"เป็นลูกคนเดียวไม่ได้ดีอย่างที่คิด"

ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ  เราเพิ่งเขียนลงครั้งแรกนะ ^^  
ดูเยอะไปหน่อยน้า  

         เรื่องมันมีอยู่ว่า  ครอบครัวเรามีกันแค่ 3 คน พ่อ แม่ แล้วเราคะ  แต่ก่อนครอบครัวของเราอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ  แต่มีเหตุผลบางประการที่ทำให้เราต้องย้ายบ้านค่ะ  ตอนนั้นเราอายุประมาณ 6-7 ขวบเอง เรายังไม่ติดเพื่อนมาก แม่เราเลยตัดสินใจย้ายบ้าน แต่บ้านย่าเราอยู่ที่นี้นะคะมีน้องๆ 2 คน ที่เล่นกับเราตลอดน้องซนมากคะ 555 ดังนั้นครอบครัวเราจึงย้ายบ้านมาอยู่ในจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ จังหวัดนี้เป็นบ้านเกิดของแม่เราเองคะ  ยาย ป้า และพี่ๆอยู่ที่นี้กันหมดคะ  ตอนเด็กๆแม่เราจะพาเรามาเยี่ยมยายปีล่ะครั้ง เราชอบนะคะเพราะตอนนั้นพี่ๆเขายังเด็กเหมือนกับเรา เล่นกันยังสนุกอยู่คะ แต่ตอนที่เราย้ายมา...พี่ๆเขาเรียนใกล้จบกันหมดแล้วล่ะคะ  ตอนนั้นยังมีน้องๆแถวบ้านคอยเล่นด้วยอยู่นะคะ  (เราโตสุดในนั้น)  แต่พอเราได้เข้าเรียนต่อ  ความคิดของเราก็เริ่มเปลี่ยนไปตามภาษาคะ  เราเริ่มโตขึ้น  เริ่มชอบที่จะคุยมากกว่าชอบเล่นกับน้องคะ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เรารู้สึกว่าการเป็นลูกคนเดียวไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะคะ  พอเราเริ่มเข้า ม.1 ในโรงเรียนดังของจังหวัดนั้น เราก็เริ่มมีเพื่อนมากขึ้น เพื่อนเราเป็นคนดีนะคะ  คอยช่วยเหลือเราทุกอย่าง เป็นที่ปรึกษาที่ดีค่ะ
               แต่เมื่อขึ้น ม.2  เราก็ได้คบกับคนๆหนึ่งคะ  เขาเป็นคนดีนะคะ แต่ เวลาเราเล่นกับเพื่อน เขาก็จะบอกเลิกกับเราตลอดเลยคะ เพราะเราหึงเรามาก ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็คบกันมาเรื่อยๆ  จนมาถึงตอน ม.3 เรามีปัญหากับเขามากเลยคะ จนทำให้เราพูดคำโง่ๆคำหนึ่งออกไป "เค้าจะตัดเพื่อนให้หมด จะได้หมดปัญหาสักที!!" เราไม่มีสิทธิเถียงอะไรคะ...ตอนนั้นเราไม่ได้อยากจะตัดเพื่อนจริงๆ...เรารู้สึกผิดจนร้องไห้ทุกวัน...แต่มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว...เราก็ต้องยอมรับให้ความปากไม่ดีของเราคะ  เราคิดว่าตอนนี้ม.3เทอม2แล้วก็คงไม่ได้เจอเพื่อนของเราอีกคะ  เพราะเราตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนเดิม แต่เพื่อนของเราจะไปสอบที่โรงเรียนอื่น ก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว เราจึงตัดใจยอมพูดไปคะ แต่เพื่อนเราก็เข้าใจนะคะว่าเราทำแบบนี้เพราะอะไร เวลานี้เป็นเวลาที่เราอยากให้คนในครอบครัวมาปลอบเรามากที่สุดคะ...แต่พ่อกับแม่เรา...ทำงานหนักกันทั้งคู่  เราไม่อยากทำให้ท่านเป็นห่วงเรา...เราจึงตัดสินใจไม่บอกพวกท่านคะ  แต่เราคิดว่าการได้ระบายมันเป็นสิ่งที่ดีนะ เราจึงคิดจะไปปรึกษาพี่ๆคะ แต่ตอนนั้นพี่ๆของเรา  ทำงานกันหมดแล้วคะ...อยู่ต่างจังหวัดกันก็เยอะ...เราไม่มีทางเลือก...นอกจากเก็บมันไว้คนเดียวคะ...ตอนนั้นแหละคะที่เราคิดว่าการมีพี่หรือน้องจากพ่อแม่เดียวกันสักคน
               มันจะดีกว่านี้นะ อย่างน้อยๆก็ยังมีคนในครอบครัวที่เราพูดคุยกันอย่างวางใจได้  อย่างน้อยก็ยังได้ระบายความรู้สึกไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไง  เขาก็คือครอบครัวของเรานะคะ มีหลายๆคนที่บอกว่าการมีพี่หรือมีน้องมันไม่เห็นจะดีเลย พี่ชอบแกล้ง น้องชอบดื้อ บลาๆๆ  เราว่ายังดีกว่าเราที่ไม่มีใครแกล้งหรือไม่มีใครดื้อใส่  นั่งเล่นอยู่คนเดียว บางคนก็คิดว่าเราก็อยู่คนเดียวไม่เห็นเป็นไรเลย  ใช่ค่ะ..สำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ค่ะ สำหรับเรา   เราก็เคยคิดแบบนั้นนะคะ  นั่งฟังเพลง  เล่นเกมส์  ทำอะไรไปเดี๋ยวมันก็ลืม  แต่นี้คือความรู้สึกล้วนๆนะคะ  ไม่ใช่งานที่พิมพ์ผิดแล้วปริ้นท์ใหม่  ตอนแรกๆเราก็ทำแบบนั้นคะ..แต่เราลืมบางอย่างที่สำคัญไป...เวลาที่จะนอนไงคะ   ยังไงก่อนที่เราจะหลับ ถ้าเราไม่ง่วงหรือเพลียมากจริงๆ  คงไม่หลับลงไปง่ายๆ..เราคิดคะ...คิดหนักมากจนนอนร้องไห้ทุกวัน...เราคิดคะว่าถ้าเรามีใครสักคนที่สามารถคุยกับเราได้อย่างไม่อายเหมือนคนคนหนึ่งในครอบครัวเราคงเป็นอะไรที่พิเศษมากๆสำหรับเรานะ  อย่าไปอะไรกับพี่กับน้องของคุณเลยนะคะ   อย่างน้อยพวกคุณก็ยังมีคนอยู่ใกล้ๆ  ถึงว่าเขาจะนิสัยไม่ดี แต่อย่างน้อยคุณกับเขาก็ยังเป็นสายเลือดเดียวกันนะคะ  อย่างน้อยๆจริงๆเขาก็ต้องรักคุณ ห่วงคุณบ้างแหละค่ะ  ฝากถึงทุกคนที่มีพี่มี่น้องมีครอบครัวที่น่ารักนะคะ  อย่าไปโกรธอย่าไปโมโหใส่พวกเขาเลย พวกเขาเป็นห่วงคุณนะคะ ถึงพวกเขาจะไม่ได้รุ่นราวคราวเดียวกับเรา  ไม่ได้เข้าใจเราทั้งหมด  เราค่อยๆอธิบายทีละนิดๆพวกเขาจะเข้าใจเราเอง  อะไรที่เราทำไม่ดีหรือทำผิดพลาดไป  ตอนนี้ยังแก้ไขทันนะ  ตอนนี้เราอิจฉาคนอื่นมากเลยคะ 5555  ถึงมันจะดูไม่ดี  แต่เราก็อยากมีพี่หรือน้องสักคนจริงๆนะคะ  จนคนอื่นที่มีพี่มีน้องมองเราว่าโรคจิตไปเลยค่ะ  T-T  

ขอบคุณทนอ่านกันนะคะ  ขอบคุณมากคะ  ^  ^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่