Running Diary: My First Half Marathon
Event: King’s Cup Pattaya Marathon 2014
Date: 27 July 2014
21.1 กม. … นี่คือฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกของผมและเป็นระยะทางที่ผมมาได้ไกลที่สุดในตอนนี้ ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีกับระยะฟูลมาราธอน 42 กม. ที่ต้องทำให้ได้ก่อนอายุ 30 ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 ปี (IG tag #MissionFullMarathonBefore30) รู้สึกดีที่เลือกพัทยามาราธอนเป็นที่เปิดตัวระยะฮาล์ฟที่แรก ได้กระแทกลมทะเลอยู่หลายกิโลอยู่เหมือนกัน ก่อนจะมาวิ่งมีแค่ใจกับอุปกรณ์ที่พร้อม แต่ร่างกายกับการซ้อมของผมสวนทางกันลิบลับ 2 อาทิตย์สุดท้ายที่ซ้อมนี่จะวิ่งให้ได้วันละ 7-8 กิโลยังยาก ไหนยังจะนอนน้อย แถมยังพ่วงด้วยอาการปวดน่องซ้ายแบบแปลกๆที่น่าจะเป็นกล้ามเนื้อกดทับหรือมันขมวดกันตามที่หมอนวด(ตัว)ชอบบอก
5.30 น. … เวลาปล่อยตัวนักวิ่งของระยะฮาล์ฟฯที่มีประมาณ 1600 คน ก่อนหน้านั้น 5 นาที ผมพยายามโทรบอกเพื่อนที่มาด้วยว่าให้หยิบหนมปังไว้ให้หน่อย เด๋วจะวิ่งโฉบจากมือไป- เพราะรู้สึกว่ากล้วยกับหนมปังแผ่นเดียว แล้วก็ GU Gel ที่เพิ่งหัดซื้อกินครั้งแรก น่าจะยังกินไปไม่พอ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเพื่อนไม่รับโทรศัพท์ 555 ซวยแล้ว!
เส้นทางจากจุดสตาร์ท พัทยากลางไปเหนือจะเป็นชายทะเลบรรยากาศดี ปกติผมจะเปิดเพลงบิ้วอารมณ์ดังสนั่นหู แต่เจอเสียงทะเลแบบนี้เลยขอลดเสียงเพลงไปฟังเสียงคลื่นดีกว่า แต่พอจบเส้นพัทยาเหนือเท่านั้นแหละ ไต่เนินกันเลยจ้า
ผ่านระยะ 5 กม.ไปแล้ว ถ้าจำไม่ผิดก็คงเข้าเส้นสุขุมวิทถนนใหญ่ไปแล้ว ซึ่งระยะต่อจากนี้ไปอีกประมาณ 15 กม. ผมบังเอิญได้มีบัดดี้ที่เป็นนักวิ่งผู้หญิงฝรั่งคนนึงใส่ชุดสีฟ้า หมายเลข 21884 รุ่นอายุ 40-49 ปี จากตอนแรกที่ผลัดกันแซงและโดนแซงกับเค้าไปสักระยะ ตอนหลังเลยวิ่งด้วยกัน

เลย 555 ตลอดการวิ่งตีคู่กันกว่า 15 กม. เราไม่มีบทสนทนากันเลยนะ นอกจากตอน 10 กม. ที่ผมหันไปบอกว่า “Half way, yeah!” พร้อมกับหยิบเจลหลอดที่ 2 ออกมาดูด กับตอนที่วิ่งกลับมาเจอหาดจอมเทียน “Beach! yeah!” แต่เวลากินน้ำซึ่งเค้าจะวิ่งไปด้วยถือกินไปด้วย ส่วนผมจะหยุดกิน ทำให้ทิ้งระยะกันจนเค้าต้องคอยหันมามองว่า

วิ่งขึ้นมาซะที!
ข้อดีของการมีบัดดี้ที่วิ่งไปด้วยความเร็วเดียวกันได้แบบนี้ สำหรับผมมันรู้สึกว่าทำให้แรงไม่ตก เพราะเหมือนมีคนคอยดึงสเต็บให้ตลอด ถ้าช้าก็จะรู้ว่าต้องเร่งตาม เร็วไปก็ต้องผ่อน ผ่าน 10 กว่ากม.ไปแล้ว มีช่วงที่น่องซ้ายมันตุ๊ยตุ่ยจะส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง ตอนแรกนึกว่าจะไม่ดี แต่กลับกลายเป็นเหมือนว่ากล้ามเนื้อที่มันขมวดจนทำให้ปวด ตอนนี้มันคลายออกไปหมดแล้ว คราวนี้ล่ะ มันส์เลย เพราะจากนี้ไปคือการแซงชาวบ้าน (เด็ก สตรี และคนชรา) อย่างสนุกสนาน 555
เส้นทางหลังจากจุด checkpoint จะเริ่มตัดเข้ามาที่หาดจอมเทียนละล่ะ ผมเลือกมาวิ่งด้านซ้ายของบัดดี้ เพราะคิดว่าน่าจะช่วยวิ่งบังลมทะเลที่พัดมาจากชายหาดให้บัดดี้ได้ ไม่รู้สินะ ผมเหมาว่าทั้งการขี่จักรยานและการวิ่ง ลมที่ปะทะมันเป็นอีกอุปสรรคที่ทำให้แรงหมดได้เลยนะ ซึ่งผ่านจุดนี้ไปไม่นาน อาการทุกอย่างที่จะนำมาซึ่งการหมดแรงของผมก็เริ่มทยอยแสดงออกมาให้เห็นกันละ ไม่ว่าจะกระหายน้ำเร็วมาก หิวไส้จะขาด ร้อนขนลุกซู่วววว แถมความร้อนมันชอบวูบขึ้นหัวตลอดเลย นี่ยังไม่รวมอาการหัวนมถลอกที่เพิ่งจะมารู้สึกว่ามันถลอกไปเยอะมากหลังจากวิ่งเสร็จแล้วอะนะ 555 ถึงตอนนี้รู้สึกผิดที่ไม่ยอมกินมาให้พอ การกินนี่สำคัญมากนะ
ให้ตายเหอะ! ร้อนนรก! ผมเริ่มสบถกับตัวเองถี่ขึ้นกับระยะ 6-5 กม.สุดท้าย การจินตนาการเร็วเกินไปว่าโค้งที่อยู่ข้างหน้าจะนำพาภาพเส้นชัยมาให้เราเห็น เป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะคุณจะเฟลแล้วเฟลอีก เชื่อผม! มีจุดน้ำจุดนึงที่มีแตงโมเตรียมไว้ให้ด้วย ปกติผมไม่ชอบกินผักผลไม้ที่มีคำนำหน้าว่า ”แตง” เลย แต่สาบานได้ว่านี่คือแตงโมซีกที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผมละ ตอนนี้เหมือนเส้นทางกำลังจะตัดเข้าท่าเรือแหลมบาลีฮาย พร้อมๆกับที่แรงผมที่ไม่เหลือพอจะวิ่งไปกับบัดดี้ 21884 แล้ว ซึ่งในที่สุด ป้าคนนี้ก็ทิ้งผมไว้แถว Walking Street ถนนคนบาปนั่นแหละ 555
ผู้หญิงกลางคืนแถวนั้นเริ่มเดินสวนทางทยอยกลับบ้านในตอนเช้า แต่พวกเราก็ยังคงต้องวิ่งกันต่อไป … หลุดพ้นจาก Walking Street มาได้ เส้นชัยก็ใกล้เข้ามาทุกที เหลืออีกแค่ 1-2 กิโลเท่านั้นแหละ (ห่านนนน!!! ตั้ง 2 กิโล! คือความคิดในตอนนั้น) หน้าตอนนั้นนี่บอกบุญไม่รับมาก พอมาดูรูปตามเว็บนี่ใช่เลย หน้าตาไม่เอาทางโลกแล้ว กล้องเกลิ้งไม่สน ขอเข้าเส้นชัยซะทีเหอะ ผมเริ่มกระดึ๊บๆไปเรื่อยๆ คนที่เคยแซงมา บัดนี้ต่างทยอยแซงผมคืนไปเป็นกลุ่มละ ผมรวบรวมแรงสุดท้ายวิ่งเข้าเส้นชัย ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 16 นาที กับอีก 11 วิ มาถึงจุดนี้คือฟินนนนมากกก มาได้ไกลอีกระยะแล้วล่ะ
ผมเดินไปจุดรับเหรียญ ซึ่งเห็นบัดดี้ผม 21884 ยืนรอเพื่อนอยู่แถวนั้นพอดี เรากล่าวทักทายกัน เค้าขอบคุณเป็นการใหญ่ที่ช่วยดึงสเต็บให้กัน ผมก็บอกเช่นกัน ไม่ได้พี่ก็คงไม่ได้เวลาดีขนาดนี้ ผมขอ selfie ด้วย จากนั้นก็ขอตัวไปพักละ พอถึงบูธสปอนเซอร์ Sansiri ที่เพื่อนทำงานแจกน้ำกันอยู่ ก็จับขนมปังที่มีในห่อทั้งหมดยัดใส่ปาก (“ยัด” ดูจะเป็นคำกริยาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว) ตามองดูคลื่นปะทะหาด กับหญิงฝรั่งอ้วนอาบแดดในชุดบิกินี่ประหนึ่งดัง Venus of Willendorf ผมปล่อยให้ร่างกายฟื้นตัวตามสภาพของมัน ตอนวิ่งผมให้ใจเป็นนาย พอวิ่งเสร็จผมตามใจกาย อยากจะเจ็บอยากจะปวดตรงไหนก็เชิญบัญชา สิ้นสุดแล้วกับฮาล์ฟมาราธอนแรกของผม ชีวิตนี้ดีจริงๆ
งานหน้าพบกันที่ a day Human Run 2014 ครับ
ปล. ทริปนี้ขอขอบคุณสปอนเซอร์หลัก Intersect Design Factory ที่นำโดย คุณกวางศรี พี่ฝ้าย และน้องๆ ที่ให้ติดสอยห้อยตามมาพัทยาด้วยกันนะครับ / ขอบคุณมั่มแอนด์เพียงปอ เช่นกันที่ถ่ายรูปให้ หวังว่าพวกคุณคงจะสนุกกับหมีรัสเซียเต้นได้ที่ผมแนะนำให้ไปส่องเอาแถว Walking Street นะ
Running Diary : ฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกของผม Pattaya Marathon 2014
Running Diary: My First Half Marathon
Event: King’s Cup Pattaya Marathon 2014
Date: 27 July 2014
21.1 กม. … นี่คือฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกของผมและเป็นระยะทางที่ผมมาได้ไกลที่สุดในตอนนี้ ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีกับระยะฟูลมาราธอน 42 กม. ที่ต้องทำให้ได้ก่อนอายุ 30 ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 ปี (IG tag #MissionFullMarathonBefore30) รู้สึกดีที่เลือกพัทยามาราธอนเป็นที่เปิดตัวระยะฮาล์ฟที่แรก ได้กระแทกลมทะเลอยู่หลายกิโลอยู่เหมือนกัน ก่อนจะมาวิ่งมีแค่ใจกับอุปกรณ์ที่พร้อม แต่ร่างกายกับการซ้อมของผมสวนทางกันลิบลับ 2 อาทิตย์สุดท้ายที่ซ้อมนี่จะวิ่งให้ได้วันละ 7-8 กิโลยังยาก ไหนยังจะนอนน้อย แถมยังพ่วงด้วยอาการปวดน่องซ้ายแบบแปลกๆที่น่าจะเป็นกล้ามเนื้อกดทับหรือมันขมวดกันตามที่หมอนวด(ตัว)ชอบบอก
5.30 น. … เวลาปล่อยตัวนักวิ่งของระยะฮาล์ฟฯที่มีประมาณ 1600 คน ก่อนหน้านั้น 5 นาที ผมพยายามโทรบอกเพื่อนที่มาด้วยว่าให้หยิบหนมปังไว้ให้หน่อย เด๋วจะวิ่งโฉบจากมือไป- เพราะรู้สึกว่ากล้วยกับหนมปังแผ่นเดียว แล้วก็ GU Gel ที่เพิ่งหัดซื้อกินครั้งแรก น่าจะยังกินไปไม่พอ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเพื่อนไม่รับโทรศัพท์ 555 ซวยแล้ว!
เส้นทางจากจุดสตาร์ท พัทยากลางไปเหนือจะเป็นชายทะเลบรรยากาศดี ปกติผมจะเปิดเพลงบิ้วอารมณ์ดังสนั่นหู แต่เจอเสียงทะเลแบบนี้เลยขอลดเสียงเพลงไปฟังเสียงคลื่นดีกว่า แต่พอจบเส้นพัทยาเหนือเท่านั้นแหละ ไต่เนินกันเลยจ้า
ผ่านระยะ 5 กม.ไปแล้ว ถ้าจำไม่ผิดก็คงเข้าเส้นสุขุมวิทถนนใหญ่ไปแล้ว ซึ่งระยะต่อจากนี้ไปอีกประมาณ 15 กม. ผมบังเอิญได้มีบัดดี้ที่เป็นนักวิ่งผู้หญิงฝรั่งคนนึงใส่ชุดสีฟ้า หมายเลข 21884 รุ่นอายุ 40-49 ปี จากตอนแรกที่ผลัดกันแซงและโดนแซงกับเค้าไปสักระยะ ตอนหลังเลยวิ่งด้วยกัน
ข้อดีของการมีบัดดี้ที่วิ่งไปด้วยความเร็วเดียวกันได้แบบนี้ สำหรับผมมันรู้สึกว่าทำให้แรงไม่ตก เพราะเหมือนมีคนคอยดึงสเต็บให้ตลอด ถ้าช้าก็จะรู้ว่าต้องเร่งตาม เร็วไปก็ต้องผ่อน ผ่าน 10 กว่ากม.ไปแล้ว มีช่วงที่น่องซ้ายมันตุ๊ยตุ่ยจะส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง ตอนแรกนึกว่าจะไม่ดี แต่กลับกลายเป็นเหมือนว่ากล้ามเนื้อที่มันขมวดจนทำให้ปวด ตอนนี้มันคลายออกไปหมดแล้ว คราวนี้ล่ะ มันส์เลย เพราะจากนี้ไปคือการแซงชาวบ้าน (เด็ก สตรี และคนชรา) อย่างสนุกสนาน 555
เส้นทางหลังจากจุด checkpoint จะเริ่มตัดเข้ามาที่หาดจอมเทียนละล่ะ ผมเลือกมาวิ่งด้านซ้ายของบัดดี้ เพราะคิดว่าน่าจะช่วยวิ่งบังลมทะเลที่พัดมาจากชายหาดให้บัดดี้ได้ ไม่รู้สินะ ผมเหมาว่าทั้งการขี่จักรยานและการวิ่ง ลมที่ปะทะมันเป็นอีกอุปสรรคที่ทำให้แรงหมดได้เลยนะ ซึ่งผ่านจุดนี้ไปไม่นาน อาการทุกอย่างที่จะนำมาซึ่งการหมดแรงของผมก็เริ่มทยอยแสดงออกมาให้เห็นกันละ ไม่ว่าจะกระหายน้ำเร็วมาก หิวไส้จะขาด ร้อนขนลุกซู่วววว แถมความร้อนมันชอบวูบขึ้นหัวตลอดเลย นี่ยังไม่รวมอาการหัวนมถลอกที่เพิ่งจะมารู้สึกว่ามันถลอกไปเยอะมากหลังจากวิ่งเสร็จแล้วอะนะ 555 ถึงตอนนี้รู้สึกผิดที่ไม่ยอมกินมาให้พอ การกินนี่สำคัญมากนะ
ให้ตายเหอะ! ร้อนนรก! ผมเริ่มสบถกับตัวเองถี่ขึ้นกับระยะ 6-5 กม.สุดท้าย การจินตนาการเร็วเกินไปว่าโค้งที่อยู่ข้างหน้าจะนำพาภาพเส้นชัยมาให้เราเห็น เป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะคุณจะเฟลแล้วเฟลอีก เชื่อผม! มีจุดน้ำจุดนึงที่มีแตงโมเตรียมไว้ให้ด้วย ปกติผมไม่ชอบกินผักผลไม้ที่มีคำนำหน้าว่า ”แตง” เลย แต่สาบานได้ว่านี่คือแตงโมซีกที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผมละ ตอนนี้เหมือนเส้นทางกำลังจะตัดเข้าท่าเรือแหลมบาลีฮาย พร้อมๆกับที่แรงผมที่ไม่เหลือพอจะวิ่งไปกับบัดดี้ 21884 แล้ว ซึ่งในที่สุด ป้าคนนี้ก็ทิ้งผมไว้แถว Walking Street ถนนคนบาปนั่นแหละ 555
ผู้หญิงกลางคืนแถวนั้นเริ่มเดินสวนทางทยอยกลับบ้านในตอนเช้า แต่พวกเราก็ยังคงต้องวิ่งกันต่อไป … หลุดพ้นจาก Walking Street มาได้ เส้นชัยก็ใกล้เข้ามาทุกที เหลืออีกแค่ 1-2 กิโลเท่านั้นแหละ (ห่านนนน!!! ตั้ง 2 กิโล! คือความคิดในตอนนั้น) หน้าตอนนั้นนี่บอกบุญไม่รับมาก พอมาดูรูปตามเว็บนี่ใช่เลย หน้าตาไม่เอาทางโลกแล้ว กล้องเกลิ้งไม่สน ขอเข้าเส้นชัยซะทีเหอะ ผมเริ่มกระดึ๊บๆไปเรื่อยๆ คนที่เคยแซงมา บัดนี้ต่างทยอยแซงผมคืนไปเป็นกลุ่มละ ผมรวบรวมแรงสุดท้ายวิ่งเข้าเส้นชัย ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 16 นาที กับอีก 11 วิ มาถึงจุดนี้คือฟินนนนมากกก มาได้ไกลอีกระยะแล้วล่ะ
ผมเดินไปจุดรับเหรียญ ซึ่งเห็นบัดดี้ผม 21884 ยืนรอเพื่อนอยู่แถวนั้นพอดี เรากล่าวทักทายกัน เค้าขอบคุณเป็นการใหญ่ที่ช่วยดึงสเต็บให้กัน ผมก็บอกเช่นกัน ไม่ได้พี่ก็คงไม่ได้เวลาดีขนาดนี้ ผมขอ selfie ด้วย จากนั้นก็ขอตัวไปพักละ พอถึงบูธสปอนเซอร์ Sansiri ที่เพื่อนทำงานแจกน้ำกันอยู่ ก็จับขนมปังที่มีในห่อทั้งหมดยัดใส่ปาก (“ยัด” ดูจะเป็นคำกริยาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว) ตามองดูคลื่นปะทะหาด กับหญิงฝรั่งอ้วนอาบแดดในชุดบิกินี่ประหนึ่งดัง Venus of Willendorf ผมปล่อยให้ร่างกายฟื้นตัวตามสภาพของมัน ตอนวิ่งผมให้ใจเป็นนาย พอวิ่งเสร็จผมตามใจกาย อยากจะเจ็บอยากจะปวดตรงไหนก็เชิญบัญชา สิ้นสุดแล้วกับฮาล์ฟมาราธอนแรกของผม ชีวิตนี้ดีจริงๆ
งานหน้าพบกันที่ a day Human Run 2014 ครับ
ปล. ทริปนี้ขอขอบคุณสปอนเซอร์หลัก Intersect Design Factory ที่นำโดย คุณกวางศรี พี่ฝ้าย และน้องๆ ที่ให้ติดสอยห้อยตามมาพัทยาด้วยกันนะครับ / ขอบคุณมั่มแอนด์เพียงปอ เช่นกันที่ถ่ายรูปให้ หวังว่าพวกคุณคงจะสนุกกับหมีรัสเซียเต้นได้ที่ผมแนะนำให้ไปส่องเอาแถว Walking Street นะ