือนกับว่าฉันเฝ้าเธอ เธอต้องตอบแทนให้ค่าเฝ้าฉัน ประมาณนั้น หลังจากตัดขากลับไปอยู่ที่วัด อาก็ได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น ต่อมาท่านก็เข้ารพ.อีก ก็มีพี่สาวของหลวงพ่อมาฝ้าทุกวัน เราก็ไปเยี่ยมเหมือนเคย ไม่ได้นอนเฝ้า ผลตรวจออกมา ท่านเป็นมะเร็งระยะลุกลาม หมอให้ออกจาก รพ.เพื่อรอไปรักษาต่อที่รพ.มะเร็ง ระหว่างรอท่านก็กลับไปอยู่ที่วัด ต่างอำเภอ ใจจริงของเรา อยากไปปรนนิบัติท่าน ไม่รู้ว่าท่านจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ แต่เราก็มีภาระ มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ต้องทำมาหากิน ก็มีแต่แม่ชีที่วัด และญาติโยมที่เฝ้าท่าน ส่วนเราก็ได้แต่ไปเยี่ยมอาทิตย์ละครั้ง อยากถามว่ามันจะเป็นบาปมากมั้ยที่เราไม่ได้ดูแลท่าน ในยามที่ท่านเจ็บไข้ได้ป่วย
บาปมากมั้ย ที่ไม่ได้ดูแลพ่อผู้ให้กำเนิด (ให้กำเนิดเฉยๆ แต่ไไม่ได้เลี้ยงดูเรา)