คลอดติดไหล่ พยาบาลจงตามแพทย์อย่างไวและปล่อยให้ติดอยู่อย่างนั้น เป็นอันถูกต้อง งั้นหรือ? กรณีศึกษา รพ.น้ำพอง

จากสรุปข่าว สธ



จากข่าวไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/436760

สธ.เดินหน้ายื่นฎีกาคดีกรณี "รพ.น้ำพอง" ทำคลอดเด็กติดไหล่ ขอพิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้ง มั่นใจมาตรฐานการรักษาตามหลักวิชาการ ห่วงขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชน...

จากกรณีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้ตัดสินคดีอุทธรณ์สั่งให้โรงพยาบาลน้ำพอง จ.ขอนแก่น จ่ายค่าชดเชยแก่ครอบครัวเด็กที่อายุ 2 ปี ที่ได้รับผลกระทบระหว่างคลอด เมื่อพ.ศ. 2555 เมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม 2557) และส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของแพทย์ พยาบาลที่ปฏิบัติงาน นั้น

ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว บ่ายวันนี้ (16 กรกฎาคม 2557) นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นขณะคลอดไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุข จะให้การดูแลทั้งผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และจะส่งเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาพิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้ง ขอให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มกำลังต่อไป

นายแพทย์วชิระกล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อ พ.ศ. 2555 โดยผู้เสียหายตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2 ได้ฝากครรภ์ และมาคลอดที่โรงพยาบาลน้ำพองเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 พยาบาลประจำห้องคลอดได้ทำคลอดให้ผู้เสียหาย ระหว่างคลอดมีปัญหาติดไหล่ พยาบาลผู้ทำคลอดได้แจ้งแพทย์เวรและกุมารแพทย์ ซึ่งแพทย์เวรได้รีบมาช่วยทำคลอดไหล่ทันทีตามท่ามาตรฐานทำคลอดเด็กติดไหล่ หลังคลอดเด็กปกติ น้ำหนักแรกเกิด 3,580 กรัม โดยกุมารแพทย์ตรวจพบเด็กมีปัญหาแขนขวาไม่ขยับ ได้พูดคุยอธิบายให้ญาติถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการที่เด็กคลอดติดไหล่ ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือนเส้นประสาท เกิดปัญหาอย่างชั่วคราวหรือถาวร  และได้ให้ศัลยแพทย์ด้านกระดูกมาร่วมให้การรักษาด้วย โดยโรงพยาบาลน้ำพองได้ส่งพยาบาลชุมชนที่มีประจำทุกตำบลไปดูแลผู้เสียหายและบุตรที่บ้านเป็นระยะ รวมทั้งจัดรถรับส่งเมื่อต้องไปตรวจรักษาที่รพ.น้ำพองและรพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ระหว่างนั้นได้ทำเรื่องขอเงินช่วยเหลือตามมาตรา 41 และได้นำเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยของกระทรวงสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายได้ตัดสินใจยื่นฟ้องโรงพยาบาลน้ำพอง ระหว่างรอการตัดสินของศาลชั้นต้นได้ขอรับการชดเชยตามมาตรา 41 ซึ่งโรงพยาบาลได้ดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้โรงพยาบาลแพ้คดี และชดเชยค่าเสียหายเป็นเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นสูตินรีแพทย์ 3 ท่านจากโรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และแพทยสมาคมเป็นพยาน ซึ่งทั้ง 3 ท่านลงความเห็นตรงกันว่า พยาบาลและแพทย์ได้ให้การรักษาถูกต้องตามหลักวิชาการเพื่อช่วยชีวิตแม่และเด็ก กระทรวงสาธารณสุขจึงได้อุทธรณ์คำพิพากษา เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานการรักษาพยาบาลอย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล รู้สึกเสียขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลกระทบในวงกว้าง กระทรวงสาธารณสุข จึงตัดสินใจส่งเรื่องเข้าสู่การตัดสินของศาลฎีกาเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้ง และเรียกขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนกลับคืนมา เพื่อให้มีกำลังใจในการดูแลรักษาประชาชนในพื้นที่ห่างไกลต่อไป เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข ยังขาดแคลนแพทย์ในพื้นที่ชนบทห่างไกลอีกเป็นจำนวนมาก.

จากแหล่งข่าวที่สืบที่มาไม่ได้





จากความคิดเห็นส่วนตัว

ถ้าแพทย์เป็นคนทำคลอด ก็โดนฟ้องแพ้เหมือนกันใช่มั้ย งานนี้???????
ถ้าพยาบาลไม่ทำคลอดทันที แล้วตายทั้งแม่ทั้งลูก จำเลยเป็นหมอใช่มั้ยงานนี้เพราะมาช้า????

ต่อจากนี้ รพช. จะปิดห้องคลอดกันมั้ย?

ไม่ทราบว่าน้องเด็กเป็นอะไรทำไมต้องฟ้อง แต่จากการคาดเดาต้องเป็นถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถหายได้เป็นปกติ ถ้าเป็น erb ธรรมดาก็คงหายได้ หรือ erb มี rare case ที่มันไม่หายด้วยหรอ?

แต่นี่น้องเค้าเป็นอะไรอ่ะ brachial plexus ขาดกระจุย ซ่อมไม่ได้ รักษาไม่หายไรงี้หรอ?

น้องเค้า BW เท่าไหร่ ถ้าเป็น 3000 หน่อยๆ คลอดติดไหล่ถือว่าหายากเลยนะ น้องเค้าเป็น rare case แบบนั้นอีกมั้ย ถึงทำให้ไม่ได้ refer ไปก่อนจะคลอด

บวกกับโอกาสที่ erb จะไม่หายนี่มัน rare มหา rare เลยมั้ยอ่ะ

ชาตินี้จบไปจะไม่เหยียบไปดินแดนแห่งสูติกรรมอีกเป็นอันขาด เดิมก็เกลียดอยู่ละ เจอคดีนี้จบเลย

ฝากถึงคุณแม่ที่จะตั้งครรภ์จะคลอดนะครับ กรุณาไป รพ.ใหญ่ๆ มีสูติแพทย์ มีห้องผ่าตัด24ชั่วโมงนะครับ อย่าได้ไปเข้า รพช.เล็กๆตามชนบทเลย จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในชีวิตของผู้ให้บริการ

ปล.ยืนกุมมือไว้อาลัยให้กระบวนการยุติธรรม 1 นาที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่