รักอัติโนมัติ
เมื่อกลับมาเจอรูปเก่าๆ เราก็รู้ได้ทันทีว่าความรักครั้งแรกของเรานั้นฝันไกลไปถึงแต่งงานกับเธอ และถ้าปัจจุบันนี้เรายังรักกันเหมือนตอนนั้นตอนนี้เราคงกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บตังค์แต่งงานกับเธอ ในความเป็นจริงความรักครั้งแรกนั้นผ่านมาแล้วกว่า 16 ปีและเธอกับเราก็กลายเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกันและสิ่งที่ดีไปมากกว่านั้นคือมิตรภาพของเรามันคงยาวไกลมากกว่าถ้าเรายังคงสถานะนี้ไว้ “เพื่อนสนิท” คำนี้ถูกใช้แทนที่คำว่า “แฟน” ไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปตกลงรักกันตอนไหนในวัย 9 ขวบ รู้ตัวอีกทีเราก็กลายเป็นคนที่ต้องเขียนจดหมายให้เธอคนนั้น พร้อมทั้งตามไปดูเธอทุกครั้งหน้าเวทีที่เธอทำการแสดงราวกับว่าเป็นแฟนคลับที่ไปตามเห่อนักร้อง พอมองย้อนกลับไปตอนนี้ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ทำไมเราถึงมีความรักเร็วนัก แล้วเรารักเธอคนนนั้นได้ยังไง แถมยังเขียนจดหมายให้ตั้งหลายฉบับด้วยนะ ถ้าเอามาอ่านคงขำหน้าดูรายมือตัวเท่าหม้อแกงกับการสะกดคำผิดซะเป็นส่วนใหญ่ถ้าเอามาอ่านตอนนี้คงไม่มีอะไรนอกจากความฮา
แต่ถ้าคิดในทางกลับกันละถ้าเรากับเธอคนนั้นยังรักกันเหมือนเด็กน้อยเมื่อ 9 ขวบคู่นั้นมันจะเป็นยังไง ถ้าเอาจริงๆ ความคิดเราตอนนี้มันก็คงเป็นคู่รักที่ใครต่อใครต้องอิจฉากันบ้างแหละ อย่างน้อยก็ต้องอิจฉาในความมั่นคงในความรักของเราแล้วยิ่งถ้าเพื่อนในห้องปถมพวกนั้นมาเจอละต้องยิ่ง อิจฉาไปใหญ่ใครจะรักกันได้ยาวนานเท่าคู่เราคงไม่มี แต่เอาจริงๆ ในวัยปถมจะมีซักกี่คนที่มีความรัก ยังเล่นโดดยาง มะลูนสี ตอนพักกลางวันอยู่เลย แต่เรามีตลกดีเนอะ แต่ที่ตลกกว่าตอนนี้คือเราที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตเราคนนึง อย่างไม่เคยหายไปจากชีวิตเราเลย
พอขึ้น ม. 1 สถานะของเราก็เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันอย่างไม่รู้ตัวจากคำที่เราเคยเรียกเธอแทนชื่อเล่นก็จางหายไปวันนึงเราก็เรียกชื่อเล่นเธอเหมือนเพื่อน ทั่วไปเพราะบางคนก็ถามว่าทำไมเราต้องเรียกเธออย่างนั้นจะให้ตอบยังไง อ่อเราเป็นแฟนกันตั้งแต่ป.3 หรอ พอขึ้นม.1 เราเป็นเพื่อนกันโดยไม่มีใครบอกว่าเราต้องเป็นเพื่อนกันและตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าเธอคนนั้นจะมีแฟนใหม่แล้วแฟนใหม่อีกกี่คนต่อมาจนถึงปัจจุบัน เราเองยังคงอยู่ในช่วงชีวิตนั้นของเธอเสมอ มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่รักแรกในชีวิตเรายังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตเราไม่เคยหายไป
และถึงแม้ว่าตอนที่เราทั้งคู่จะมีความสุขกับความรักที่เราได้เลือกนั้นแล้วอาจมีช่วงเวลาที่เราแวะไปดื่มด่ำจนลืมกันบ้าง แต่มันก็คงไม่สำคัญเท่าทุกครั้งที่ความรักที่ว่าหวานของเรากลับกลายเป็นว่าขมซะยิ่งกว่าบอระเพรชที่ถูกครูเอาให้อมเวลาที่เราคุยกันในแถว ทุกๆ ครั้งที่ความรักของเธอและเราจบลง เราสองคนยังคงหันหน้าเข้าหากันเสมอ ทุกวันนี้เราไม่เคยเสียใจเลยที่เราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่มีความรักยาวนานให้ใครๆ ต้องอิจฉาที่เราเป็นคู่รักกันตั้งแต่วัยเด็กน้อย เพราะถ้ามองในทางกลับกันถ้าม.1ปีนั้น หัวใจของเราทั้งสองไม่ตกลงกันอย่างอัติโนมัติในความสัมพันธ์เราเชื่อว่าวันนี้เธออาจจะหายไปจากชีวิตของเรานานแล้วก็ได้ ดังนั้นมันไม่สำคัญเลยเพราะเอาจริงๆ ตอนที่เราเป็นแฟนกันตอน ป.3 นั้นหัวใจเราสองคนก็คงตกลงกันอย่างอัติโนมัติเหมือนกัน
ขอความเห็นหากท่านใดผ่านมาอ่านนะเจ๊ะ)
เมื่อกลับมาเจอรูปเก่าๆ เราก็รู้ได้ทันทีว่าความรักครั้งแรกของเรานั้นฝันไกลไปถึงแต่งงานกับเธอ และถ้าปัจจุบันนี้เรายังรักกันเหมือนตอนนั้นตอนนี้เราคงกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บตังค์แต่งงานกับเธอ ในความเป็นจริงความรักครั้งแรกนั้นผ่านมาแล้วกว่า 16 ปีและเธอกับเราก็กลายเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกันและสิ่งที่ดีไปมากกว่านั้นคือมิตรภาพของเรามันคงยาวไกลมากกว่าถ้าเรายังคงสถานะนี้ไว้ “เพื่อนสนิท” คำนี้ถูกใช้แทนที่คำว่า “แฟน” ไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปตกลงรักกันตอนไหนในวัย 9 ขวบ รู้ตัวอีกทีเราก็กลายเป็นคนที่ต้องเขียนจดหมายให้เธอคนนั้น พร้อมทั้งตามไปดูเธอทุกครั้งหน้าเวทีที่เธอทำการแสดงราวกับว่าเป็นแฟนคลับที่ไปตามเห่อนักร้อง พอมองย้อนกลับไปตอนนี้ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ทำไมเราถึงมีความรักเร็วนัก แล้วเรารักเธอคนนนั้นได้ยังไง แถมยังเขียนจดหมายให้ตั้งหลายฉบับด้วยนะ ถ้าเอามาอ่านคงขำหน้าดูรายมือตัวเท่าหม้อแกงกับการสะกดคำผิดซะเป็นส่วนใหญ่ถ้าเอามาอ่านตอนนี้คงไม่มีอะไรนอกจากความฮา
แต่ถ้าคิดในทางกลับกันละถ้าเรากับเธอคนนั้นยังรักกันเหมือนเด็กน้อยเมื่อ 9 ขวบคู่นั้นมันจะเป็นยังไง ถ้าเอาจริงๆ ความคิดเราตอนนี้มันก็คงเป็นคู่รักที่ใครต่อใครต้องอิจฉากันบ้างแหละ อย่างน้อยก็ต้องอิจฉาในความมั่นคงในความรักของเราแล้วยิ่งถ้าเพื่อนในห้องปถมพวกนั้นมาเจอละต้องยิ่ง อิจฉาไปใหญ่ใครจะรักกันได้ยาวนานเท่าคู่เราคงไม่มี แต่เอาจริงๆ ในวัยปถมจะมีซักกี่คนที่มีความรัก ยังเล่นโดดยาง มะลูนสี ตอนพักกลางวันอยู่เลย แต่เรามีตลกดีเนอะ แต่ที่ตลกกว่าตอนนี้คือเราที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตเราคนนึง อย่างไม่เคยหายไปจากชีวิตเราเลย
พอขึ้น ม. 1 สถานะของเราก็เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันอย่างไม่รู้ตัวจากคำที่เราเคยเรียกเธอแทนชื่อเล่นก็จางหายไปวันนึงเราก็เรียกชื่อเล่นเธอเหมือนเพื่อน ทั่วไปเพราะบางคนก็ถามว่าทำไมเราต้องเรียกเธออย่างนั้นจะให้ตอบยังไง อ่อเราเป็นแฟนกันตั้งแต่ป.3 หรอ พอขึ้นม.1 เราเป็นเพื่อนกันโดยไม่มีใครบอกว่าเราต้องเป็นเพื่อนกันและตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าเธอคนนั้นจะมีแฟนใหม่แล้วแฟนใหม่อีกกี่คนต่อมาจนถึงปัจจุบัน เราเองยังคงอยู่ในช่วงชีวิตนั้นของเธอเสมอ มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่รักแรกในชีวิตเรายังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตเราไม่เคยหายไป
และถึงแม้ว่าตอนที่เราทั้งคู่จะมีความสุขกับความรักที่เราได้เลือกนั้นแล้วอาจมีช่วงเวลาที่เราแวะไปดื่มด่ำจนลืมกันบ้าง แต่มันก็คงไม่สำคัญเท่าทุกครั้งที่ความรักที่ว่าหวานของเรากลับกลายเป็นว่าขมซะยิ่งกว่าบอระเพรชที่ถูกครูเอาให้อมเวลาที่เราคุยกันในแถว ทุกๆ ครั้งที่ความรักของเธอและเราจบลง เราสองคนยังคงหันหน้าเข้าหากันเสมอ ทุกวันนี้เราไม่เคยเสียใจเลยที่เราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่มีความรักยาวนานให้ใครๆ ต้องอิจฉาที่เราเป็นคู่รักกันตั้งแต่วัยเด็กน้อย เพราะถ้ามองในทางกลับกันถ้าม.1ปีนั้น หัวใจของเราทั้งสองไม่ตกลงกันอย่างอัติโนมัติในความสัมพันธ์เราเชื่อว่าวันนี้เธออาจจะหายไปจากชีวิตของเรานานแล้วก็ได้ ดังนั้นมันไม่สำคัญเลยเพราะเอาจริงๆ ตอนที่เราเป็นแฟนกันตอน ป.3 นั้นหัวใจเราสองคนก็คงตกลงกันอย่างอัติโนมัติเหมือนกัน