ความรักที่ไม่ค่อยคืบหน้ากับชีวิตโสดที่เริ่มถึงจุดอิ่มตัว

อยากขอระบายนิดนึงครับ พอดีว่าช่วงนี้ค่อนข้างเหงา+เครียดพอสมควรกับเรื่องความรัก

คือเมื่อประมาณช่วงเดือนพฤษภาที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้คุยกับสาวคนหนึ่งที่ทำงานแบบจริงๆจังๆ ซึ่งจริงๆรู้จักกันมานานพักใหญ่ๆตั้งแต่ช่วงที่ผมเพิ่งเข้ามาทำงานแล้วครับ เธอแต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูกและเพิ่งหย่ากับสามีเธอได้ไม่นาน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็รู้แหละว่าเธอมีแฟนแล้ว(แต่ยังไม่รู้ว่าแต่งงานกันแล้ว) เลยคุยกับเธอเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น(ผมจะถือกฎเหล็กอย่างนึงว่าจะไม่คบผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่ได้แต่งเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อนหรือพี่น้องเด็ดขาด)

ก่อนหน้าที่จะรู้ข่าวว่าเธอหย่ากับสามีเธอ ผมเองก็เพิ่งเลิกกับพี่สาวที่ทำงานคนหนึ่งที่กำลังคบกันอยู่ เนื่องจากไปจับได้ว่าหล่อนคบซ้อน(เริ่มคบอีกคนซ้อนพร้อมๆกับตอนที่เริ่มคบกับผมเลย)ที่หนักกว่านั้นคือ ไอ้ผู้ชายที่หล่อนไปคบมันดันมีครอบครัว แต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ไม่ยอมเลิก(พูดง่ายๆคือเป็นชู้กับผัวชาวบ้านว่างั้น)ไอ้ผู้ชายมันก็เลวถึงขนาดทิ้งลูกเมียตัวเองมาหาเธอคนนั้น ซึ่งเมื่อผมรู้เรื่องก็ตัดสินใจเลิกทันทีแบบไร้เยื่อใย และหลังจากนั้นไม่นานถึงได้รู้ว่าเธอ(คนที่ผมกำลังจีบอยู่ ณ ปัจจุบัน)เพิ่งหย่ากับสามีของเธอ

ด้วยความที่ผมกับเธอเองก็สนิทกันพอสมควรในฐานะเพื่อนมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ประกอบกับก็เพิ่งช้ำกับความรักมาด้วยกันทั้งคู่ ผมก็เลยเริ่มคุยกับเธอคนนั้นมากขึ้น มีซื้อน้ำ ซื้อขนมเลี้ยงเธอและเพื่อนเธอบ้าง ซึ่งจากที่ได้คุยก็มีความรู้สึกดีกับเธอมากๆ เพราะเธอน่ารัก เป็นมิตร และอัธยาศัยดี และเท่าที่คุยกันเธอเองก็ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกับผม แต่สิ่งนึงของเธอที่ทำให้ผมถึงกับอึ้งเลยคือ เธอเกิดวัน เดือน ปีเดียวกันกับผมแป๊ะๆ

จนในที่สุด หลังจากที่คุยกันมาประมาณเกือบๆ 2 เดือน ผมเลยตัดสินใจสารภาพรักกับเธอ แต่เธอบอกว่าตัวเธอยังไม่พร้อมตอนนี้เนื่องจากยังช้ำกับความรักครั้งก่อนอยู่(ซึ่งตอนนี้แหละที่ผมถึงได้รู้ว่าเธอแต่งงานแล้วกับแฟนคนก่อน)และเธอเองก็กำลังแฮปปี้กับชีวิตโสดของเธออยู่ซึ่งเธอไม่เคยใช้ชีวิตแบบนี้มาก่อน ตอนนั้นก็ยอมรับว่าเงิบพอสมควรครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ก็ให้เวลาเธออีกสักพักก็แล้วกัน

หลังจากนั้นผมก็ยังคงคุยกับเธอตามปกติ แต่แล้วอยู่ดีๆเธอเกิดเริ่มคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องทัศนะคติในการใช้ชีวิตคู่ของผม ประมาณว่าคำว่าแฟนสำหรับผมคืออะไร หรือถ้าผมมีแฟนแล้ว ผมจะดูแลเค้ายังไง ตอนนั้นก็ยอมรับว่างงเหมือนกันครับที่อยู่ดีๆเธอก็มาชวนคุยอะไรแบบนั้น แต่ผมก็ตอบเธอไปตามความเป็นจริงแหละครับ ช่วงนี้แหละคือช่วงที่พีคสุดๆเลยก็ว่าได้ เพราะจากเดิมที่ผมมักจะคุยกับเธอเรื่องทั่วๆไป และผมมักจะเป็นฝ่ายทักเธอไปก่อน มาคราวนี้เธอกลับมาเป็นฝ่ายเริ่มถามเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่และเริ่มเป็นฝ่ายทักมาหาผมก่อน จากที่คุยกับแป๊ปๆก็เลิก คราวนี้กลับเป็นคุยได้แบบลากยาวเป็นชั่วโมงๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมรู้สึกดีมากๆและเริ่มมีความหวังว่าเค้าเริ่มเปิดใจหาผมแล้ว มันทำให้ผมมีกำลังใจในการใช้ชีวิตและทำงานมากๆ จากเดิมที่ผมทำโอทีบ้าง ไม่ทำบ้าง และแทบไม่เคยโผล่มาทำตอนวันหยุด คราวนี้กลับกลายเป็นทำโอทีจัดหนักทุกวันและมาทำวันหยุดบ่อยขึ้นด้วย พร้อมกับเริ่มเปลี่ยนบุคลิกตัวเองและแก้ไขข้อเสียต่างๆในตัวผมเองเพื่อที่ว่าจะได้มั่นใจว่า ผมจะสามารถดูแลเค้าได้

แต่หลังจากนั้นได้ไม่นาน เค้าก็เลิกคุยกับผมเรื่องชีวิตคู่แต่ก็ยังคุยกันอยู่ตามปกติ ก็เรื่องทั่วๆไปแหละครับ เพียงแต่คุยกันได้นานขึ้นกว่าเดิม ผมเองก็ยังคงเลี้ยงน้ำเลี้ยงข้าวเค้า(รวมทั้งเพื่อนเค้า)เหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เค้ายังไม่ยอมสักทีคือ ผมเองก็พยายามชวนไปหาอะไรทานด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่เค้ายังไม่ยอมไปกับผมสักที แม้ผมจะบอกว่าให้ชวนเพื่อนเค้าไปด้วยถ้ายังไม่อยากมากับผมแบบ 2 ต่อ 2 ก็ตาม ซึ่งถ้าไปก็จะไปกับเพื่อนๆของเค้าซะมากกว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกเมื่อมือถือเค้าดันมาเสียจนต้องส่งเคลม ผมเลยแทบไม่ค่อยได้คุยกับเค้าเลยนอกจากอยู่ที่ทำงาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมรู้สึกห่างเหินกับเค้าเพราะหาเวลาคุยได้ค่อนข้างน้อยเนื่องจากเค้าทำงานอยู่คนละแผนกกับผม

และผมเองก็เริ่มเอะใจเรื่องมือถือของเค้าอยู่ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเอามือถือของพี่สาวมาใช้ไปก่อน ซึ่งก็เป็นมือถือของพี่สาวเค้าจริงเพราะผมจำมือถือของตัวเค้าได้ แต่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงไม่เอาซิมของตัวเองมาใส่แทนช่วงที่ส่งซ่อม(ซึ่งตอนหลังเจ้าตัวบอกว่าใช้วิธีโอนสายเอา) และผมเองมักจะเห็นเค้าเล่นมือถือในช่วงที่รอขึ้นรถมาทำงานอยู่ด้วยซึ่งก็ไม่รู้ว่าเล่นเน็ตหรือเล่นไลน์หรือเปล่า(ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้เล่นช่วงที่มือถือส่งซ่อม) และหลังๆผมมักจะเห็นเค้าไปไหนมาไหนกับเพื่อนผู้ชายในแผนกบ่อยขึ้น(จากเดิมที่ไม่ค่อยได้ไปกับผู้ชายเลย) ถึงจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อน แต่จากที่สังเกตดูท่าทางหลายๆอย่างแล้วมันผิดแปลกไปจากเดิมก่อนหน้านี้ ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มคิดว่าเธอกำลังมีเรื่องโกหกผมอยู่หรือเปล่า ถึงที่ผ่านๆมาที่คุยกับเธอ เธอจะยังไม่เคยโกหกให้ผมเห็นเลยก็ตาม(ผมเองก็พยายามจับโกหกเธอด้วยเพราะผมเองก็ไม่ค่อยไว้ใจผู้หญิงเนื่องจากช้ำกับคนที่แล้วมา) แต่มันอาจจะเป็นเพราะผมคิดมากไปเองก็ได้มั๊ง

ความรักในช่วงนี้เลยไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ ทำให้ผมเริ่มมีความรู้สึกเครียดพอสมควร เพราะกับคนนี้ต้องบอกเลยว่ารักและจริงใจมาก(แต่ยังไม่ถึงกับหมดใจ) ในขณะที่ตัวผมเอง ต้องบอกว่าอายุ 25 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยแม้แต่คนเดียว(กับคนเก่าที่จบกันไม่สวยอันนั้นก็ยังไม่ได้คบกันแบบจริงๆจังๆ) ซึ่งแรกๆผมก็เอนจอยดีครับกับชีวิตโสด(ถึงขั้นเคยประกาศว่าจะขออยู่เป็นโสดตลอดไป) แต่พอเวลาผ่านไปๆ ผมเองก็ได้ทำอะไรอย่างที่ตัวเองต้องการไปจนแทบจะหมดแล้ว และมีความรู้สึกว่าตอนนี้มันมาถึงจุดอิ่มตัวแล้วสำหรับผม ในขณะที่ผมไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ผมมักจะเห็นคู่รักชายหญิงเดินควงแขนถ่ายรูปกัน กระหนุงกระหนิงกันอย่างมีความสุข หอหันกลับมาดูตัวเองที่ต้องกินข้าวคนเดียว เที่ยวคนเดียวมาโดยตลอด แรกๆมันก็เอนจอยดี แต่นานๆเข้ามันทำให้เกิดความรู้สึกเหงาลึกๆในใจ ซึ่งก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะเดินหน้าต่อไปยังไงดี ตัวผมเองก็ยังมือใหม่กับเรื่องจีบสาวด้วยเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่